เลคเชอร์‘แผนที่ 1 : 2 แสน’ ถูกย่ำยีมาตั้งแต่ปี2505 กลับพลีกายให้อีกปี2543 และผลผูกพันไทย
16 มิถุนายน 2568 นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา(อดีต สว.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ว่าด้วยแผนที่ 1 : 2 แสน ถูกข่มขืนมาตั้งแต่ปี 2505 แต่กลับพลีกายให้อีกในปี 2543 จะบอกคนไทยทั้งประเทศว่าไง ?” ระบุว่า...
ว่าด้วยแผนที่ 1 : 2 แสน
ถูก ‘ข่มขืน’ มาตั้งแต่ปี 2505
แต่กลับ ’พลีกาย‘ ให้อีกในปี 2543
วันนี้จะบอกคนไทยทั้งประเทศว่าไง ?
_______
ความเป็นมาของแผนที่ 1 : 200,000 ตัวการที่ทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหารบนศาลโลก ICJ เมื่อ 63 ปี 1 วันที่แล้วขอเล่าให้ฟังง่าย ๆ ให้เห็นภาพรวม
1. ศาลใช้หลักกฎหมายปิดปาก (Estoppel) กับประเทศไทยว่ายอมรับโดยปริยายว่าปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา จากการแสดงออกในอย่างน้อย 2 ประเด็นใหญ่ ๆ
1.1 การยอมรับแผนที่อัตราส่วน 1 : 200,000 รวม 11 ระวางระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสในขณะนั้น ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นในปี 1908 ตามผลการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการร่วมสยาม-ฝรั่งเศสที่ตั้งขึ้นตามสนธิสัญญา 1904 และ 1907 แล้วส่งมาให้ไทย ซึ่งต่อมาที่เป็นประเด็นปัญหาคือระวางดงรักที่เขียนให้พื้นที่ปราสาทพระวิหารและอาณาบริเวณรวม 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ในเขตอินโดจีนฯ แผนที่เหล่านี้ไทยได้รับมาแล้วแต่ไม่คัดค้านหรือประท้วง
1.2 การเสด็จเยือนปราสาทพระวิหารของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพในปี 2473 แล้วพบเห็นการชักธงชาติฝรั่งเศสขึ้นแต่ไม่คัดค้านหรือประท้วง
2. เมื่อใช้หลักกฎหมายปิดปากแล้ว ศาลก็ให้ถือว่าการแสดงเจตนารมณ์ของไทยในฐานะคู่สัญญาใน 2 ประเด็นใหญ่นั้นสำคัญกว่าเนื้อหาหลักของสนธิสัญญา 1904 ข้อ 1 ที่กำหนดให้เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีนฯเป็นไปตามสันปันน้ำ
3. ดังนั้นศาลจึงไม่ให้ความสำคัญกับการพิสูจน์สถานที่จริงว่าสันปันน้ำอยู่ตรงไหน เพราะศาลถือเสียแล้วว่าประเด็นสันปันน้ำตามสนธิสัญญา 1904 ไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะถือว่าไทยรับแผนที่ 1908 แล้ว ไม่ว่าแผนที่จะถูกหรือผิด ก็ให้เป็นไปตามนั้น
4. การใช้หลักกฎหมายปิดปากมาพิพากษาให้ไทยต้องสูญเสียอธิปไตยในพื้นที่ข้อพิพาท เป็นเสมือนการลงโทษหนักที่ไม่ได้สัดส่วนกัน
5. ศาลเลือกให้น้ำหนักปัจจัยอื่นนอกเหนือจากเนื้อหาหลักของสนธิสัญญามาเป็นโทษกับฝ่ายไทยเท่านั้น มิได้พิจารณาให้น้ำหนักกับปัจจัยอื่นที่เป็นโทษกับฝรั่งเศสและกัมพูชา อาทิ การครอบครองพื้นที่พิพาทมาอย่างต่อเนื่องระยะเวลาหนึ่ง
ไทยต่อสู้เต็มกำลังว่าไม่ยอมรับเคยยอมรับยอมรับแผนที่ 1 : 200,000
วิธีการหนึ่งคือขอความร่วมมือจากสถาบันนานาชาติผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิศาสตร์และแผนที่เป็นคนกลางมาเดินสำรวจหาสันปันน้ำจริงในบริเวณปราสาทพระวิหารอยู่ 10 วันเมื่อปี 2504 และทำรายงานต่อศาลในฐานะพยาน ผมยังเคยพบหน้านักสำรวจชาวเยอรมันที่มาเดินสำรวจครั้งนั้นมาสังเกตการณ์ที่ศาล ICJ กรุงเฮก ในการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารภาค 2 เมื่อปี 2556 เลย ขณะนั้นท่านน่าจะอายุกว่า 90 แล้ว
แต่ศาลก็ไม่ให้น้ำหนักมากพอ
ยังคงถือว่าไทยยอมรับและผูกพันทางกฎหมายกับแผนที่ 1 : 200,000 ระวางดงรักทั้ง ๆ ที่มันไม่ตรงกับสนธิสัญญา 1904 อยู่ดี
เหมือนถูกข่มขืนกลางศาล !
และสำหรับคนที่ถูกข่มขืนโดยทั่วไป เจ็บปวดครั้งเดียวก็ควรจะพอ !!
แต่แล้ว…ในอีก 38 ปีต่อมาเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อกลับอุบัติขึ้น !!!
ไทยทำ MOU 2543 กับกัมพูชาในปี 2543
ไฮไลท์อยู่ที่ข้อ 1
เน้นลงไปอีกที่ข้อ 1 (ค)
ข้อ 1
จะร่วมกันดำเนินสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาให้เป็นไปตามเอกสารดังต่อไปนี้
(ก) อนุสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทแห่งสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม รัตนโกสินทรศก 112 (ปี ค.ศ. 1883) ว่าด้วยดินแดนกับข้อตกลงอื่น ๆ ฉบับลงนาม ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธุ์ รัตนโกสินทรศก 122 (ปี ค.ศ. 1904)
(ข) สนธิสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ฉบับลงนาม ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (ปี ค.ศ. 1907) กับพิธีสารว่าด้วยการปักปันเขตแดนแนบท้ายสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (ปี ค.ศ. 1907) และ
(ค) แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีนซึ่งจัดทำขึ้นตามอนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส
อ้าว - ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 กันดื้อ ๆ เสียอย่างนั้นแหละ
ครั้งนี้ไม่มีใครมาบังคับ ไม่มีศาลไหนมาใช้หลักกฎหมายปิดปาก ทั้ง ๆ ที่ต่อสู้มาอย่างสมศักดิ์ศรีบนศาลโลกช่วง 40 ปีก่อนหน้า และมีแถลงการณ์รัฐบาลยืนยันไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา แต่จำเป็นต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นสมาชิกสหประชาชาติ
เหมือนยอมพลีกายให้ด้วยเติมใจ !
กระทรวงการต่างประเทศมักจะพูดว่าไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 แต่ต้องเขียนไว้เพื่อเป็นเอกสารประกอบการเจรจา
ไม่จริงหรอกครับ !
หากท่านดู MOU 2543 ข้อ 1 แล้วยังไม่ชัดเจนพอ ขอให้ย้อนไปดูเอกสารอีกชิ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2543 เป็นหนังสือเสนอความเป็นมาให้นายกรัฐมนตรีก่อนหน้าวันลงนาม MOU 2543 เพียง 4 วัน มีอยู่ 3 แผ่น ผมนำภาพประกอบมาลงให้ดูท้าย MOU 2543 แล้วนะครับ
(ในวงการผู้ศึกษาเรื่องเขตแดนมักจะเรียกเอกสาร 3 แผ่นนี้ว่า “ใบปะหน้า MOU 2543”)
ไฮไลท์อยู่ที่หน้า 1 ข้อ 2.1
ซึ่งเป็นการสรุปสาระสำคัญของ MOU 2543 ที่เสนอให้ไทยจัดทำกับกัมพูชาตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการ JBC ครั้งที่ 2
ขอคัดมาเฉพาะข้อความสำคัญที่สุด
“พื้นฐานทางกฎหมาย การสำรวจและปักหลักเขตแดนทางบกจะดำเนินการโดยใช้เอกสารหลักฐานที่ผูกพันไทยและกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ คือ อนุสัญญาฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธุ์ ค.ศ. 1904 สนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 กับพิธีสารแนบท้าย และแผนที่แสดงเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามาตราส่วน 1 : 200,000 ซึ่งจัดทำขึ้นตามผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน”
ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า “ผูกพันไทย” !
จบกัน !!
ในช่วงปี 2551 จึงมีกระแสเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 2543 เพราะเกรงกันว่าหากใช้แผนที่ 1 : 200,000 มาจัดทำหลักเขตแดน ไทยจะต้องเสียดินแดนอีก ถึงขนาดมีการนำเสนอแผนที่เปรียบเทียบว่าไทยอาจเสียดินแดนตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชา 1.5 ล้านไร่
แต่ก็ไม่ฟังกัน
ยังคงกอด MOU 2543 แน่นมาจนทุกวันนี้
การประชุม JBC ครั้งล่าสุด 14-15 มิถุนายน 2568 กัมพูชาแถลงในทันทีหลังจบการประชุมว่าเขายืนยันใช้แผนที่ 1 : 200,000 เป็นหลักในการจัดทำหลักเขตแดน จะไม่ยอมใช้แผนที่ 1 : 50,000 ที่ไทยจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว
ทีแรกฝ่ายไทยมีกำหนดว่าไม่แถลงในทันที จะแถลงในวันรุ่งขึ้นคือวันนี้วันที่ 16 มิถุนายน 2568
แต่พอเกิดกระแสความไม่พอใจขึ้นในหมู่ประชาชนคนไทยที่เจ็บแล้วจำจากแผนที่ 1 : 200,000 กระทรวงการต่างประเทศจึงแถลงตั้งแต่เมื่อวานเป็นเอกสารมีความตอนท้ายอย่างนี้
“มิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1 : 200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีนตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด”
ฟังดูดี๊ดี
ฟังดูเหมือนเริ่มจะแข็งขึ้นมาบ้างละ
แต่พิจารณาให้ดี ข้อความนี้ไม่เหมือนกับข้อความที่ควรจะเป็นว่า “ประเทศไทยไม่ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 เพราะเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว” เลยนะครับ
ต้องดูสิว่า การแถลงอย่างเป็นทางการวันนี้ ประธาน JBC ฝ่ายไทยจะว่าอย่างไร วันนี้ตรงกับวันครบรอบ 25 ปี MOU 2543 เสียด้วย
เรื่องราวของ “แผนที่ 1 : 200,000” ก็เอวังด้วยประการฉะนี้เท่านี้ก่อนละ
คำนูณ สิทธิสมาน
16 มิถุนายน 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี