ยังคงมาตรการเปิด-ปิดด่านตามเวลา
จ่อดาบ2ตัดน้ำ-ไฟ
สมช.รอประเมินท่าทีกัมพูชา
‘อิ๊งค์’โวไม่เลิกคุยผู้นำเขมร
จนยอมปรับลดกำลังทหาร
‘สนธิ’กร้าวพร้อม‘ลงถนน’
นายกฯย้ำผลลัพธ์เจรจาด้วยสันติวิธีทำสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรผ่านไปด้วยดี การันตี ไม่มีสงคราม โวใช้ความจริงใจคุยตรงผู้นำเขมร ยันทุกระดับคอนเฟิร์มร่วมวงถกเจบีซี 14 มิถุนายน ด้าน โฆษกรบ.เผยนายกฯลงพื้นที่ตรวจชายแดนไทย-เขมร 11 มิย.ที่ช่องจอม-กาบเชิง สุรินทร์ ขณะที่‘บิ๊กเล็ก’รับสถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อย ไม่มีเผชิญหน้า แต่ยังคงมาตรการเปิด-ปิดด่านตามเวลาต่อไปไม่มีกำหนด ยกเลิกเมื่อใดขึ้นกับท่าทีเขมร จ่อถกแผนตัดน้ำ-ตัดไฟ ขอความเห็นใจเรื่องความมั่นคงเปิดเผยไม่ได้ทุกเรื่อง หวั่นเสียเปรียบ ขณะที่ “สนธิ-จตุพร” นำทัพประกาศพร้อมลงถนน ปกป้องอธิปไตย ชง 6 ข้อให้รบ.ใช่แก้ปัญหาทั้ง เลิก MOU 43 เลิกแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อสองแสนในเจบีซี ร้องไม่เอา “ประศาสน์”เป็นหัวหน้าคณะเจรจา
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยปฏิบัติงานร่วมกันและพูดคุยหลายภาคส่วน ระดับพื้นที่หน่วยงานความมั่นคงและกองทัพได้ประสานผู้นำเหล่าทัพของกัมพูชาหลายครั้ง เพื่อพูดคุยเจรจาบริเวณชายแดนซึ่งแต่ลุหน่วยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ผลออกมาก็ค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี
คอนเฟิร์มถกเจบีซี14มิย.
“ดิฉันพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และพล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีการเจรจาเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ผลลัพธ์ที่ออกมาเราเจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่มีการปะทะกันที่รุนแรง”นายกฯกล่าว และว่า ในส่วนกระทรวงการต่างประเทศเน้นย้ำในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิถุนายน มีการคอนเฟิร์มทุกระดับ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ระดับนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันวันที่ 14 มิถุนายน มีการประชุมเกิดขึ้นแน่นอน
รบ.ไทยย้ำไม่รับเขตอำนาจศาลโลก
นายกฯกล่าวต่อว่า กรณีที่กัมพูชาประสงค์จะส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก รัฐบาลไทยขอยืนยันว่าไม่รับเขตอำนาจศาลโลก โดยที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศดำเนินการผ่านวิธีทางการทูต ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเวทีสากลและมีผลลัพธ์ที่ดีมาตลอด แน่นอนว่าเรื่องนี้บางครั้งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชนได้ เพราะเป็นการเคารพการพูดคุยในเรื่องข้อมูลของทั้งสองประเทศ ตรงนี้เป็นสิ่งจำเป็นไม่สามารถรายงานได้ตลอด
ยันไม่ได้ปิดด่านแต่เปิด-ปิดตามเวลา
นายกฯกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้กำชับมาตรการชายแดนต่างๆให้เปิด-ปิดตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไม่ได้ปิดด่านถาวรตามที่มีข่าวลือออกมา เพราะทราบดีว่าพื้นที่ตรงนั้นมีการค้าขายระหว่างประเทศ ถ้าปิดด่านถาวรจะส่งผลเสียต่อประชาชน ฉะนั้นก็มีมาตรการรัดกุมเรื่องเวลาเปิด-ปิดด่าน และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่มีส่วนเจรจาครั้งนี้ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับหัวหน้าหน่วยทุกคนที่ได้มีรายงานตรงมายังตนตลอดเวลา บางอย่างตนไม่สามารถออกมาพูดได้ เพราะจะเกิดผลกระทบค่อนข้างไม่ดี แต่มีบางข้อมูลที่เล็ดลอดออกไปก็ได้บอกกับทางกัมพูชาและตกลงกันได้ เข้าใจกันและกัน ก็ต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวมถึงไม่ให้สร้างความแตกแยกในประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นคงสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยสันติวิธี และยืนยันด้วยว่า จะไม่มีสงครามเกิดขึ้น
