วันที่ 16 มิถุนายน 2568 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์” เรื่อง “ขอจัดให้อีกครั้งชัดๆ ขอมไม่ใช่เขมร” ระบุว่า ขอมไม่ใช่เขมร เป็นประเด็นที่มีรายละเอียดและความซับซ้อนทั้งในทางนิรุกติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ชาวเขมรในกัมพูชาเรียกตัวเองว่า “ขะแมร์” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณ มีหลักฐานในศิลาจารึกตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ที่ระบุว่าชาวเขมรเรียกตนเองว่า “เกฺมร” หรือ “แขฺมร” ในภาษาเขมรปัจจุบัน ส่วนชื่อประเทศก็ใช้ว่า “กัมพูชา” มาแต่โบราณ
ขอม ≠ เขมร : เข้าใจใหม่ให้ถูกต้อง
“ขอมไม่ใช่เขมร” เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์และภาษาศาสตร์ที่คนไทยจำนวนมากยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ด้วยเหตุที่คำว่า “ขอม” ถูกใช้ในไทยมายาวนาน โดยไม่แยกแยะกับคำว่า “เขมร” ที่ชาวกัมพูชาใช้เรียกตนเอง เรามาเจาะลึกกันทีละประเด็น
1. “เขมร” คือชื่อชนชาติที่ชาวกัมพูชาเรียกตนเอง ชาวกัมพูชาเรียกตนเองว่า “แขฺมร” ตั้งแต่ยุคจารึกโบราณ คำนี้ปรากฏชัดในศิลาจารึกตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ทั้งในอักษรเขมรและสันสกฤต ชื่อประเทศในภาษาเขมรคือ “กัมพูเจีย” (Kampuchea) ซึ่งมีรากศัพท์จากภาษาสันสกฤตว่า กัมพูชะ (Kambuja)
2. “ขอม” ไม่ใช่ชื่อที่ชาวเขมรใช้เรียกตนเอง คำว่า “ขอม” (Khom) ไม่ปรากฏในภาษาเขมร และไม่ใช่คำที่ชาวเขมรใช้เรียกตนเอง เป็นคำที่คนไท–ไต โดยเฉพาะในสุวรรณภูมิ ใช้เรียกกลุ่มชนหรือวัฒนธรรมที่รับอิทธิพลอินเดีย–เขมร เช่น รัฐละโว้ (ลพบุรี), ทวารวดี, หรืออารยธรรมในลุ่มเจ้าพระยา “ขอม” จึงเป็นเพียงคำเรียกทางวัฒนธรรม ไม่ใช่ชาติพันธุ์
3. “ขอม” เป็นคำวัฒนธรรม ไม่ใช่ชาติพันธุ์ นักวิชาการไทย เช่น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช, จิตร ภูมิศักดิ์ เห็นตรงกันว่า
“ขอม” คือกลุ่มวัฒนธรรม ไม่ใช่ชื่อเชื้อชาติ ใครก็ตามที่รับอิทธิพลฮินดู–พุทธแบบอินเดียจากอาณาจักรพระนคร ก็ถูกจัดอยู่ในวัฒนธรรม “ขอม” ได้ ไม่ว่าจะเป็นลพบุรี มอญ หรือกลุ่มอื่น ๆ
4. “เขมร” คือชนชาติ–ภาษา–อารยธรรม “เขมร” หรือ Khmer เป็นชื่อชนชาติที่สืบทอดมาจากอาณาจักรพระนคร เป็นผู้สร้างนครวัด นครธม และวัฒนธรรมเขมรสูงสุดในศตวรรษที่ 9–13 คำว่า “Khmer” จึงมีความหมายชัดเจนทั้งในด้านชาติพันธุ์ ภาษา และอำนาจรัฐ
5. คำว่า “ขอม” มีพัฒนาการตามยุคสมัย ในจารึกโบราณของไทย เช่น จารึกวัดศรีชุม (สุโขทัย) คำว่า “ขอม” ใช้เรียกกลุ่มชนที่อยู่ทางใต้ของสุโขทัย โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งอาจรวมถึงกลุ่มที่รับวัฒนธรรมแบบเขมรหรือมีความเกี่ยวข้องกับรัฐละโว้ (ลพบุรี) มากกว่าที่จะหมายถึง “เขมร” หรือชาวกัมพูชาโดยตรง ในจารึกเดียวกันนี้ หากต้องการกล่าวถึง “เขมร” จะใช้คำว่า “เขมร” หรือ “นักเกมรเทศ” แยกต่างหากจาก “ขอม” อย่างชัดเจน “ขอม” ในสมัยสุโขทัยจึงมีความหมายเฉพาะเจาะจงถึงกลุ่มคนทางวัฒนธรรม ไม่ใช่เชื้อชาติ และไม่ได้หมายถึงชาวเขมรในกัมพูชาเสมอไป ในจารึกวัดศรีชุม หากต้องการกล่าวถึงชาวเขมร จะใช้คำว่า “เขมร” โดยตรง ไม่ใช้คำว่า “ขอม” แทน
ในยุคอยุธยา ความหมายของคำว่า “เขมร” และ “ขอม” เริ่มมีความชัดเจนและแตกต่างกันมากขึ้นเมื่อเทียบกับยุคสุโขทัย
“ขอม” ในยุคอยุธยา กลายเป็นคำที่คนไทยใช้เรียกชาวเขมรหรือชาวกัมพูชาโดยตรง แตกต่างจากยุคสุโขทัยที่ใช้ “ขอม” เรียกกลุ่มชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างหรือกลุ่มที่รับวัฒนธรรมเขมร แต่ไม่ได้หมายถึงชนชาติเดียวกับเขมรในกัมพูชาโดยเฉพาะ. ในเอกสารประวัติศาสตร์และกฎหมายของอยุธยา เช่น กฎมณเฑียรบาล ก็ใช้คำว่า “ขอม” หมายถึงคนในดินแดนเขมรหรือกัมพูชา
สรุป ความหมายของ “ขอม” ในจารึกและประวัติศาสตร์ไทย
ในจารึกสุโขทัย เช่น จารึกวัดศรีชุม คำว่า “ขอม” ใช้หมายถึงกลุ่มคนที่อยู่ทางใต้ของสุโขทัย ซึ่งอาจหมายถึงรัฐละโว้หรือกลุ่มที่รับวัฒนธรรมเขมร
ถ้าจะกล่าวถึงชาวเขมรจริง ๆ จารึกจะใช้คำว่า “เขมร” โดยตรง เช่น “นักเกมรเทศ”
ในยุคอยุธยา คำว่า “ขอม” เริ่มถูกใช้แทน “เขมร” อย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นคำเหมารวม
ถ้าเราเรียกชาวเขมรว่าขอม โดยไม่เข้าใจความหมายแท้จริง เราอาจกำลังสืบต่อความเข้าใจผิดที่มีผลทั้งเชิงประวัติศาสตร์และการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี