‘อิ๊งค์’บีบน้ำตา‘ขออภัยประชาชน
’ไม่ออก-ไม่ยุบ
ยันรบ.-กองทัพเป็นเอกภาพ
ต้องจับมือปกป้องอธิปไตย
กต.เรียกทูตกัมพูชาเข้าพบ
ทำหนังสือประท้วง‘ฮุนเซน’
“นายกฯอิ๊งค์” น้ำตาคลอ แถลงขออภัยคนไทย ปมคลิปคุย“ฮุนเซน” ยันรัฐบาล-กองทัพ เห็นพ้องเป็นภัยคุกคาม ระบุ เป็นเอกภาพ พร้อมรักษาอธิปไตยไทย
มอบกต.ร่อนหนังสือประณามผู้นำกัมพูชา ลั่นผู้นำไม่มีใครทำแบบนี้ บัวแก้วเรียกทูตกัมพูชาพบ ทำหนังสือประท้วง ซัด “ฮุนเซน” ไร้มารยาท ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนชัด พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ “ประเสริฐ”โวพรรคร่วมรบ.ยังปึ้กมีเสถียรภาพ “ทวี”ยันประชาชาติ อยู่ร่วมรบ. “อนุทิน”ส่งใบลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ-มท.1 “ศุภมาส-นภินทร”ยื่นลาออกแล้ว “ภราดร”ไขก๊อกรองปธ.สภาฯ ทสท.จี้นายกฯลาออก “ณัฐพงษ์”บี้“อิ๊งค์”ยุบสภา จี้พรรคร่วมฯ ถอนตัว อ้างผู้นำหมดความชอบธรรม
เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาร่วมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส.พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ส่วน ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.)และผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ติดภารกิจ ได้มอบหมายให้ พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ มาร่วมประชุมแทน
ขออภัยพี่น้องคนไทยทุกคน
หลังการประชุมที่ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง น.ส.แพทองธาร แถลงว่า วันนี้ได้เชิญหน่วยงานความมั่นคงกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น ก่อนอื่น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาในระหว่างที่คุยกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจและดิฉันมีโอกาสได้คุยกับทางแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพได้อธิบายถึงเจตนาว่าเป็นเพียงเทคนิคของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจเพื่อคุยในรายละเอียดต่อไป เพื่อให้การปะทะหยุดลง ซึ่งเป็นความตั้งใจที่แท้จริง ที่ต้องการให้สถานการณ์สงบสุข และไม่ทราบว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่แบบนี้ โดยทำความเข้าใจกับกองทัพเรียบร้อยแล้วซึ่งกองทัพรับฟัง วันนี้เราต้องร่วมมือกันเพื่อที่จะผนึกกำลังเอาไว้เช่นกัน
ชี้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
“วันนี้ทุกคน ทุกภาคส่วน ได้สรุปว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและไม่ใช่ภัยคุกคามที่เล็กๆ ของประชาชนหรืออะไรที่จะพูดถึงว่ารัฐบาลหรือกองทัพต้องสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลามาทะเลาะกันเองเราต้องปกป้องอธิปไตยของเราเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นตรงกันและรัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนใดๆ ที่ทางกองทัพต้องการนี่คือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำร่วมกัน วันนี้การที่เราจะออกมาทำอะไรหรือตัดสินใจในมิติต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาและประชาชนตรงแนวชายแดน เราต้องนึกถึงและให้ความมั่นใจและความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน” นายกฯ กล่าว
ผิดหวังผู้นำกัมพูชาอัดคลิป
นายกฯ กล่าวว่า ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำเรื่องการดำเนินการโดยสันติวิธี ผ่านกระบวนการทวิภาคี และได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย มาเพื่อยื่นหนังสือประท้วงและแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา ทั่วโลกไม่มีใครทำแบบนี้ ที่ผู้นำคุยกันไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ๆ ที่มีการตกลงและเจรจาใดๆ ถ้าไม่ได้บอกก่อนว่าเป็นการอัดคลิปหรือคุยเป็นทางการ จะติดต่อผ่านกระทรวงต่างประเทศตามกระบวนการที่ถูกต้อง เพื่อให้ทราบว่ามีการอัดคลิปเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้เป็นการอัดคลิปจากการพูดคุยทางโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของตน จึงไม่เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก รัฐบาลไทยและกองทัพขอแสดงความรับผิดชอบในเรื่องของการปกป้องอธิปไตย ที่เราดูแลกันและยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลและกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกันอยากให้พี่น้องประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกับเราด้วยเพื่อที่จะสามัคคีปกป้องอธิปไตยของเราไว้
น้ำตาคลอระหว่างแถลงข่าว
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราต้องมาสู้กันเองสิ่งที่เกิดขึ้น ดิฉันต้องขออภัยในความที่ไม่ทราบจริงๆ ที่มีการอัดคลิปเกิดขึ้น ต่อจากนี้จะระวังเรื่องการพูดคุยให้มากขึ้น และจากที่คุยกับกองทัพมั่นใจว่าถ้าเรารวมกันเป็นหนึ่งและสามัคคีกัน เราจะสามารถผ่านพ้นไปด้วยกันอย่างแข็งแรงได้” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวในครั้งนี้ นายกฯ ได้มีน้ำตาคลอออกมาด้วย
กต.เรียกทูตกัมพูชาพบ-ทำหนังสือประท้วง
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ว่า บทการสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย และสมเด็จ ฮุนเซน ฝ่ายไทยเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ เพราะถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงกลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ จะเป็นใคร แต่ตำแหน่งนายกฯ คือ หัวหน้ารัฐบาลของประเทศที่ควรได้รับความเคารพและให้เกียรติตามแนวปฏิบัติสากลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นายนิกรเดช กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าวผ่านช่องทางการทูต โดยเชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งให้ทราบว่าการกระทำของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานต่อกันระหว่างรัฐ ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง การดำเนินของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนทางการทูต กระทำโดยใช้วิจารณญาณ มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะและมีสันติวิธี และดำเนินการอย่างทางการ โดยทางการไทยยังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาไว้เรียบร้อยแล้ว
ผบ.ทบ. พร้อมปกป้องอธิปไตย
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
กองทัพภาคที่2 ปลุกศักดิ์ศรีทหาร
ขณะที่เพจเฟซบุ๊กทางการของ กองทัพภาคที่2โพสต์ข้อความว่า”แผ่นดินไทย ไม่ใช่ได้มาด้วยคำพูด หากแต่ได้มาด้วยลมหายใจและชีวิตของบรรพบุรุษทุกคน ที่ยอมเสียสละวาระสุดท้ายของชีวิตเพื่อปกป้องรักษาไว้ เลือดเนื้อทุกหยดที่หลั่งรดลงไป คือคำบอกเล่าว่าพวกเขาเหล่านั้นรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากมายเพียงใด หน้าที่ของพวกเรา คือการปกป้องรักษามรดกแห่งความเสียสละนี้ไว้ ด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์และหวงแหนเฉกเช่นเดียวกัน เพราะแผ่นดินนี้ไม่ใช่เพียงที่อยู่ของเราแค่ชั่วคราว แต่มันคือบ้านของลูกหลาน...คืออนาคตที่เราต้องรักษาไว้ เพื่อส่งต่อให้เขาได้ยืนหยัดและใช้ชีวิตด้วยความภาคภูมิเคียงคู่ธงไตรรงค์ต่อไปตราบเท่านาน ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ทหารมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตย กองทัพบก SMARTSoldiersStrongArmy
จากนั้น เพจกองทัพภาคที่2ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1.ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2.ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุขของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3.ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน
รัฐบาลออกแถลงการณ์ ย้ำปกป้องอธิปไตย
วันเดียวกัน รัฐบาลออกแถลงการณ์ “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” ระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม
รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฎเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูตผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่งที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ
ขอคนไทยไม่เป็นเหยื่อสงครามข่าวสาร
รัฐบาลที่มาจากประชาชน ต้องปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน และต้องไม่แสดงออกเพียงมุ่งหวังคะแนนนิยมทางการเมือง เมื่อปรากฎเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจ และไม่มีความเคารพซึ่งกันและกันในการร่วมมือแก้ไขปัญหา รัฐบาลไทยจึงได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมความพร้อมรับมือต่อภัยคุกคามของชาติ โดยนายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือและประสานการปฏิบัติกับผู้นำเหล่าทัพและฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิดเป็นเอกภาพ
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาเพื่อยื่นหนังสือประท้วงแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งขัดต่อหลักปฏิบัติในการดำเนินความสัมพัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นสากล และจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเป็นลำดับต่อไป
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังสามัคคีของพี่น้องชาวไทย ไม่ตกเป็นเหยื่อของสงครามข่าวสารที่อาจมีผู้ไม่หวังดีมุ่งทำลายเอกภาพของฝ่ายไทย ด้วยปฏิบัติการหลายรูปแบบซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ รัฐบาลขอให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่าจะทุ่มเทอย่างที่สุดเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมรับใช้และรักษาทุกชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างสุดความสามารถดังที่ได้ดำเนินการเสมอมา
“ประเสริฐ”โวพรรคร่วมรบ.ยังปึ้ก
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงเสถียรภาพของพรรคเพื่อไทย ภายหลังพรรคภูมิใจไทยได้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลว่า ยังไม่มีปัญหาอุปสรรค แต่อย่างใด การถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นการถอนไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยรัฐบาลยังมีเสถียรภาพอยู่
เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมพรรคช่วงเย็น ได้มีการพูดคุยกันบ้างหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ก็มีการพูดคุยระหว่างแกนนำกันอยู่บ้าง เพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างความมั่นใจ “ยืนยันพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นปึกแผ่นเหมือนเดิม”
พร้อมลุยงานหากนายกฯให้นั่งมท.1
เมื่อถามว่าหลังจากเวลา 17.00น.จะไม่มีใครถอนตัวเพิ่มใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ครับ เชื่อว่าหากสถานการณ์คลี่คลายลงบรรยากาศคงจะดีขึ้น เมื่อถามว่าที่มีชื่อของนายประเสริฐไปนั่งตำแหน่ง รมว.มหาดไทย หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวไปนั้น มีความพร้อมหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า นายกฯให้ไปทำงานตรงไหน พร้อมหมด
‘ทวี’ให้กำลังใจ’อิ๊งค์-กองทัพ’
ที่บริเวณศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าวันนี้เราในฐานะรัฐบาล ก็ขอให้กำลังใจโดยเฉพาะมิติความมั่นคงของทหาร แล้วก็รัฐบาลเท่าที่ได้มีการพูดคุยกันก็คือ เราจะต้องทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการปกป้องเอกราช ที่สำคัญก็คือ ขณะนี้เราคงต้องมีมาตรการเพื่อให้คนไทยมีความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล
เมื่อถามว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล มีจุดยืนอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จุดยืนท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้แถลงไปแล้ว เรามีหน้าที่ต้องทำให้ประเทศมีความมั่นคงมีความปลอดภัย แล้วก็ขอให้กำลังใจทั้งทหาร ทั้งทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่นี้ รัฐบาลก็ต้องมีมาตรการซึ่งก็คงมีมาตรการที่ให้ประชาชนเห็นว่ามีความเชื่อมั่น อย่างไรเราคงไปประชุมกันก่อน
ยัน’ประชาชาติ’ยังอยู่ร่วมรบ.
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงหรือไม่ที่นายกฯมีภาวะวิกฤติศรัทธา เพราะพรรคภูมิใจไทยและอีกหลายพรรคมีท่าทีถอนตัวแล้วนั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าประเด็นนี้ตนไม่ขอ เพราะนายกฯมีความยืนหยัดอยู่แล้วเวลามีการประชุม คือ เราต้องการปกป้องประเทศ เรามีความเข้มแข็งอยู่แล้ว เมื่อถามว่าส่วนรัฐบาลภาพรวมจะไปต่ออย่างไรบ้างนั้นพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ก็ไปต่อ ก็ลาออกก็มีการปรับปรุง ครม.เพราะคนที่จะเอารัฐบาลออกคือสภา ไม่ใช่ในระบบ เช่นกฎหมายไม่ผ่าน หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเราก็ต้องทำให้ประชาชนไว้วางใจ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีเสียงหายไป 69 เสียง มันจะมีผลต่อเรื่องการโหวตงบประมาณ หรืออาจทำให้กฎหมายไม่ผ่านหรือไม่นั้น เราก็ต้องส่งสัญญาณไปยัง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อสภา ถ้าเราเข้าครบ มันก็เกิน เมื่อถามว่าแล้วจุดยืนของพรรคประชาชาติพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ก็เป็นรัฐบาลอยู่
“อนุทิน”ชื่นมื่นร่วมมื้อเที่ยง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นัดรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกับแกนนำพรรคที่โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพ หลังพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล กรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานพฤฒสภากัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ
สำหรับบรรยากาศ ที่โรงแรมดิแอทธินี มีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์, นายสมชัย อัศวชัยโสภณ หรือ เฮียเน้า นางจิตรา หมีทอง ทีมงานนายอนุทินร่วมวงกินข้าว
ส่งใบลาออก“รองนายกฯ-มท.1”
ภายหลังร่วมรับประทานอาหารเสร็จสิ้น น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทยได้นำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยของนายอนุทินไปยื่นต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาลโดยเนื้อหาในหนังสือส่งถึง นายกฯ ระบุว่ามีความประสงค์ขอลาออกจากทั้งสองตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งหรือมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
ใบลาออก’5รมต.ภท.’ยื่นนายกฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางนำหนังสือลาออกจากตำแหน่งของ 5 รัฐมนตรีพรรค ภท.ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย , นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย , น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย , นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน และนางศุภมาส อิสรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้ายื่นต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า
เหลืออีก3ใบลารมต.ทยอยยื่น
ต่อมา น.ส.ไตรศุลี เปิดเผยว่าวันนี้ได้นำรายชื่อรัฐมนตรี 5 ท่าน ได้นำหนังสือลาออกต่อสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนที่เหลืออีก 3 ท่าน คือ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ , นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ และนายนภิทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ทราาบว่าทยอยยื่นลาออกในวันเดียวกันนี้ โดยทาง สลน.จะส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ต่อไป
“ภราดร”ลาออก“รองปธ.สภา”ไร้ใบสั่ง
ที่รัฐสภา นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 แถลงลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2หลังพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเมื่อคืนวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่าอย่างที่ได้ทราบกัน จากที่นายอุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้มีการพูดถึงตำแหน่งของตน
ก็ได้เห็นถึงสถานการณ์และเหตุการณ์ทางการเมืองพอประเมินได้ว่าพรรคเราจะเดินทางไปสู่จุดไหนของการเมือง จึงได้มีการหารือกับนายอนุทินว่าในกรณีที่พรรคเราเป็นเสียงส่วนน้อยของสภาฯหรือ ฝ่ายค้าน ตนขอลาออกเพื่อที่ไปทำหน้าที่ร่วมกับเพื่อนสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในฐานะสส.ฝ่ายค้าน จริงๆนายอนุทินก็ได้ท้วงติงตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายหรือข้อบังไม่ได้ห้ามให้ตำแหน่งประธานหรือรองประธานสภาฯต้องลาออก ขณะที่ไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
นายภราดรกล่าวว่าแม้ว่าตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและข้อบังคับไม่ได้ระบุไว้แต่ด้วยมารยาททางการเมืองและความรับผิดชอบทางการเมืองและเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสภาผู้แทนราษฎร จำเป็นต้องตัดสินใจด้วยการลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2วันนี้เพื่อคืนอำนาจให้กับสภาฯในการสรรหาคนที่มีความเหมาะสมจากฟากฝ่ายเสียงข้างมากของสภาฯ เพื่อที่จะมาทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ต่อไป
“ขอย้ำว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีใบสั่ง ส่วนพรรคอื่นจะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของแต่ละพรรค” นายภราดร ย้ำ
ทสท.จี้ “อิ๊งค์”ลาออกพ้นนายกฯ
ขณะที่ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการ“ลาออก” จากตำแหน่งโดยระบุว่า จากการที่ปรากฏคลิปเสียง น.ส.แพทองธาร สนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จ ฮุน เซน ซึ่งได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะต่ออธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทย กระทบเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศ และกองทัพไทยโดยได้ระบุว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา”ทั้งที่กองทัพได้ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่ แต่นายกรัฐมนตรีของไทย กลับมากล่าวหาแม่ทัพแห่งกองทัพไทยว่า เป็นคนของฝั่งตรงข้าม แสดงให้เห็นถึงการไร้ภาวะผู้นำ และขาดวุฒิภาวะทางการเมืองจนสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าสมควรที่ น.ส.แพทองธาร ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการ “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ เพื่อแสดงสปิริตเยี่ยงนักการเมืองที่ดี และต้องไม่ใช้อำนาจ หรือกระทำการใด ๆ ที่กระทบต่อสภาผู้แทนราษฎร หรือหน่วยงาน หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง อนึ่ง พรรคไทยสร้างไทย ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อปกปักรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่ประโยชน์ของกลุ่มตระกูลใด หรือบุคคลใด