ใช้คำว่าปรับกำลังเป็นการให้เกียรติ2ฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจกับท่าทีของสมเด็จฮุนเซ็น แค่ไหน หลังออกมาโพสต์ข้อความที่มีนัยเชิงลบ เล่นการขยับกำลังไม่ได้เป็นการถอย เหมือนการนอนอยู่แล้วเปลี่ยนท่า น.ส.แพทองธารตอบว่า เราสื่อสารในเรื่องนี้ในลักษณะที่คล้ายกันหลายจุด เช่นคำว่าถอยทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากใช้คำนี้เราใช้คำว่าปรับกำลัง เพราะเราปรับกำลังทั้งคู่เป็นการให้เกียรติกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่กัมพูชาอย่างเดียวแต่ของเราก็ปรับกำลังเช่นกัน การที่เขาบอกว่าพร้อมรับมือเราก็พร้อมเช่นกันไม่ว่าปะทะแบบไหนเราต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน
ชูสันติวิธี-ความจริงใจทำเขมรยอม
ถามต่อว่าเห็นหนังสือที่มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ที่นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้รักษาอธิปไตย น.สแพทองธารกล่าวว่ายังไม่เห็นเพียงแต่ทราบว่ามีการมายื่น ทุกความคิดเห็นรัฐบาลรับฟังอยู่แล้ว สิ่งที่เราทำอยู่กองทัพก็วางกำลังดูแลอยู่
ถามอีกว่าอะไรคือประเด็นหลักในการคุยกับนายฮุนเซ็น และฮุนมาเนต แล้วทำให้ท่าทีอ่อนลง นายกฯกล่าวว่า ทั้งสองประเทศต้องการสันติวิธี เราคุยว่าเรามีความจริงใจแบบนี้ ไม่ต้องการเห็นคนทั้งสองประเทศมีปัญหากัน เราต้องการความสงบ ตอนนี้เราเร่งเครื่องเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าไม่อยากให้มาเป็นสนามรบ เมื่อถามว่าหนึ่งในข้อเสนอคือการให้ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกเป็นสากล และยกเลิกเอ็มโอยู 43 เราจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาหลังความขัดแย้งครั้งนี้เลยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราขอพิจารณาเป็นเรื่องๆไป แก้ทีละปมทีละจุด เหมือนที่เรายืนยันกับเขมรว่าเราขอโฟกัสเรื่องข้อพิพาทก่อนไม่ใช่เอาทุกเรื่องมาปนกันหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่ชัดเจนในแต่ละหัวข้อ
11มิย.นายกฯลงพื้นที่ช่องจอม-กาบเชิง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 11 มิถุนายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และจะเป็นประธานประชุมความมั่นคง รวมถึงมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทยกัมพูชา นอกจากนี้ นายกฯจะตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่กำลังพล กองกำลังสุรนารี อำเภอกาบเชิง และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับกำลังพล จากนั้น จะออกเดินทางต่อไปยังจุดผ่านแดนถาวร ช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พบปะประชาชนในพื้นที่
“การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน รวมทั้งรับฟังข้อมูลสถานการณ์โดยตรง เพื่อให้ได้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงนำไปแก้ไขปัญหาและพร้อมให้การช่วยเหลือต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำมาโดยตลอดเรื่องสันติวิธี ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียชีวิต และไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับผลกระทบแต่จะไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตย” นายจิรายุ กล่าว
คงมาตรการชายแดน-รอดูท่าทีเขมร
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม แถลงลำดับเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชาตลอดจนการแก้ปัญหาของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมามีสื่อบางสำนักเสนอข่าวที่จ.จันทบุรีประกาศกฎอัยการศึก ขอชี้แจงว่า ความจริงแล้วอำเภอชายแดนรอบประเทศมีการประกาศกฎอัยการศึกทุกอำเภอด้วยอำนาจของกองทัพและทหารในพื้นที่กฎอัยการศึกสามารถดำเนินการได้เองอยู่แล้ว เพียงแต่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)เห็นว่าปัจจุบันไม่สมควรต้องใช้อำนาจกฎอัยการศึกดำเนินการดังกล่าว จึงเป็นการใช้มติของสมช.ใช้กฎหมายปกติในส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับมาตรการที่ดำเนินการอยู่ รมช.กลาโหมกล่าวว่า รัฐบาลพิจารณาแล้วขอให้ยังดำรงมาตรการต่างๆอยู่ต่อไป เพื่อประเมินสถานการณ์เป็นไปในทิศทางใด แม้ปัจจุบันจะดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนจะนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ อาจเร็วหรือช้ากว่านั้น โดยไทยใช้แนวทางสันติอยู่แล้ว เน้นการพูดคุยและกลไกเจบีซี แต่เราจะดูท่าทีของกัมพูชาว่า พัฒนาไปในแนวทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าดีขึ้นเราจะนำมาพิจารณาเรื่องมาตรการควบคุมแนวชายแดนอีกครั้ง ทั้งนี้ รัฐบาลมองผลกระทบความปลอดภัยของประชาชน ห่วงประชาชนถ้ากำลังเผชิญหน้าอยู่แบบนี้
จ่อดาบ2ตัดน้ำตัดไฟ-คุมเวลาเปิด/ปิดด่าน
ก่อนประชุม ครม. พล.อ.ณัฐพลกล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรว่า
สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อยกว่าเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา หลังสองฝ่ายปรับกำลัง ไม่เผชิญหน้ากัน ยืนยันมาตรการปรับระยะเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนยังคงไว้อยู่ ส่วนกำลังส่วนอื่นทั้งสองฝ่ายยังอยู่ที่เดิม ฉะนั้น มาตรการควบคุมตามแนวชายเรายังทำต่อไป ซึ่งหลังจากนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมาเปิดเผยอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ จะเสนอที่ประชุม สมช.อย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า คงต้องพิจารณาตามสถานการณ์ ซึ่งเรื่องตัดน้ำตัดไฟหน่วยกำลังป้องกันชายแดนต้องการที่ตัดน้ำ ตัดไฟ แต่ขณะเดียวกัน ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้อำนวยการต้องการตัดน้ำ ตัดไฟเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ จึงขึ้นอยู่กับสมช.จะพิจารณาว่า จะดำเนินการหรือไม่ อย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ที่จะดำเนินการในช่วงนี้
ขอสื่อเห็นใจการทหารพูดก่อนเสียเปรียบ
ถามต่อว่าจะมีส่วนทำให้สถานการณ์ชายแดนกลับมาตึงเครียดอีกรอบหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ก็ต้องช่วยกันพิจารณาไง ที่ผ่านมาไม่ได้แค่หน่วยงานใดทำคนเดียว ทั้งสมช.และรัฐบาลหารือกันในวงเล็ก
พล.อ.ณัฐพลยังขอร้องสื่อ ให้ได้ความเห็นใจ เพราะการเจรจา ถ้าเรามาพูดก่อนจะทำให้เขารู้ว่า เราคิดอะไร จะทำอะไร ฉะนั้น บางครั้งก็ไม่ได้พูด ซึ่งการไม่ได้พูดนี่แหละทำให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนตัดพ้อต่อว่า รัฐบาลนิ่งเฉย ช้าไป แต่ถ้าเราพูดก่อน เขาก็รู้ก่อน ฉะนั้นฝ่ายความมั่นคงเวลาคิดทำอะไร ลำบากตรงนี้ ความมั่นคงการทหารต่างกับด้านเศรษฐกิจและด้านอื่น ที่ชี้แจงก่อนได้ แต่การทหารการต่างประเทศ ถ้าเราพูดก่อนอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อีกฝ่ายจะรู้ว่าเราพูดอะไร
รมช.กลาโหมกล่าวย้ำว่า ที่มีผู้รู้และนักการทหารออกมาพูดทำให้กัมพูชาพอเดาออกว่า กองทัพทำอะไร ตรงนี้ส่วนที่ตนรับผิดชอบก็รู้สึกหนักใจ แต่ไม่เป็นไร ปัจจุบันเป็นเรื่องข้อมูลข่าวสาร เราต้องแสดงความโปร่งใส และต้องใช้ฝีมือมากขึ้น เราจะไม่เหมือนสมัยก่อนทุกอย่างเป็นความลับ เขาจะไม่รู้ว่าเราทำอะไร มีกำลังและอาวุธอะไรบ้าง แต่สมัยนี้ต้องพูดก่อน เรื่องความลับไม่ได้หมายความว่า ไม่ไว้ใจสื่อหรือประชาชน เพียงแต่เราต้องการให้มีความได้เปรียบอยู่บ้าง
“สนธิ-จตุพร”นำทัพพร้อมลงถนน
วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประเทศ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นายวีระ สมความคิด นักสิทธิมนุษยชน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. และเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ
นายสนธิกล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่เทียมฟ้า เพราะนายวีระ เป็นเหยื่อของคนที่ต้องการยกพื้นที่ในประเทศไทยให้กัมพูชาข้อเท็จจริงพิสูจน์และปฏิเสธไม่ได้ว่านายวีระ ตอนถูกจับอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย 2. ตนไม่สนใจว่าทักษิณ ชั้น 14 จะตายโหงตายห่าอย่างไร เพราะรู้ว่าเมื่อเข้ากระบวนการก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ แต่ตนสนใจคนทรยศต่อบ้านเมืองที่อยู่ในประเทศไทย ที่แอบส่งเสริมให้กัมพูชายึดพื้นที่ไทย
“ผมยืนยันถึงเวลาที่ต้องปกป้องอธิปไตยไทย พร้อมจะลงถนน ผมไม่ขัดข้องถึงอายุ 78 ปี จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายก่อนตาย ผมก็ยินดี และเชื่อว่าประชาชน หรือว่าทุกคนบนโต๊ะนี้ร่วมกับผมแน่ และขอฝากถึง นายกฯแพทองธาร นายภูมิธรรม นายทักษิณ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย“นายสนธิ กล่าวและย้ำว่า เรามาเตือนรัฐบาล ใครก็ตามที่มีเจตนาใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เจรจาทวิภาคีคือการสละอธิปไตย เป็นกบฏ 20 ปีที่ทำเรื่องนี้มา เรามีหลักฐานว่าความผิดสำเร็จแล้ว เราไม่อยากสิ้นชาติ สิ้นรัฐบาลไม่เป็นไร
ซัดเขมรถอยเป็นแค่ยุทธวิธีอย่าไว้ใจ
ด้านนายปานเทพกล่าวว่า แม้มีสัญญาณกัมพูชาจะถอยแต่เราไม่เชื่อ เราเชื่อว่าเป็นการถอยทางยุทธวิธี เพราะปัจจุบันเรายังไม่สามารถไว้วางใจได้ เรายังเห็นท่าทีของเขมรเป็นปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงเศรษฐกิจของไทย อีกทั้ง กัมพูชายังประกาศว่าพื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) เป็นของเขมร และจะนำเรื่องให้ศาลโลกตัดสิน
นายปานเทพกล่าวต่อว่า และกัมพูชายังยึดมั่นพื้นที่มาตรา 1:200,000 ที่จัดทำโดยฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการรุกล้ำฝ่ายไทยตั้งแต่ปี 2543 ถึงปี 2547 ละเมิดข้อตกลงไปแล้ว 470 ครั้ง อีกทั้ง MOU 2543 สร้างความขัดแย้งให้ไทย-กัมพูชา มา 25 ปี รวมทั้งเขมรยึดเส้นเขตไหล่ทวีปทางทะเลและสร้างสิ่งปลูกเพิ่มยื่นเข้ามาในอ่าวไทย ที่สำคัญกัมพูชาเป็นพื้นที่อาชญากรรมทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศไทยตลอดแนวชายแดน ไม่ว่าจะกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์พนันออนไลน์ ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเรียกร้องให้รัฐบาลทำตาม 6 มาตรการ ดังนี้
ยื่น6ข้อจี้รบ.แก้ปมร้อนชายแดน
มาตรการที่ 1 รัฐบาลไทยต้องไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และไม่ยอมรับการที่กัมพูชานำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่ยอมรับอำนาจจากองค์กรอื่นหรือประเทศอื่นมาตัดสินเรื่องอธิปไตยของประเทศไทย และใช้กลไกทวิภาคีเจบีซีเท่านั้นมาตรการที่ 2 ไทยต้องประท้วงเป็นทางการต่อรัฐบาลกัมพูชาและทางสากลว่า 3 ปราสาทและ 1 ดินแดน เป็นดินแดนอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มีการแบ่งเขตแดนเสร็จสิ้นแล้วระหว่างสยามและฝรั่งเศส ต้องแก้ไขคำพูดของนายภูมิธรรมว่าการรุกล้ำของเขมรที่เป็น โนแมนสแตน ทั้งที่เป็นแผ่นดินไทยเท่านั้น มาตรการที่ 3 ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1:200,000
