มติแพทยสภาขาดลอย-ฟัน3หมอชั้น14

ฉีกหน้า‘สมศักดิ์’

โหวตคะแนนเกินกว่า2ใน3

ยืนยันตามมติลงโทษเดิม

หมอลั่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง

‘สมศักดิ์’เจอม็อบโห่ไล่

อาการหนัก! “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข แพทยสภา ยืนยันมติเดิม ลงโทษ 3 หมอรักษาเทวดาแม้วป่วยทิพย์ ชั้น 14 ฝ่าด่านการวีโต้ของรมว.สาธารณสุขท่วมท้น จ่อพิจารณาลงโทษเพิ่มอีก ขณะที่”สมศักดิ์”รุดชี้แจงก่อนลงมติเจอโห่ไล่ สวดส่งกระหึ่ม ด้าน โฆษกศาลยุติธรรมเผยศาลฎีกานักการเมืองพร้อมพิจารณาคดีบังคับโทษเทวดาทักษิณ 13 มิ.ย.

เวลา 15.00น.วันที่ 12 มิถุนายน ที่อาคารแพทยสภา ภายหลังการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา) ซึ่งมีวาระพิจารณายับยั้งหนังสือลงโทษแพทย์ จำนวน 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ารักษาตัวที่รพ.ตำรวจ ชั้น 14

โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกคนที่หนึ่ง ได้ออกมาแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้ กรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม 69 จาก 70 คน โดยมีกรรมการ 1 คน ที่ไม่ได้เข้าร่วมและไม่ส่งผู้แทนเข้าประชุม ส่วนการลงคะแนนเสียงโหวตในที่ประชุมเป็น 68 เสียง เนื่องจากมีกรรมการ 1 คน ที่ถูกตัดสิทธิเข้าประชุมคือ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวโทษ

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมแพทยสภาในวันนี้ มีการลงเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ของที่ประชุม ด้วยเสียงของคณะกรรมการ 68 เสียง เห็นชอบให้ยืนยันตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม โดยช่วงเริ่มต้นการประชุมนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างเวลา 12.00 – 12.15 น. รวมเวลา 15 นาที เพื่อชี้แจงกรณีใช้อำนาจสภานายกพิเศษฯ ยับยั้ง หรือ วีโต้มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในกรณีที่กล่าวโทษแพทย์ 3 คน จากโรงพยาบาล (รพ.) ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ที่ให้การดูแลและส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ใช้เวลาประชุมในวาระดังกล่าวนานถึง 3 ชั่วโมง

แย้ม ลงโทษหมอเพิ่มอีก

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกคนที่หนึ่ง ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีที่มีการเรียกร้องให้เปิดเผยรายชื่อและผลโหวตมติแพทยสภาวันนี้ ว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน จากหลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 ท่าน ที่ได้กรุณาลงนาม จะเห็นว่าสาระใหญ่ของท่านเหล่านั้น ต้องการให้แพทยสภา ยึดมั่นและยืนหยัดอยู่ในความถูกต้อง และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาทุกท่านตระหนักและตั้งใจทำเช่นนั้นอยู่แล้ว

“สิ่งที่ท่านให้มา ความเห็นผมไม่ใช่แรงกดดัน นั่นคือกำลังใจ เพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ ความเห็นผมคือ ชอบแล้วซึ่งการกระทำ ดังนั้นเข้าใจตรงนี้ ที่ส่งมาผมไม่ได้ว่าเป็นการกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่าง พยายามจะทำให้กรรมการแพทยสภา ไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดต่อจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ อย่างนี้เราถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือทว่าไปแล้วบางกรณีเข้าเกณฑ์เหมือนข่มขู่ด้วยซ้ำ” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอเป็นตัวแทนกรรมการแพทยสภา กราบขอบพระคุณท่านทั้งหลาย คนไทยทั้งหลาย ซึ่งแสดงออกชัดเจนอยากให้แพทยสภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และวันนี้กรรมการแพทยสภาได้ทำสิ่งเหล่านั้นแล้ว จึงขอให้สิ่งเหล่านี้ ส่งกลับให้ทุกท่าน ที่ท่านให้กำลังใจมา วันนี้ส่งผลแล้ว เมื่อถามว่า จะพิจารณาลงโทษแพทย์ท่านใดเพิ่มเติมหรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวสั้นๆ ว่า เรากำลังจะพิจารณาเพิ่มเติม

โห่ไล่”สมศักดิ์”กระหึ่ม

ก่อนหน้านี้ เวลา 11.48 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้เดินทางมาถึงอาคารมหิตลาธิเบศร เพื่อที่จะมาชี้แจงกับแพทยสภา ว่า ทันทีที่ นายสมศักดิ์ ได้ก้าวลงจากรถตู้ ปรากฏว่ากลุ่มประชาชนที่มารอให้กำลังใจแพทยสภา ก็พร้อมใจกันส่งเสียงตะโกนโห่ไล่นายสมศักดิ์ แต่นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ โดยพยายามเดินฝ่าฝูงชนเพื่อเข้าไปในอาคารฯ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายสมศักดิ์ ได้กล่าวตอบสื่อมวลชนประเด็นที่แพทยสภา ให้เวลา 15 นาที ชี้แจงถึงเหตุผลวีโต้มติแพทยสภา ว่าถ้าจะบอกว่าเวลา 15 นาที แม้จะเป็นเวลาที่น้อยสำหรับข้อมูลทั้งหลาย แต่ตนก็จะพยายามทำความเข้าใจให้กับคณะกรรมการแพทยสภา และจะมีการมอบเอกสารให้กับคณะกรรมการแพทยสภาส่วนหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการคงจะอ่านและช่วยทำความเข้าใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนทำเพื่อแพทย์คนหนุ่มคนสาว และเพื่อคนที่อยู่ในวิชาชีพแพทย์ ไม่ได้ทำให้เกิดจากความเกลียดชัง หรือมีประเด็นอย่างอื่น จึงตัดสินใจมาเพื่อชี้แจงด้วยตนเอง ส่วนหนังสือที่นายกแพทยสภาส่งให้ตนเองมาชี้แจงได้เพียง 15 นาทีนั้น จะเป็นการตอกหน้าหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของแพทยสถาจะกำหนดระยะเวลา เพราะเป็นการประชุมลับ ซึ่งเป็นโอกาสของการทำงาน และมองว่ากฎหมายเป็นเครื่องมือของการทำงาน ต่อข้อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ถูกกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนแพทยสภาตะโกนโห่ไล่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร แต่รู้สึกเป็นห่วง ว่าคณะกรรมการแพทยสภาจะลงมติ โดยการที่มีม็อบมาบีบบังคับมติอย่างนั้นมากกว่า

แจงเหตุต้องเข้าประชุม

ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ข ในฐานะสภานายกพิเศษ เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุมแพทยสภาว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมเพื่อพิจารณาความเห็นของตน ที่ได้ยับยั้งมติการลงโทษแพทย์ทั้ง 3 คน เพื่อจะลงมติว่ายังยืนยันความเห็นเดิม ต่อไปหรือไม่ โดยระบุข้อย้อนความ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 คณะกรรมการแพทยสภาลงมติลงโทษหมอ 3 คน 1.พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ ถูกสั่งลงโทษว่ากล่าว ตักเตือน 2.พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ถูกสั่งลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 3.พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ ถูกสั่งลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมาย มาตรา25 ดังนั้นการลงโทษ ต้องเสนอเรื่องให้สภานายกพิเศษแพทยสภา เห็นชอบ ตามมาตรา 25 ซึ่งตนมีเวลาในการพิจารณาเพียง 15 วัน หลังจากแพทยสภาเสนอเรื่องมา จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อช่วยทบทวนมติดังกล่าว เนื่องจากมีเวลาสั้น และตนไม่ได้เชี่ยวชาญ ด้านกฎหมาย แต่ว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

ต้องให้ความเป็นธรรมทุกคน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากนั้นได้มีการเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากแพทยสภาไปอีก 3 ครั้ง มีทั้งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ที่ไม่ได้คือเอกสารการ พิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม ด้วยเวลาที่จำกัด จึง พิจารณาตามเอกสารที่มี และวีโต้มติแพทยสภากลับไป ตามอำนาจในมาตรา 25 พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ซึ่งชี้แจงเหตุผลว่าทำไมแพทย์ไม่ควรถูกลงโทษ ดังนั้น วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่กรรมการแพทยสภาจะได้รับฟังเหตุผลและทำความเข้าใจในรายละเอียด ที่ตนใช้อำนาจ ยับยั้งมติ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญก่อนที่จะพิจารณาลงมติวันนี้ นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ตนเดินทางมาร่วมประชุม เพื่อชี้แจงด้วยตัวเอง

ขอยืนยันว่าทุกอย่างที่ทำผมยืดหลักกฎหมาย แต่การกล่าวหานั่นต่างหากคือการบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิดในตัวผมเป้าหมายการทำหน้าที่ของผม ไม่ใช่เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เพื่อเป็นการคุ้มครองและให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ที่ถูกลงโทษ และคงไว้ซึ่งมาตรฐานการลงโทษที่เหมาะสมและควรจะเป็นเท่านั้น” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ การทำหน้าที่ของแพทยสภาในสายตาประชาชน ก็สะท้อนออกมาจากผลสำรวจความคิดเห็นจากนิด้าโพลพบว่า 38.40% ไม่ค่อยเชื่อมั่น 15.95% ไม่เชื่อมั่นเลย ซึ่งเท่ากับไม่มีความเชื่อมั่นกว่า 54% จึงขอให้การทำงานในวันนี้ ยึดความเป็นธรรมใน วิชาชีพ เราต้องเรียกความศรัทธาของประชาชนและสังคมกลับมาให้ได้อย่าปล่อยให้สังคมมองว่าเราไม่มีความเป็นธรรม หรือใช้องค์กรเพื่อทำลายวิชาชีพกันเอง

“อิ๊งค์”ไม่ตอบมติแพทย์สภา

เมื่อเวลา 15.15 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “พลังสตรีเพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต” ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ แพทยสภา เพิ่งแถลงยืนยันตามมติเดิมของแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 ลงโทษแพทย์ 3 คน กรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามน.ส.แพทองธาร ในเรื่องดังกล่าว แต่น.ส.แพทองธาร ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยระหว่างเดินออกจากงาน มีคณะทำงาน รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย คอยช่วยทำหน้าที่กันสื่อมวลชนจนถึงประตูรถ

ศาลพร้อมเปิดไต่สวนคดีเทวดา

นายรัฐวิชญ์ อริยพัชญ์พล โฆษกศาลยุติธรรมแจ้งว่า วันที่ 13มิถุนายน เวลา 09.30น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) ถ.ราชดำเนินใน ศาลนัดพร้อมและนัดไต่สวน กรณีการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตร อันเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนและสื่อมวลชนจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยบริเวณศาล จึงได้ให้สื่อมวลชนที่ประสงค์จะเข้ารับฟังการพิจารณาเพื่อทำข่าวกรอกแบบฟอร์มและเขียนคำร้องขออนุญาตเข้าฟังการพิจารณาส่งถึงสำนักเลขานุการศาลฎีกาก่อนวันนัด ซึ่งหากมีสื่อมวลชนสนใจเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาจำนวนมาก ศาลฎีกาจะจัดพื้นที่เฉพาะนอกห้องพิจารณาพร้อมถ่ายทอดภาพและเสียงให้สื่อมวลชนติดตามการพิจารณา นอกจากนี้ ศาลฎีกาได้กันพื้นที่หน้าศาลฝั่งริมคลองหลอดไว้รองรับให้สื่อมวลชนถ่ายทอดข่าว หลังเสร็จสิ้นการพิจารณา ศาลฎีกาจะจัดทำ press release สำหรับแจกสื่อมวลชนด้วย