‘นักวิชาการธรรมศาสตร์’วิเคราะห์กรณีปล่อยคลิปเสียง‘ลุงฮุน-หลานอิ๊งค์’กระทบการทำงานภายในประเทศไทย คาด‘อิ๊งค์’ยกหูเองไม่ปรึกษาทีม ระบุผลพวงเหตุการณ์นี้ปิดประตูตายการเจรจาลับทางการทูต ขณะที่เกมยาว‘กัมพูชา’ยังมี‘ไพ่เด็ด’อีก 4 ใบในชั้นศาลโลก
19 มิถุนายน 2568 ผศ.ดร.ธนภัทร ชาตินักรบ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า การปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทย กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดน ไทย–กัมพูชา ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กัมพูชากำลังเดินเกมส่งเรื่องข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก
ทั้งนี้ เนื่องจากคลิปเสียงดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นภายในของทีมประเทศไทยด้วยกันเอง เพราะมีความเป็นไปได้ว่าการยกหูโทรศัพท์ต่อสายพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน เป็นการตัดสินใจของ น.ส.แพทองธารโดยลำพัง ไม่ผ่านการปรึกษาจากคณะทำงานร่วม ตรงนี้สะท้อนผ่านท่าทีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ดูสับสนและไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงแรก
ผศ.ดร.ธนภัทร ระบุว่า มากไปกว่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยังถือเป็นการปิดตายประตูการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างผู้นำไทยปัจจุบันและกัมพูชา เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อกันได้ถูกทำลายลงแล้ว ทั้งที่การเจรจาในทางลับถือเป็นเรื่องปกติทางการทูต เพื่อบริหารจัดการความขัดแย้งให้เข้าสู่ภาวะปกติ
ผศ. ดร.ธนภัทร กล่าวต่อไปว่า หนึ่งในเหตุจูงใจของการปล่อยคลิปเสียง อาจมาจากความต้องการสร้างคะแนนนิยมของสมเด็จฮุน เซน เพื่อทำให้ประชาชนในกัมพูชาเห็นว่าตนอยู่ในสถานะที่เหนือกว่านายกรัฐมนตรีของไทย ทำให้นายกรัฐมนตรีไทยที่ต้องอ่อนน้อมและเป็นฝ่ายเข้าหาตน อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความขึงขัง เอาจริงเอาจัง และเด็ดขาดในการเจรจาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ มากกว่าการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีต่อผู้นำรัฐบาลไทย ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน กำลังโดนข้อครหาจากหลายฝ่ายในประเทศ
ด้าน ดร.ภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า หากมองเกมยาวต่อสถานการณ์ที่กัมพูชากำลังยื่นเรื่องข้อพิพาท 4 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย เข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ประเทศไทยจำเป็นต้องอ่านเกมให้ขาดว่ากัมพูชาต้องการอะไร และมีไพ่อะไรบ้างอยู่ในมือบ้าง ส่วนตัวคิดว่ากัมพูชาน่าจะถือไพ่อยู่ในมือหลายรูปแบบ แต่จากสถานการณ์ ณ วันนี้ คิดว่าไทยควรโฟกัสไพ่เพียง 4 ใบ น่าจะเพียงพอ ประกอบด้วย
+ ไพ่ใบที่ 1 เรียกว่า forum prorogatum
คือการยื่นเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ทั้งที่รู้ว่าศาลโลกไม่มีเขตอำนาจ เพราะไทยไม่ได้ให้ความยินยอม โดยข้อดีของกรณีคือกัมพูชาจะได้ภาพลักษณ์ว่าเป็นประเทศที่ยึดหลักสันติวิธี เคารพกฎหมาย เคารพกระบวนการยุติธรรม เป็นการสร้างความชอบธรรมในสายตานานาประเทศและช่วยสร้างคะแนนนิยมในประเทศให้รัฐบาลด้วย ถ้ากัมพูชาเล่นไพ่ใบนี้จะเป็นการง่ายสำหรับไทยเพราะรัฐบาลไทยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ สามารถส่งหนังสือยืนยันว่าศาลไม่มีเขตอำนาจในข้อพิพาทนี้ กระบวนการทั้งหมดจะยุติแค่นั้น ไม่มีคดีเกิดขึ้น ไม่มีข้อมูลในสารบบความของศาล แต่ไทยอาจจะต้องอธิบายกับนานาชาติด้วยว่ากลไกอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว ทำงานได้ดีกว่าการไปศาลอย่างไรบ้าง
+ ไพ่ใบที่ 2
คือการยื่นฟ้อง โดยอ้างหลักฐานบางอย่างว่าไทยให้ความยินยอม ไพ่ใบนี้จะทำให้กัมพูชาได้เปรียบไทยขึ้นมา เพราะหากกัมพูชาสามารถแสดงหลักฐานอะไรบางอย่างได้ว่าไทยยินยอมให้นำข้อพิพาทไปศาลโลกจะทำให้เกิดคดีขึ้น และเข้าสู่สารบบความของศาล ด้วยเหตุนี้จะส่งผลให้ไทยอาจจะต้องไปแถลงการณ์สู้คดีในศาลจริงๆ แม้ในท้ายที่สุดศาลจะตัดสินว่าไทยชนะ เพราะศาลไม่มีเขตอำนาจ แต่อย่างน้อยๆ กัมพูชาก็จะได้ไปขึ้นศาลจริงๆ ตามที่ต้องการ
“ข้อดีที่เพิ่มมาจากไพ่ใบแรกคือกัมพูชาจะมีสิทธิร้องขอคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน สำหรับไทยอาจจะต้องเตรียมรับมือให้ดี ไม่ควรประมาท จากข้อมูลที่สามารถสืบค้นได้ทั่วไป ณ ขณะนี้ ส่วนตัวยังคิดว่าถ้ากัมพูชาเล่นไพ่ใบนี้จริงๆ ไทยน่าจะชนะ เพราะศาลไม่มีเขตอำนาจ แต่เราต้องไม่ประมาท” ดร.ภัทรพงษ์ กล่าว
+ ไพ่ใบที่ 3
คือการตีความคำพิพากษาคดีพระวิหาร ทั้งคำพิพากษาคดี ปี ค.ศ. 1962 และปี ค.ศ. 2013 ซึ่งคู่ความในคดีมีสิทธิตามธรรมนูญศาล สามารถร้องขอให้ศาลตีความคำพิพากษาในกรณีที่มีข้อพิพาทกันในเรื่องความหมายหรือขอบเขตของคำตัดสิน ถ้ากัมพูชาจะเล่นไพ่ใบนี้ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าข้อพิพาทใหม่ในเรื่องพื้นที่ 4 แห่ง เกี่ยวข้องอย่างไรกับคำพิพากษาเดิม การเตรียมตัวของไทยก็เหมือนไพ่ใบที่สอง ต้องเตรียมตัวสู้คดีอย่างเต็มที่ ไม่ประมาท
+ ไพ่ใบที่ 4
คือการนำเรื่องเข้าสมัชชาองค์การสหประชาชาติ (UNGA) โดยอ้างว่ามีเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา จนอาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และสันติภาพระหว่างประเทศ UNGA มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ยังมีอำนาจในการร้องขอให้ศาลโลกออกความเห็นเชิงแนะนำ (advisory opinion) เกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายที่อยู่ภายในขอบเขตหน้าที่ของ UNGA แต่เดิมกลไกการร้องขอความเห็นนี้ไม่ได้ออกแบบมาใช้เพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ
ทว่า ในปัจจุบันหลายๆ ประเทศหันมาใช้กลไกนี้เพื่อระงับข้อพิพาท เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาว่าศาลโลกไม่มีเขตอำนาจ และเมื่อ UNGA ร้องขอความเห็นไป ศาลโลกก็ได้ออกความเห็นทางกฎหมายมา เพราะถือว่าอยู่ในขอบเขตหน้าที่ของ UNGA
“ส่วนตัวคิดว่าไพ่ใบนี้จะทำให้กัมพูชาได้เปรียบมาก เพราะสามารถยกระดับข้อพิพาทให้ไปสู่เวทีโลก สร้างความสนใจจากนานาชาติ และในท้ายที่สุดอาจจะไปถึงกระบวนการที่ศาลต้องพิจารณาเรื่องพื้นที่พิพาทอย่างที่กัมพูชาต้องการ แน่นอนว่ากัมพูชาจะต้องล็อบบี้ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติอย่างแข็งขัน เพื่อให้เสียงข้างมากมาลงมติเพื่อร้องขอความเห็นต่อศาล ฝ่ายไทยจะต้องเตรียมตัวต้องรับให้รัดกุมที่สุด” ดร.ภัทรพงษ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี