วันที่ 16 มิถุนายน 2568  สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า  แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า  พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่โรงบาลตำรวจ ชั้น 14 และยังเป็น 1 ใน 12 ราย ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งองค์คณะไต่สวนในคดีป่วยทิพย์ของนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายข้ามหน่วยงานจาก กรมราชทัณฑ์  กระทรวงยุติธรรมให้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จังหวัดสุโขทัยในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา 

“การโยกย้ามข้ามหน่วยงาน จากกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไปอยู่ที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จังหวัดสุโขทัยในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ของ พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากจังหวัดสุโขทัยเป็นบ้านเกิดของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสมศักดิ์ เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร์ สส. จังหวัดสุโขทัยมาตลอด” แหล่างข่าวระบุ  

ขณะที่ แหล่งข่าวจากแพทยสภา เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ทางคณะกรรมการสอบสวนของแพทยสภาเคยทำหนังสือเชิญ พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาให้ปากคำในช่วงการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ถูกกล่าวหาในกรณีการรักษานายทักษิณ เนื่องจากเห็นว่า เป็นพยาบาลเวรที่เป็นผู้ติดต่อแพทย์หญิงรวมทิพย์ ซึ่งเป็นผู้ทำใบส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้ติดต่อรถพยาบาลและประสานงานกับโรงพยาบาลตำรวจ แต่พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไม่มาให้ปากคำโดยอ้างว่าไม่สะดวกเนื่องจากอยู่จังหวัดสุโขทัย 

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568  ได้ติดต่อไปยัง โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จังหวัดสุโขทัย เพื่อขอสัมภาษณ์ พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการย้ายข้ามหน่วยงานไปอยู่ที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จังหวัดสุโขทัย แต่ไม่สามารถติดต่อได้

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ระบุว่า พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาล จริง แต่เนื่องจากเป็นข้าราชการ การจะให้สัมภาษณ์ได้จะต้องมีการทำหนังสือขอสัมภาษณ์เข้ามาถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นทางการก่อน  และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ว่าจะอนุญาตให้พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหรือไม่  

ขอบคุณข้อมูล : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)