วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
แนวหน้าวิเคราะห์ : จับตา'ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย' แม่ทัพใหญ่นำถก 'เจบีซี ไทย-เขมร'

แนวหน้าวิเคราะห์ : จับตา'ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย' แม่ทัพใหญ่นำถก 'เจบีซี ไทย-เขมร'

วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 08.00 น.
Tag : เขมร เจบีซี ไทย ประศาสน์ประศาสน์วินิจฉัย แม่ทัพใหญ่
  •  

                 หลังเกิดการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานีเมื่อ 28 พฤษภาคม  เหตุจากทหารกัมพูชาเข้ามาขุดคูเลตในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ฝ่ายทหารไทยจัดชุดเข้าไปเจรจา แต่ไม่เป็นผล ทหารกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธ ทำให้ทหารไทยต้องตอบโต้ กลายเป็นข้อพิพาทบานปลายยาวถึงปัจจุบัน เพราะหลังจากเหตุดังกล่าว ฝ่ายกองทัพและรัฐบาลกัมพูชาแสดงท่าทีแข็งกร้าวประกาศปกป้องอาณาเขตตัวเอง  พร้อมประณามไทย  และถึงแม้มีการพูดคุยระดับ “ผู้บัญชาการทหารบก” (ผบ.ทบ.) ไทย-กัมพูชา ได้ข้อสรุป 2 ข้อหลักคือ ให้แก้ปัญหาผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาหรือเจบีซี และบรรลุข้อตกลงในการถอนกำลังออกจากจุดปะทะ  และคงกำลังอยู่ในที่ตั้งเดิมรอผลประชุม JBC

                แต่ห่างกันเพียงวันเดียว อดีตนายกฯ “ฮุน เซน” กลับออกมาโพสต์เฟซบุ๊กยืนยันพื้นที่ “สามเหลี่ยนมรกต” เป็นดินแดนของกัมพูชา มีทหารประจำการมาตลอด ยืนยันไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่  และระบุด้วยว่า ถ้ายังไม่ได้ข้อยุติ จะไปยื่นเรื่องให้ศาลโลกตัดสิน


                เวลาไล่เลี่ยกัน  “ฮุน  มาเนต” นายกฯกัมพูชาโพสต์ข้อความเรียกร้อง ให้กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมเจบีซีกับไทยเป็นการด่วน  แต่ก็ผุดประเด็นใหม่ โดยเพิ่มวาระเรื่องการนำพื้นที่พิพาทอีก 4 จุดคือ ปราสาทตาเมือนธม  ปราสาทตาเมือนโต๊ด  ปราสาทตาควาย กับพื้นที่มอมเบย หรือพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต  ยื่นฟ้องศาลโลกตัดสินชี้ขาดเรื่องความเป็นเจ้าของ   และจะให้คุยในเวทีเจบีซีด้วย!!

                ท่าทีของผู้นำและอดีตผู้นำกัมพูชาที่แข็งกร้าว เพิ่มดีกรีความตึงเครียด ปลุกเร้ากระแสรักชาติของประชาชนสองประเทศ  ถึงแม้จะมีการถอนกำลังทหารห่างพื้นที่ปะทะ โดยเฉพาะฝ่ายกัมพูชาที่ยอมถอย จากเดิมที่ประกาศกร้าวไม่ยอม  ลดระดับความตึงเครียดจากการเผชิญหน้าลงเล็กน้อย แต่ยังมีความอึมครึมในความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ทำให้ไม่สามารถไว้วางใจได้

                การถอยทหารของกัมพูชา เป็นไปได้อย่างที่มองกันว่า “เป็นการถอยทางยุทธวิธี” เพราะผู้นำฯอย่างฮุน  มาเนต และฮุนเซน ยังเดินหน้าเกมรุกเร็ว  ตั้งคณะทำงาน นำโดย“ปรัก สุคน” รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศเป็นประธานเตรียมการยื่นฟ้องศาลโลก  ขณะที่ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกฯออกมาเรียกร้องชาวเขมรร่วมบริจาคเงินให้กองทุน สนับสนุนกองทัพกัมพูชาต่อสู้กับการรุกรานของไทยผ่านวิธีการทางทหาร การเมือง การทูต และกฎหมาย ที่ต้องดำเนินไปในกลยุทธ์ระยะยาว  โดยฮุน เซนและภรรยาประเดิมบริจาคเงิน 300 ล้านเรียล หรือประมาณ  2.4 ล้านบาทให้กองทุนนี้ด้วย

                เป็นที่น่าสังเกต  รัฐบาลกัมพูชาไม่ให้ความสำคัญกับการเจรจาทวิภาคี เจบีซี ที่กำลังจะเกิดขึ้น 14 มิถุนายนนี้เลย ทั้งที่เป็นคนชงให้จัดขึ้นโดยเร็ว แต่กลับพูดถึงน้อยมาก เปลี่ยนท่าทีไปมา เดี๋ยวจะร่วมเจรจาไม่เจรจา   ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันยืนกรานมาตลอด ยึดเวทีถกเจบีซีแก้ปัญหา ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก  ไม่ต้องการให้ประเทศที่สาม รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศใดๆเข้ามายุ่งเกี่ยว  พร้อมนำความขัดแย้งครั้งนี้ขึ้นโต๊ะเจรจาเจบีซี โดยต้องไม่มีประเด็นอื่น ที่ไม่ใช่การพิพาทที่ช่องบกมาคุย และต้องยุติปัญหาบนโต๊ะนี้เท่านั้น  หลักสำคัญคือ ไทยต้องยืนหยัดในอธิปไตยของประเทศ ไม่ยอมเสียดินแดนเด็ดขาด!!!

                ทำให้การประชุมเจบีซี 14 มิถุนายน ถูกจับตามองเขม็ง!!!  จะราบรื่นชื่นมื่น บรรลุผลที่ไทยหวังใช้ลดอุณหภูมิข้อพิพาทระหว่างประเทศได้หรือไม่  หรือจะเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ทำให้การเจรจาไม่เกิดขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ฝ่ายไทยออกมาแล้วมีชื่อ

"ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย" นำทีม  ทำให้การจรจาครั้งนี้ถูกจับตามองแบบไม่กระพริบ โดยเฉพาะจากภาคประชาชน ภายใต้การนำของอดีตแกนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “สนธิ ลิ้มทองกุล” และ “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประเทศ ที่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจรจา “เจบีซี”ฝ่ายไทยผู้นี้ โดยตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการทำหน้าที่ครั้งนี้หรือไม่

                ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

“นิกรเดช พลางกูร”ชี้แจงเหตุผลที่เลือก “ประศาสน์  ประศาสน์วินิจฉัย”  เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านเขตแดนดีที่สุดคนหนึ่ง  ที่ผ่านมาทำงานอยู่กรมสนธิสัญญาและกฎหมายมาตลอด อีกทั้ง ยังเป็นผู้อำนวยการกองเขตแดน  เป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ก่อนจะออกไปเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ  ดังนั้น  จึงเป็นผู้ที่มีความรู้ทั้งด้านพื้นที่ และเชิงเทคนิคในฐานะเป็นนักกฎหมาย  ที่สำคัญมีความคุ้นเคย และได้รับการยอมรับจากข้าราชการในกรมสนธิสัญญาฯ ในการนำทีม

                ย้อนทำความรู้จักกับ “ประศาสน์  ประศาสน์วินิจฉัย”คือ  อดีตเอกอัครราชทูตผู้มากประสบการณ์ ผ่านการเป็นเอกอัครราชทูตประจำการมาหลายประเทศ  ทั้งย่างกุ้ง เมียนมา  พนมเปญ กัมพูชา  มะนิลา ฟิลิปินส์ และคูเวต

ชื่อของ “ประศาสน์” ถูกพูดถึงมากช่วงรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียดในปี 2552 ถึงขั้นถูกเรียกตัวกลับจากกรุงพนมเปญตอบโต้รัฐบาลกัมพูชา ซึ่งแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวฮุนเซน นายกฯขณะนั้น  ก่อนฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตส่งตัว “ประศาสน์”กลับไปประจำกรุงพนมเปญเหมือนเดิม หลังนายทักษิณลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว  ต่อมาในปี 2554  นายประศาสน์ยังได้แสดงบทบาทอีกครั้ง กรณีนักสิทธิมนุษยชน “วีระ สมความคิด” และ “ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์” ถูกจับในกัมพูชา

                งานนี้ “ประศาสน์”คงต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ ให้สมกับการได้รับความไว้วางใจอีกครั้งจากรัฐบาล รวมถึงลบข้อกังขาจากภาคประชาชน ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้เปลี่ยนตัวพ้นจากหน้าที่นี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'คุณหญิงสุดารัตน์\' จี้นายกฯ รีบออกแถลงการณ์บอกชาวโลก ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก 'คุณหญิงสุดารัตน์' จี้นายกฯ รีบออกแถลงการณ์บอกชาวโลก ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก
  • \'ดร.สมิทธ์\'ชี้คนไทยเขมรเป็นเพื่อนกัน พอ 2 ตระกูลขึ้นครองอำนาจ 2 ประเทศก็ฉิXหายทั้งคู่ 'ดร.สมิทธ์'ชี้คนไทยเขมรเป็นเพื่อนกัน พอ 2 ตระกูลขึ้นครองอำนาจ 2 ประเทศก็ฉิXหายทั้งคู่
  • ผลโพลชี้\'กลาโหม\'อันดับแรก ประชาชนอยากให้ปรับ ครม. มากที่สุด ผลโพลชี้'กลาโหม'อันดับแรก ประชาชนอยากให้ปรับ ครม. มากที่สุด
  • กัมพูชาเล็งยื่นศาลโลก 15 มิ.ย.นี้! วันครบรอบ 63 ปีคดีพระวิหาร หวังได้อีก 3 ปราสาท-พื้นที่เพิ่ม กัมพูชาเล็งยื่นศาลโลก 15 มิ.ย.นี้! วันครบรอบ 63 ปีคดีพระวิหาร หวังได้อีก 3 ปราสาท-พื้นที่เพิ่ม
  • \'ทูตประศาสน์\'พร้อมคณะฝ่ายไทย เดินทางถึงกัมพูชา เตรียมเข้าร่วมประชุม JBC พรุ่งนี้ 'ทูตประศาสน์'พร้อมคณะฝ่ายไทย เดินทางถึงกัมพูชา เตรียมเข้าร่วมประชุม JBC พรุ่งนี้
  • เขมรแตกตื่น แห่กลับประเทศนับหมื่นล้นด่าน กัมพูชาชิงตัดเนต-ไฟไทย เขมรแตกตื่น แห่กลับประเทศนับหมื่นล้นด่าน กัมพูชาชิงตัดเนต-ไฟไทย
  •  

Breaking News

'คุณหญิงสุดารัตน์' จี้นายกฯ รีบออกแถลงการณ์บอกชาวโลก ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก

รุมจวก'อิ๊งค์' ห่วงศึก 'อิหร่าน-อิสราเอล' แต่เขมรหันปืนใส่เงียบ

'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร'ถูกไล่ออกข้าราชการ เซ่นปมฮั้วประมูลก่อสร้างในแก่งกระจาน

ภัยสังคม! พ้นโทษคดียาบ้า ตามถีบจยย.พยาบาลฝึกงาน หวังขืนใจ ทำมาแล้ว3ครั้ง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved