'พีระพันธุ์' เรียกประชุมด่วน สงคราม 'อิหร่าน' กระทบราคาน้ำมัน

'พีระพันธุ์' เรียกประชุมด่วน สงคราม 'อิหร่าน' กระทบราคาน้ำมัน

วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 17.33 น.

“พีระพันธุ์” เรียกประชุมด่วน หลังอิหร่านเตรียมปิดช่องแคบฮอร์มุซ  เตรียมมาตรการรองรับทุกสถานการณ์ ทั้งด้านราคาและปริมาณน้ำมันสำรอง พร้อมดูแลประชาชนลดผลกระทบราคาพลังงาน

23 มิ.ย. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ได้เชิญผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน จากสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนรัฐสภาอิหร่านมีมติให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางในการขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศที่สำคัญของโลก หรือประมาณ 20% ของปริมาณความต้องการน้ำมันของโลกต่อวัน  ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง  และอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบประมาณ 90%  โดยประมาณ 59%  เป็นการนำเข้าจากตะวันออกกลาง ได้แก่ จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย และโอมาน ซึ่งต้องขนส่งทางเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซ  


นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมวางแผนในแนวทางต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศ หากสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านมีความรุนแรงมากขึ้น และหากระยะเวลาในการปิดช่องแคบฮอร์มุซมีความยืดเยื้ออย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้  โดยได้พิจารณาหามาตรการจัดเตรียมปริมาณน้ำมันสำรองภายในประเทศ รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  

“หลังสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านมีความรุนแรงมากขึ้น ผมได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วนเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ และเตรียมแผนในการจัดหาน้ำมันจากแหล่งอื่นทดแทนการนำเข้าน้ำมันที่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ  โดยต้องคำนึงถึงต้นทุนราคาพลังงานเป็นสำคัญ รวมทั้งได้เตรียมแนวทางต่างๆ เพื่อบริหารจัดการด้านราคาและปริมาณสำรองภายในประเทศ  กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง  ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและปริมาณสำรองน้ำมัน และขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดการนำเข้า ซึ่งจะช่วยให้ประเทศลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในการเตรียมพร้อมรับมือด้านราคาน้ำมันนั้น ส่วนหนึ่งจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมารักษาเสถียรภาพด้านราคา รวมทั้งอาจจะขอความร่วมมือกับกระทรวงการคลังในการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้น  ส่วนในด้านปริมาณสำรองจะดำเนินการจัดหาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นในภูมิภาคทดแทนและอาจเพิ่มปริมาณสำรองมากขึ้น 
  
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ประมาณ 72 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่วนในด้านปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2568 มีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,349 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 25 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง (ผ่านช่องแคบฮอร์มุซแล้ว) 2,846 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 21 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,958 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 17 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 63 วัน ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จะมีการบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นภายในประเทศ

ในส่วนของสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดูแลด้านราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยข้อมูล ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2568 สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ติดลบประมาณ 35,408 ล้านบาท โดยเป็นบัญชีก๊าซหุงต้มติดลบ 44,403 ล้านบาท และในส่วนของบัญชีน้ำมันสถานะเป็นบวก 8,995 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้มีการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซลไปแล้วรวม 4 ครั้ง เพื่อลดผลกระทบต่อราคาขายปลีกภายในประเทศ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันให้กับประชาชน

.-008 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top