รทสช.สาวไส้ซัดกันเลือดสาด
‘สุชาติ’สวน‘ขิง’
เคยเดินเกมหวังล้ม‘พีระพันธุ์’
21ชื่อสส.ยื่นนายกฯของจริง
แจงเซ็นกันตอนนัดทานข้าว
‘เอกนัฏ’โต้ใครกันแน่จ้องโค่น

“อิ๊งค์”ย้ำต้องคุยกันหลัง“อนุทิน”ทวง“ปฏิญญาช็อกมิ้นต์”ได้รับหนังสือ 21 รายชื่อ รทสช.ขอปรับครม.แล้ว โยนเคลียร์กันเองภายในให้จบ ด้าน“สุชาติ”แฉกลับ ’เอกนัฏ’ต่อสายหวังจับมือล้ม’พีระพันธุ์’ยันรายชื่อ21สส.ยื่นนายกฯปรับครม.ของจริง แจงเซ็นกันตอนนัดทานข้าว โฆษกพรรครทสช.เชื่อเดี๋ยวผู้ใหญ่เคลียร์กันได้

เมื่อวันที่ 11มิ.ย.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไป จ.สุรินทร์ กรณี 21สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยื่นหนังสือขอให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนพรรครวมไทยสร้าง หนังสือดังกล่าวส่งถึงมือนายกฯหรือยังว่า ถึงแล้ว เป็นเรื่องของพรรคเขา ให้เขาเคลียร์กันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา เมื่อถามอีกว่า การปรับ ครม.ขณะนี้พิจารณาไปถึงไหนแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไร เมื่อถามถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกมาให้สัมภาษณ์ทวงถามถึงปฏิญญาช็อกมิ้นต์ที่แบ่งโควตาตอนตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เดี๋ยวคงคุยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายอนุทิน ร่วมคณะไปด้วย โดยเมื่อ นายอนุทิน ได้ฟังคำตอบจากนายกฯ แล้ว ผู้สื่อข่าวได้ถาม นายอนุทิน ที่เดินอยู่ด้านหลังนายกฯ ว่า“เสี่ยหนูว่าอย่างไร”โดยนายอนุทินยิ้ม และเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง จากนั้นนายกฯและคณะได้เดินเข้าไปภายในห้องรับรอง ก่อนเดินทางไป จ.สุรินทร์

‘ภูมิธรรม’ยันรทสช.ไม่กระทบรบ.

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสการปรับ ครม.ว่า นายกฯยังไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆและยืนยันคำตอบเดิมว่า ไม่ว่ารัฐมนตรีคนใด หรือใครจะพูดอย่างไรสุดท้ายเป็นอำนาจของนายกฯที่จะพิจารณา ซึ่งเมื่อวานก็ไม่มีการพูดเรื่องนี้ ส่วนกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มีปัญหาภายใน จะเป็นอุปสรรคในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปเจรจาภายในพรรคให้ชัดเจน เพราะคุยกันในนามของพรรค และให้ความเห็นผ่านมติพรรค

เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรกับ 21สส.ลงชื่อขอนายกฯปรับ ครม.ในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ดูเหมือนเป็นการลากนายกฯไปแก้ปัญหา นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่สามารถลากได้ ก็เป็นแค่ความเห็นอย่างไรก็ต้องไปจัดการกันในพรรค ส่วนปัญหาในพรรครทสช.จะกระทบกับการทำงานของรัฐบาลแกว่งไปแกว่งมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีแกว่ง รัฐบาลทำงานกันอย่างเต็มที่ การแกว่งคือแกว่งอารมค์มาจากข้างนอก เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 10มิถุนายน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ร่วมประชุม ครม.นายภูมิธรรม ระบุว่า ก็ต้องไปถามเหตุผลจาก นายพีระพันธุ์ แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่รัฐมนตรีจะสามารถลาการประชุมได้

เสนอปรับครม.ต้องเป็นมติพรรค

อย่างไรก็ตามหากเป็นเรื่องปรับครม.นายภูมิธรรม ย้ำว่า จะต้องเป็นมติพรรค การจะส่งใครหรือไม่ส่งใครก็เป็นสิทธิของพรรค เรามีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งตามหลักการแต่ละพรรคต้องคุยกันภายในให้ชัดเจนและส่งหัวหน้าพรรคมาคุยกัน หากเสนอมาและอาจมีคนที่เราเห็นว่าสมควรกว่าก็ต้องส่งกลับให้พรรคพิจารณา หากตัดสินใจไม่ได้ก็เป็นดุลยพินิจของนายกฯ ย้ำว่าการเสนอปรับรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ไม่ว่าจะเป็นความเห็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้า หรือเลขาธิการพรรค ก็ต้องออกมาเป็นมติพรรค

‘สุชาติ’แฉกลับ’ขิง’หวังล้ม’พีระพันธุ์’

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช.ให้สัมภาษณ์รายการ’เจาะลึกทั่วไทยInside Thailand’ในประเด็นล่ารายชื่อสส.21คน ยื่นให้นายกฯปรับโควตารัฐมนตรีของพรรค ว่า ที่มีข่าวว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครทสช.โทรศัพท์มาหาตนพบว่า โทรเข้ามาในวันที่ 3 มิ.ย.2568 จากที่เห็นข้อความ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ นายเอกนัฏ โทรเข้ามาเหตุการณ์ไปไกลแล้ว ดังนั้นข้อแรกคือตนงงและคิดว่า ยังสามารถคุยกับคนแบบนี้ได้หรือไม่ เพราะตนไม่ไว้ใจใคร ตนเคยพูดตั้งแต่ที่สนามหลวงแล้วว่า เราจากกันด้วยดี ไม่มีอะไรซึ่งกันและกัน อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ปล่อยเราออกมา อย่าลืมว่าหากย้อนไปในวันตั้งพรรค เราก็รู้ว่า พรรคมาจากใครและวางตัวใครไว้ ตนไม่อยากพูดถึงอดีต อีกทั้งเมื่อเป็นเรื่องภายในบ้านก็ควรจะจบในบ้าน ไม่ใช่พูดให้ประชาชนรู้สึกว่า นักการเมืองทะเลาะกันออกอากาศ แบบนี้อายชาวบ้านเขา

“ผมถามเพื่อนผมว่า เลขาฯ ขิง (นายเอกนัฏ) โทรหาผมทำไมเพื่อน สส.ที่อยู่ใกล้ตัวเขาโทรมาบอกผมก่อนว่า ให้รับสายเลขาฯ ขิง เพราะว่าที่ผมพูดไป มันเป็นคำพูดที่ผมพูดไปก็ต้องอ้างอิงเพื่อนผม ผมก็ไม่อยากอ้างอิงเพื่อนผมที่เป็น สส.แต่ไม่พูดก็บอกว่า ทำไมผมไม่รับสาย ความคิดที่เขาจะมาคุยกับผมเป็นความคิดที่ผมรับไม่ได้ มีคำพูดหนึ่งที่เพื่อนโทรมาบอกคือ ให้จับมือกับขับหัวหน้าพรรคออก แล้วเดี๋ยวเขาจะเป็นหัวหน้าเอง ซึ่งตนว่าแรงเกินไป จึงไม่รับสาย แต่เมื่อตนพูดแล้วก็คงมีคำถามตามมาว่า หมายถึงเพื่อนคนไหน แล้วตนจะต้องเอาเพื่อนมาขายอีกหรือ ตนจึงไม่อยากพูดต่อไป แต่ตนเป็นคนพูดความจริงทุกเรื่อง ถึงกระนั้นก็คิดว่า ไม่ควรมารื้อฟื้นกัน จะเอาประเด็นแบบนี้แล้วมาทำให้ตนเองหล่อคนเดียวมันไม่ถูก โดยสรุปคือ ตนได้รับฟังจากเพื่อนว่า นายเอกนัฏ ได้โทรศัพท์หาเพื่อน สส.ในกลุ่มอยู่หลายคน เพื่อขอให้ตนรับโทรศัพท์ นายเอกนัฏ มาคุยกันแล้วหากช่วยไม่ได้ก็มาจับมือกันขับหัวหน้าพรรคออก แต่เมื่อตนรู้ประเด็น รู้วัตถุประสงค์แล้วตนจะคุยต่อเพื่ออะไร คือเพื่อนบอกว่า นายเอกนัฏ โทรมาขอเสียงสนับสนุนหากมีการให้ลงมติขับหัวหน้าพรรค แต่พวกตนไม่เคยอัดเทป หรือบันทึกเสียงสนทนาโทรศัพท์ใคร มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย แต่หากพวกตนวางแผนดีๆ มีการอัดเทป ก็จะมีอะไรยืนยันกันได้ ที่ถามว่า นายเอกนัฏ จะขับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคทำไม ในเมื่ออยู่ฝ่ายเดียวกัน เรื่องนี้ตนบอกว่า ที่มีภาพรับประทานอาหารร่วมกับกลุ่มชุมพรพอออกไปก็รู้ว่า ทุกคนมาร่วมอุดมการณ์กับตนกันหมด

ยัน21รายชื่อส่งนายกฯปรับครม.ของจริง

ส่วนคำถามว่า 21รายชื่อ สส.ที่ร่วมลงนามส่งถึงนายกฯเจ้าตัวเซ็นเองทุกคนหรือไม่ ให้ดูที่การสอบถามของสื่อมวลชนไปยัง สส.เหล่านั้น ซึ่งแทบทุกคนก็บอกว่า เซ็นจริง หรือจะใช้การยืนยันทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ ส่วนคนที่บอกว่า ไม่ได้เซ็นก็ต้องไปตอบคำถามในบ้านเขาเอง อย่างตนถามเพื่อน สส.18 คน เขาก็ตอบสื่อว่าเซ็น รูปก็มีทุกอย่าง แต่ตนถามว่า ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ ในเมื่อเป็นเรื่องภายในบ้าน คือไม่ใช่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนคำถามว่าเหตุใด สส.อีก 3คน ถึงออกมาปฏิเสธ เรื่องนี้ต้องบอกว่า วันที่นัดรับประทานอาหารและร่วมลงชื่อคือวันที่ 6 มิ.ย.2568 ซึ่งรวมถึง 3สส.นั้นด้วย แต่การปฏิเสธก็คงมีเหตุผลบางอย่าง ซึ่งตนขอไม่ก้าวล่วงความคิดแต่ละคน เพราะตนไม่ได้บังคับใคร แต่สิ่งที่เราทำวันนี้คือต้องยอมรับความจริงในพรรคว่า คืออะไร ตนอยู่กับพรรคมาตั้งแต่พรรคเริ่มตั้งไข่

ทำไมต้องล็อกกุญแจไม่ให้พ้นพรรค

ส่วนคำถามว่า เหตุใด นายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏ ถึงออกแบบระบบพรรคที่มีการแก้ไขข้อบังคับพรรคไว้แบบนี้ พูดแบบให้เห็นภาพคือ เรามาอาศัยบ้านเขาอยู่ จะออกจากบ้านเขาก็คล้องกุญแจหน้าบ้านไว้ ไม่ให้เราออก เมื่อเราอยู่ด้วยกันแล้วไม่ชอบ อยู่แล้วอึดอัด อยากออกจากบ้านก็ปล่อยเราออกดีๆ เหตุใดต้องล็อกกุญแจไม่ให้ออก ส่วนข้อบังคับจะทำอะไรก็ทำไป ตนก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะเรื่องเดินไปแล้ว

แฉ’ทีมสุดซอย’ยังมีชุดตามเก็บด้วย

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ชุดสุดซอยที่บอกเป็นทีมงานไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตนบอกเลยว่าของปลอมทั้งนั้น ตนรู้เพราะบ้านอยู่ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา ผู้นำท้องถิ่นพวกเราทั้งนั้น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ชุดที่ตั้งมาคือชุดอะไร ที่พูดว่าชุดสุดซอยทำงานไปเหยียบตาปลาใคร ตนไม่อยากก้าวล่วง ภาพดูดีแต่รู้กันหรือไม่ว่า นอกจากชุดสุดซอยแล้ว ยังมีชุดตามเก็บ ตนไม่อยากพูด คือฟังแล้วดูหล่อมาก โยกความผิดให้ตนหมดทุกเรื่อง บอกตนไม่มีผลงานแต่เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เดี๋ยวไม่นานทุกอย่างจะออกมาหมด ที่ทำอะไรกันไว้

ส่วนคำถามว่าชุดเก็บหมายถึงเก็บอะไร ตนมองว่าบางอย่างให้คนที่โดนกระทำออกมาดีกว่าหรือไม่ เพราะตนไม่ได้โดนกระทำ ตนไม่ได้ว่าหรือใส่ร้ายใคร แต่ในฐานะคนพื้นที่ตนรับได้หรือไม่ เพราะตนก็ถูกด่า

โฆษกเชื่อผู้ใหญ่เคลียร์ปัญหาเร็วๆนี้

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคว่า ยังไม่มีการนัดประชุมอะไรเพื่อแก้ปัญหา เพราะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรและสส.ลงพื้นที่ โดยจะกลับมาอีกครั้งช่วงเปิดสมัยวันที่ 3ก.ค.นี้ เชื่อว่าหากมีการพูดคุยกันสถานการณ์ภายในพรรคจะดีขึ้น คิดว่าพรรคยังไปต่อได้ โดยทำให้พรรคเป็นที่พึ่งของประชาชน

จึงคิดว่าผู้บริหารพรรคจะต้องกลับไปคิดถึงพี่น้องประชาชน ดังนั้นจึงคาดหวังว่า จะมีการพูดคุยกันในพรรค โดยไม่ได้พูดคุยกันทั้ง 2ฝ่าย เพราะเลขาธิการพรรคบอกแล้วว่า ไม่มีฝ่าย พร้อมจะดูแลสส.ทั้ง 36คน แต่อาจจะมีการคลาดเคลื่อนและสื่อสารที่ไม่ครบถ้วนบ้าง ก็ต้องพูดคุย เชื่อว่า สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ

‘ขิง’สวน‘เฮ้ง’ใครกันแน่ชวนล้ม‘พีระพันธุ์’

ด้าน นายเอกนัฏ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เปิดโต๊ะข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ PPTV ภายหลังที่ นายสุชาติ
ออกมาแฉว่า “นายเอกนัฏต่อสายตรงถึงคนบางกลุ่มเพื่อหวังล้ม นายพีระพันธุ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.ออกจากตำแหน่ง โดย นายเอกนัฏ กล่าวว่า ใครกันแน่ ที่มาชวนให้ตนเห็นดีเห็นงามด้วยกับการ
ล้มนายพีระพันธุ์ ออกจากตำแหน่งหัวหน้า พรรคและรัฐมนตรี ก่อนจะถูกตนปฏิเสธไป

“เพื่อนของเขามาชวนผมเองว่า ผมคุยรู้เรื่อง เข้าใจกันได้ งั้นก็ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเลย แล้วเดี๋ยวให้นายสุชาติ มาเป็นเลขาธิการพรรค แต่ผมได้ปฏิเสธไปแล้ว และขอย้ำด้วยว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีขบวนการจ้องทำลายความสัมพันธ์ ให้หัวหน้าพรรค คือ นายพีระพันธุ์ กับตนที่เป็นเลขาธิการพรรค แตกคอกัน” นายเอกนัฏ กล่าว

ส่วนประเด็นที่นายสุชาติ แฉว่า ตนเป็นคนปริปากบอกกับกลุ่มเพื่อนของนายสุชาติ ให้มาร่วมขบวนการล้ม
นายพีระพันธุ์ นั้น นายเอกนัฏกล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้ ผู้ที่เปิดประเด็นคือกลุ่มเพื่อนของนายสุชาติ ที่มาชวนตน ก่อนจะถูกปฏิเสธไป