มาตรการที่ 4 ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ยกเลิกเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา และใส่เส้นมัธยะตามหลักสากล
มาตรการที่ 5 สั่งการและมีมติเพิ่มเติมอำนาจต่อรองให้คณะเจรจา ไม่ว่าปิดด่าน แก้ปัญหาชายแดนพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาวุธสงคราม ยาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า ต้องกดดันต่อด่านปอยเปรตและกาสิโนทั้งหมดและมาตรการที่ 6 หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เลวร้าย ไม่สามารถเจรจาได้ ภาคประชาชนสนับสนุนให้กองทัพไทยประกาศกฎอัยการศึก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนที่มาจากความผูกพันทางเครือญาติของผู้นำการเมืองทั้งสองประเทศ
ไม่เอา“ประศาสน์”บี้เปลี่ยนหน.ทีมเจรจา
ขณะที่นายวีระเรียกร้องอีกว่า หากใช้เอ็มโอยู 2543 ไปเจรจาเราจะแพ้กัมพูชา แค่เริ่มก็แพ้ และขอให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจรจาคือ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ทำให้ตนถูกจำคุกที่ กรุงพนมเปญ ให้ยอมรับว่าเราเข้าไปในเขตกัมพูชาทั้งที่เป็นเขตของประเทศไทย กล่าวหาว่าเราเป็นสายลับ ไปโจรกรรมความลับในกัมพูชา ขอยืนยันถ้าไทยจะให้ นายประศาสน์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ตนว่าประเทศเสียหาย และรัฐบาบแพืองธารต้องรับผิดชอบ เราถูกหลอก รัฐบาลหลอกประชาชน หลักฐานคือเมื่อวานกระทรวงกลาโหมเขมรกับฮุนเซน ออกแถลงยืนยันว่ายังไม่ถอนทหารแค่ปรับกำลัง ประเทศไทยกลับออกข่าวว่ามีการถอนทหาร กัมพูชายอมแล้ว
พร้อมปกป้องอธิปไตยไล่ฮุนเซนลงนรก
นายสนธิยังกล่าวกับมวลชนว่า ตนประกาศไปแล้วเรื่องอธิปไตยของชาตินั้นยอมกันไม่ได้เลย ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ต้องแตกหักกัน ตนเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศจะเข้ามาร่วมกับตนและพวกเรา ในเรื่องของการปกป้องอธิปไตยของชาติ เพราะว่าเรามีคนไทยใจเขมร แม้กระทั่งประธาน JBC ซึ่งรัฐบาลชุดนี้แต่งตั้ง ที่เป็นอดีตทูตไทยประจำเขมร มาเป็นประธาน JBC แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่จริงใจต่อการเจรจา เรามีข้อสรุปว่ากัมพูชายังไม่ได้ถอยจริง เรายื่นข้อเสนอว่าถ้ายังแก้ไขไม่ได้เราจะให้ทหารเข้ามาประกาศกฎอัยการศึกเพื่อจัดการกับเขมร และคนไทยขายชาติซึ่งตนมีรายชื่อหมดแล้ว พวกเราทำอะไรมีเหตุผล เราไม่รับอำนาจศาลโลก เราไม่ได้คลั่งชาติจะไปรบกับใคร แต่ตนคิดว่าคนไทยไม่กลัวกัมพูชา และทหารไทยไม่กลัวทหารกัมพูชาวันนี้เราประสานทุกฝ่าย ร่วมมือเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ แล้วไล่ฮุนเซนให้ลงนรกไป
“ประศาสน์”ปธ.เจบีซีไทย-ผบ.ทสส.ที่ปรึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ฝ่ายไทย เตรียมเดินทางไปร่วมประชุมกับฝ่ายกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่จะมีขึ้นวันที่ 14 มิถุนายน โดยภารกิจสำคัญของคณะกรรมาธิการฯคือ การพิจารณาและเจรจาปัญหาเส้นเขตแดนทางบกระหว่างสอง ประเทศ รวมทั้งการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนให้ชัดเจนเป็นทางการ ป้องกันความขัดแย้งในอนาคต
คณะกรรมาธิการฯชุดนี้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการหรือคณะทำงานเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม โดยมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เป็นประธานและปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทน เป็นรองประธาน
รายชื่อคณะกรรมาธิการที่ร่วมทีมประกอบด้วยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือผู้แทนเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ หรือผู้แทนอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก หรือผู้แทนอธิบดีกรมการปกครอง หรือผู้แทนเจ้ากรมแผนที่ทหาร หรือผู้แทนเจ้ากรมอุทกศาสตร์ หรือผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หรือผู้แทนรองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายผู้แทนกระทรวงมหาดไทยผู้แทนจากกองบัญชาการกองทัพไทยผู้แทนกองทัพบกผู้แทนจากกองทัพเรือทั้งนี้ ผู้อำนวยการกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย จะทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการและเลขานุการ
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมตั้งพล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการชุดนี้
10บ่อนปอยเปตระส่ำ-สำรองเครื่องปั่นไฟ
วันเดียวกัน ที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของมาตรการตอบโต้และกดดันกัมพูชากรณีข้อพิพาทชายแดน ร.ท.สาโรจน์ โยธา ผบ.ร้อย ทพ.1201 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ยังคงเปิดประตูด่านพรมแดนคลองลึก ในเวลา 08.00 น.ตามมาตรการปรับร่นเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดนคลองลึกฯเพื่อกดดันกัมพูชา ของกองทัพไทย ส่วนกัมพูชาก็ยังคงเหลื่อมเวลาเปิดด่านปอยเปต เวลา 09.00 น.ช้ากว่าไทย 1 ชม.
ขณะที่พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา สั่งการเจ้าหน้าที่กองร้อย ทพ.1201 ร่วมกับตม.จว.สระแก้ว ตั้งจุดตรวจเข้มสกัดนักพนันชาวไทยไม่ให้เดินทางออกไปเขมร ทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก ด่าน ตม.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ยกเว้นคนไทยที่ไปทำงานในฝั่งปอยเปตฯสามารถเดินทางออกไปได้แต่สามารถอยู่ในกัมพูชาได้ไม่เกิน 7 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากมาตรการสกัดนักพนันชาวไทยไม่ให้ออกไปบ่อนเขมรของกองทัพไทยเริ่มส่งผลกระทบต่อบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปตของเขมรอย่างหนัก ทำให้ในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต10แห่งเริ่มเงียบเหงา เพราะไม่มีนักพนันชาวไทยเดินทางออกไป ทำให้ผู้บริหารบ่อนปอยเปตทั้ง10บ่อนสั่งพักงานพนักงานคนไทยและให้เดินทางกลับประเทศไปแล้วกว่า 80% นอกจากนี้ ทางบ่อนเตรียมเครื่องปั่นไฟมาสำรองไว้แล้ว เนื่องจากมีกระแสข่าวลือว่าไทยจะตัดกระแสไฟฟ้า ซึ่งบ่อนกาสิโนกลัวมากจึงต้องเตรียมสำรองเครื่องปั่นไฟไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
‘ฮุน มาเนต’โพสต์’โจมตีเมื่อมีโอกาส’
ความเคลื่อนไหวของ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี โพสต์ปรัชญาจีนของเหล่าจื่อ นักปรัชญาชาวจีนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แต่งคัมภีร์เต๋าเต๋อจิง (Tao TeChing) ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญของลัทธิเต๋า ที่ระบุข้อความว่า “The best fighter is never angry” นักสู้ที่ดีที่สุด คือผู้ไม่รู้สึกโกรธเคือง)และยังเขียนข้อความแปลเป็นไทยได้ว่า เหล่าซือกล่าวว่า “นักสู้ที่ดีที่สุด คือผู้ไม่รู้สึกโกรธเคือง” จงสงบสติอารมณ์ จดจ่อกับเป้าหมายหลัก อย่าลังเลที่จะโจมตีเมื่อมีโอกาส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี