'นายกฯ'ประชุมแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ชี้ยูเอ็น ประกาศกัมพูชา แหล่งอาชญกรรมโลก สั่งสกัดกั้น-ปรามปรามชายแดนเข้มข้น เผยเขมรเสียรายได้แล้ว 3 หมื่นล้าน สะท้อนปชช.เราปลอดภัย เดินหน้าต่อเนื่องทำประเทศเป็นบ้านอบอุ่น 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 มิ.ย.2568 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายประเสริฐ  จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และตัวแทนเหล่าทัพ เข้าร่วม 

โดย นายกฯ กล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านมากๆ ที่มาประชุมกันในวันนี้ และพร้อมจะรายงานในหัวข้อต่างๆ ทราบกันดีอยู่แล้ว ปัญหาเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในวงกว้างอย่างมาก ไม่ว่าจะเรื่องของเศรษฐกิจ สังคม  และกระทบไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศในระดับนานาชาติ ซึ่งเราดำเนินการเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ก็เห็นผลอย่างมากไม่ว่าจะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้คดีในการฟ้องร้องลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ตามที่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็นได้มีข้อสรุปที่ออกมาว่ากัมพูชาเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เราทราบดีว่าเราต้องเพิ่มมาตรการให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ซึ่งมีคดีมากมายที่เป็นส่วนอาชญากรรมของโลกที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก 

ตนขอเน้นย้ำในเรื่องนี้ว่ากรณีชายแดนที่มีปัญหาต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด และถ้ามีคดีไหนที่รู้สึกว่ามันจะต่อยอดไปได้อีกก็สกัดกั้นทุกวิถีทาง ไม่ให้เกิดขึ้น โดยหน่วยงานความมั่นคงตลอดจนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ได้ดำเนินงานนโยบายที่ผ่านมาของรัฐบาลทำให้ตัวเลขทุกอย่างลดลงในทุกมิติ

นายกฯกล่าวว่า ตัวเลขสรุปมาล่าสุดที่รายงานบอกว่ากัมพูชาเสียรายได้ไปภาพรวมประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากผลกระทบเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ เรื่องนี้ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง เราไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เราจะทำเรื่องการปราบปรามให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น การที่เขาเสียรายได้มากเท่าไหร่ แสดงว่าประชาชนเราปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็ทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ความตั้งใจของรัฐบาลต้องการให้ประเทศไทยและประชาชนอยู่ในบ้านที่อบอุ่นอยู่ในประเทศของเราที่ปลอดภัยอันที่เป็นสิ่งสำคัญมากมาก 

อยากให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นหูเป็นตาให้ กับประชาชนให้คนรู้สึกปลอดภัยอีกครั้งจากตัวเลขที่ลดลงอยู่แล้วก็ให้ลดลงไปอีกเรื่อยๆ ก็ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนอย่างมาก