ปชน.ชี้ลาออก-รัฐประหารไม่ใช่ทางออก
ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมส.ส.พรรคประชาชน แถลงข่าวถึงกรณีคลิปเสียงดังกล่าวว่า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของ น.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารราชการแผ่นดินไปจนหมดสิ้นแล้ว บรรยากาศในสังคมมีข้อเรียกร้องหลายอย่าง ทั้งให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจยุบสภา ให้นายกรัฐมนตรีลาออก รวมทั้งการเรียกร้องให้เกิดการใช้อำนาจนอกระบบ เช่น การปฏิวัติรัฐประหาร เชื่อว่าประชาชนต้องการรัฐบาลที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ ดังนั้น ทางออกเดียวที่จะได้รัฐบาลที่แก้ปัญหากับประเทศ ได้ รัฐบาลที่มีความชอบธรรม ได้รัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย สิ่งหนึ่งที่อยากให้สื่อสารคือ การปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ใช่ทางออก
ขณะที่การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น จากสมการตัวเลข สส.แต่ละพรรคในสภา ตอนนี้รวมถึงจุดยืนของพรรคประชาชนที่เราประกาศมาโดยตลอด ย้ำว่า เราจะไม่เป็นรัฐบาลภายใต้รัฐสภานี้แน่นอน รวมถึงรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นต้นนั้นส่วนตัวคิดว่าใช้กระแสเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกภายใต้สมการทางการเมืองแบบที่เป็นอยู่และแคนดิเดทนายกฯที่เหลืออยู่ไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่รัฐบาลที่ดีที่สุด
กระทุ้งพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว
“ดังนั้นด้วยบริบทสถานการณ์และจุดยืนของพรรคประชาชนคือการที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจในการยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ รวมถึงขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังไม่ได้ออกมาประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ถ้าหากคิดเห็นตรงกันว่าการ ใช้อำนาจนอกระบบไม่ใช่ทางออก รวมทั้งตัวแคนดิเดทนายกฯ อย่างเดียวไม่ใช่ทางออก ถ้าไม่ต้องการอยู่ในอำนาจเพื่อต่อรองตำแหน่งต่าง ๆ แล้วต้องการสร้างรัฐบาลที่มีความชอบธรรมมากกว่า ขอเรียกร้องให้หลายพรรคที่จะมีการประชุมวันนี้ อยากให้มีมติออกมาว่าประกาศถอนตัวการร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
จี้นายกฯยุบสภาคืนอำนาจให้ปชช.
ส่วนกรณีที่ยุบสภาแล้ว จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับการเลือกตั้งปี 2557 ที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่นั้น คิดว่าบริบทตอนนี้กับตอนนั้นต่างกัน สำหรับพรรคประชาชนในตอนนี้ เราไม่มีทางที่จะคัดค้านการเลือกตั้งแน่นอน ดังนั้นถ้าเมื่อไรก็ตามที่มีการประกาศยุบสภาฯ คงไม่ได้เห็นการแสดงออกของพรรคประชาชนแน่นอน และยืนยันจะเดินหน้ามุ่งสู่การเลือกตั้ง นำเสนอนโยบายต่อพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด และเดินหน้ากระบวนการในการตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีความชอบธรรมสูงให้เกิดขึ้นเร็ว ๆ มากกว่า
ประกาศเดินหน้ากดดัน’ยุบสภา’
นายณัฐพงษ์กล่าวว่าต้องจับตาประชุมของพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคในวันนี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร หากพรรคเพื่อไทยสามารถคุมเสียงข้างมากได้อยู่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือความเชื่อมั่นศรัทธาของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เสื่อมลงเรื่อยๆ และพรรคประชาชนพร้อมที่จะใช้กลไกทุกอย่างเช่นการลงมติในทุกเวที เพื่อที่จะกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภาโดยเร็ว ทั้งนี้ พรรคประชาชนพร้อมที่จะใช้กลไกทุกอย่างเช่นการลงมติในทุกเวที เพื่อที่จะกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภาโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี