‘มท.1’ มอบนโยบายป้องกันน้ำท่วม 4จว.อีสานใต้ กำชับป้องกันเชิงรุก แจ้งเตือนต้องเร็ว ชี้ปัญหาขัดแย้ง ‘ไทย - กัมพูชา’ หากจำเป็นพร้อมตัดน้ำ - ไฟ - อินเทอร์เน็ต ทันที ขอปชช.ให้มั่นใจทหารจะไม่ให้ใครรุกล้ำอธิปไตย ลั่นหากถึงจุดนั้นพร้อมรบด้วย

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2568 ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีการประชุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนภัยสาธารณภัยในระดับพื้นที่ (จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ) ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม และมอบนโยบาย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร อธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วม

โดย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. กล่าวว่า ปัจจุบันสาธารณภัยเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น จากผลกระทบความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความแปรปรวน ดังนั้น การแจ้งเตือนภัยพิบัติแก่ประชาชนอย่างถูกต้องทันต่อสถานการณ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดการสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตระหนักถึงการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้มีประสิทธิภาพ และมีการเฝ้าระวังติดตามสถานกานณ์ 24 ชม. พร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งใน และต่างประเทศ

จากนั้น นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่องที่เป็นวิชาการมากๆท่านอย่าซีเรียส แต่ท่านต้องฟังเรื่องของข้อมูลข่าวสาร เพื่อที่เมื่อเกิดเหตุจะได้แจ้งชาวบ้านเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ได้ทัน หน้าที่ของพวกเราคือต้องให้การปกป้องดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้แก่พี่น้องประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราทุกคน ที่สำคัญปีนี้ต้องพร้อมมากเป็นพิเศษ เพราะยังมีเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ และความขัดแย้งที่เรามีกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า พื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และยโสธร ในทางวิชาการตั้งในบริเวณที่เรียกว่าแอ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำชี ปีนี้ฝนมาแล้วซึ่งจะมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราได้รับความร่วมมือจากกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกรมชลประทาน รายงานว่ามีการเคลียร์ทางน้ำหรือจัดระเบียบการจราจรทางน้ำ ให้ไหลโดยไม่มีความผิดพลาด เพื่อไหลลงไปแหล่งเก็บน้ำต่างๆ โอกาสที่จะเกิดท่วมมิดหลังคาก็จะน้อยลง แต่ไม่ท่วมเลยคงไม่ได้หักปริมาณฝนมาหนัก นี่คือความจำเป็นที่ต้องทำงานเชิงรุก และร่วมมือกันจะเกี่ยงกันไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว    

“ผมอยากเป็นเน้นเรื่องการป้องกันให้มากที่สุดจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือกัน จึงขอฝากผู้ว่าฯ 4 จังหวัด ว่าคุยกันในจังหวัดคงไม่พอ แต่ต้องคุยกันข้ามจังหวัดด้วย” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของศูนย์พักพิงเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ต้องอพยพประชาชน จะต้องมีความพร้อมทุกด้าน และต้องถูกสุขอนามัย ตนได้ทำเป็นข้อสั่งการให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดทราบแล้ว ไม่ใช่พอเกิดเหตุแล้วอพยพประชาชนไปทิ้งไว้อยู่ตามมีตามเกิด สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น เพราะน้ำไม่ได้ท่วมทุกวัน ไม่ได้ท่วมทั้งปี พวกตนจะมากินมาอยู่เหมือนพวกท่าน 

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สถานการณ์น้ำไม่ต่างจากสถานการณ์ชายแดน เรายึดหลักเดียวกัน ต่างกันแค่ทางนี้หลบน้ำ ทางนั้นหลบกระสุนหลบระเบิด ตรงนั้นมีพี่น้องทหารช่วยเหลือ คอยจัดการในเรื่องของความปลอดภัยความมั่นคง ส่วนฝั่งมหาดไทยประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องจัดให้มีหลุมหลบภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โรงเรียน 

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกคำสั่งไปแล้วให้จังหวัดที่ชายแดนติดกับกัมพูชา เร่งสำรวจสภาพหลุมหลบภัย และเร่งสร้าง แม้แต่จังหวัดที่มีหลุมหลบภัยอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง ที่จำเป็นต้องเร่งสร้างตรงนี้ไม่ได้มีเพื่อรองรับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เพื่อยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ เราจำเป็นต้องสร้างตามแนวชายแดน ไม่ว่าเราจะมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ต้องมีไว้เพื่อสร้างความพร้อม และความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือบาดเจ็บแม้แต่แมวข่วนกับลูกหลานของเราที่เป็นนักเรียน ตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากเกิดขึ้นมันฝังใจเขาจะโตไปแบบรู้สึกผวา 

นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดรับโจทย์ไปเยอะมากในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่เริ่มมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น เราพยายามทำให้ขวัญกำลังใจประชาชนเป็นปกติมากที่สุด ตนไปเยี่ยมแนวชายแดนมาทราบดีว่าทุกคนมีความกังวล แต่ตนอยากขอให้ทุกคนมีความมั่นใจ

“ประกาศวันนี้เลยว่าไม่ต้องกังวล กระทรวงมหาดไทยมั่นใจว่าพี่น้องทหารจะไม่ให้มีการรุกล้ำเข้ามาในบ้านเรือนของพวกเรา เต็มที่ก็อยู่ตรงแนวนั้น ถ้ารุกกันมาขนาดนั้น มันก็ไม่มีกระทรวงมหาดไทย ไม่มีทหาร ไม่มีตำรวจแล้ว มีแต่คนไทยมีแต่นักรบแล้ว ถ้าหากมาอย่างนั้นผมก็จะมารบกับเขาด้วย จะกลัวอะไรปกป้องบ้านเมือง ชีวิตหนึ่งเจอแบบนี้สักครั้งหนึ่ง ได้ทำอะไรที่รู้สึกว่าได้ปกป้องผืนแผ่นดินของเรา ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของเรา ต้องมองว่าถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ไม่ได้เป็นหน้าที่ของรั้วของชาติอย่างเดียว“ นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีให้สโลแกนมาแล้ว มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว รั้ว รั้วก็ต้องแข็งแรง บ้านก็ต้องแข็งแรง คนในบ้านก็ต้องปลอดภัย พวกตนรับสโลแกนนี้มาจากนายกฯ เราทำงานกันไม่มีแยกกัน ไม่มีการทำงานแบบว่าถ้าทำแบบนี้เราจะได้คะแนนมากกว่า ขณะนี้ เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะนำความปลอดภัยมาให้กับพี่น้องประชาชน คนมหาดไทยเห็นแบบนี้ก็บู๊ๆมากันทั้งนั้น คนเป็นผู้ว่าฯ เป็นนายอำเภอ เข้าโรงเรียนในอำเภอก็ฝึกกันมาหมดแล้ว อาจไม่ลึกเท่าการทหาร แต่วิธีการที่จะบรรเทาภัยป้องกันพี่น้องประชาชนเราทำได้อย่างเต็มที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่บอกได้เลยว่าเรามีความพร้อม ย้ำว่าประชาชนของเราต้องปลอดภัย ตนไม่มีอะไรที่จะให้สัญญากับพ่อแม่พี่น้องได้มากกว่านี้

ฉะนั้น วันนี้เรามาไม่ได้มาเฉพาะเรื่องน้ำอย่างเดียว แต่มาเรื่องความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย พ่อแม่พี่น้องไม่ต้องห่วง มาตรการอะไรที่เขาออกมาหรือประกาศออกมา ก็เป็นเรื่องของฝั่งโน้นบ้านโน้นไม่เกี่ยวกับเรา เขาไม่สามารถออกมามาตรการอะไรที่ทำให้เราฝันหนีดีฝ่อได้เป็นอันขาด อธิปไตยอย่ามาข้ามกัน ถ้าข้ามกันเราก็ต้องพร้อมสู้ ไม่มีคนไหนที่บอกว่าไม่พร้อม อย่าว่าแต่พี่น้องทหารเลย ซึ่งเขาพร้อมมานานแล้ว แม่ทัพภาค 2 ให้สัมภาษณ์ตนไม่เป็นห่วงเลย เขาพร้อมมานานแล้ว เราก็เช่นกัน เราก็พร้อมที่จะเป็นแนวหลังที่จะทำให้เขาไม่ต้องห่วงกังวล เขาจะได้ปกป้องรั้วบ้านให้ปลอดภัยอย่างที่สุด เราจะไม่ทำให้เขาเกิดความเป็นห่วงด้วยการเตรียมความพร้อมในแนวหลัง 

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ความขัดแย้งขอให้มันเกิดขึ้นที่แนวรบ แต่ถ้าเรามาเจอเพื่อนบ้านของเราที่เขามาทำมาหากินในบ้านเมืองของเรา เขายังเป็นเพื่อนได้ เขาเป็นคนงาน เป็นคนร่วมหอพัก เป็นคนทำมาหากินโดยสุจริต เราต้องแยกแยะ หากต้องมีการสู้รบเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง แต่ประชาชนพี่น้องญาติๆกันทั้งนั้น เราต้องปฏิบัติตัวกับเขาด้วยความเป็นอารยะ อย่าทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เราต้องดูแลคนของเขาในบ้านเรา ส่วนเขาก็ต้องดูแลคนของเราในบ้านเขา ซึ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว มท.1 ของเขาโทรมาหาตน เราให้คำมั่นสัญญารับปากกันว่า คนของเขาเราดูแลความปลอดภัยให้เต็มที่ คนของเราในบ้านเขา เขาก็จะดูแลความปลอดภัยให้เต็มที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความขัดแย้งเรื่องพรมแดน จึงขออนุญาตให้พวกเราใจกว้างๆแยกแยะให้ถูก เรื่องปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้เป็นเรื่องของพวกผมคือรัฐบาล เรื่องความมั่นคงของประเทศให้เป็นเรื่องของทหาร 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า วันนี้หากมีความจำเป็นต้องตัด ไฟตัดอินเทอร์เน็ต ตัดน้ำ ที่เราส่งขายให้ฝั่งโน้น ถ้าฝ่ายความมั่นคงแจ้งมาเราพร้อมปิดทันที แต่ก็อย่าให้มีอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้​ จะได้ทำมาหากินได้​ ความสงบสุขจะได้เกิดขึ้น​ เพราะอย่างไรเราก็อยู่กันอย่างนี้ แต่ที่แน่นอนคือแผ่นดินของเรา​ตารางนิ้วเดียวก็เสียไม่ได้ นั่นคือเป้าหมายที่แน่นอนของเรา​ เราขีดของเราไว้เรียบร้อยแล้ว​ และของเรามีความถูกต้อง อยากให้ทุกคนมีความมั่นใจ 

ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายโดยอวยพรขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากภยันอันตราย และแคล้วคลาดอย่าไปเก็บของป่า เขาขีดเส้นไว้ตรงไหนก็ตรงนั้นแล้วจะปลอดภัย