เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ‘อิ๊งค์’

‘ภูมิใจไทย’เอาคืน!

ปมคลิปเสียงคุย‘ฮุนเซน’

หลังเปิดสภาฯล่าชื่อยื่นทันที

นายกฯเผยโผครม.ลงตัว

ยันไม่นั่งควบ‘กลาโหม’

คปท.บุกนำป้ายผ้าขาวปิดล้อมหน้าทำเนียบฯกดดันจี้ “อิ๊งค์”ลาออก ปมคลิปเสียง  “สนธิ”พร้อมขึ้นเวทีชุมนุม 28 มิถุนายน ลั่นรอฟังทีเด็ดบนเวทีไล่“อิ๊งค์”  นายกฯ “อิ๊งค์” ย้ำโผ ครม.ลงตัวแล้ว รอตรวจคุณสมบัติ  ยันไม่ควบ‘กลาโหม’เอง ย้ำพรรคร่วมฯหนุนหลังเหนียวแน่น ย้ำ‘พีระพันธุ์’ไม่ได้กดดันลาออก‘ภูมิธรรม’ชี้ปกติเห็นต่างโผครม.ทุกอย่างอยู่ที่นายกฯตัดสินใจ ‘สรวงศ์’รับมีรมต.ได้ใบกรอกประวัติยืนยันในห้องประชุมครม.ปัดมีแรงกระเพื่อมในเพื่อไทย’ปชป.-ชทพ.-กธ.’ได้โควตาเพิ่ม 1รมช.ขณะที่‘ภูมิใจไทย’มีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ’นายกฯ-ครม.’ม.151 ปมคลิปเสียงคุย‘ฮุน เซน’ปิดทางยุบสภาชวนพรรคฝ่ายค้านร่วมลงชื่อ

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา09.00น.เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.)กองทัพธรรมพร้อมด้วยมวลชนรวมตัวกันที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล จัดกิจกรรม เพื่อขับไล่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและขอหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที พร้อมรวบรวมรายชื่อประชาชนจำนวนหนึ่งที่ร่วมลงชื่อขับไล่นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง โดยยื่นให้กับตัวแทนรัฐบาลที่ออกมารับหนังสือ

คปท.นำป้ายผ้าขาวปิดล้อมทำเนียบฯ

ทั้งนี้กลุ่มคปท.ยังได้นำป้ายผ้าสีขาวความยาว100เมตรที่ให้ประชาชนได้เขียนความในใจลงบนป้ายผ้านี้ เพื่อสื่อถึงความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อน.ส.แพทองธารและคณะรัฐมนตรีพร้อมเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที

จากนั้นนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มคปท.ได้อ่านแถลงการณ์คปท.“หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที”ซึ่งมีใจความระบุว่าจากเหตุพิพาทในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา และทหารกัมพูชาได้รุกล้ำอธิปไตยในพื้นที่ของไทยหลายครั้ง แต่รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.แพทองธาร กลับมีท่าทีไม่แสดงออกที่จะปกป้องอธิปไตยของไทย จนนำมาสู่การเปิดเผยคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซ็น ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ประชาชนทั้งประเทศ และทั่วโลกต่างได้ยินแล้วซึ่งจะเห็นว่าคลิปสนทนาดังกล่าว ไม่มีส่วนใดเลยที่เป็นการเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวแต่อย่างใด มีแต่เป็นการสร้างจุดอ่อนต่อความมั่นคงให้กับกองทัพไทย และอาจนำไปสู่ภาวะสงครามในอนาคต

แถลงการณ์จี้ไล่นายกฯลาออก

“การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบและไร้ภาวะผู้นำเช่นนี้ได้สร้างจุดอ่อนให้กับประเทศไทยอย่างไม่สามารถกลับคืนมาได้ นำมาสู่การที่ประชาชนทุกภาคส่วนเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคุณสมบัติของนักการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดสาธารณะ เพราะขณะนี้ประชาชนต่างไม่ไว้วางใจ และถือว่า น.ส.แพทองธาร หมดความชอบธรรมในการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศแล้ว”แถลงการณ์ระบุอีกว่าอีกทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้มีมติรับเรื่องสอบสวนการกระทำผิดจริยธรรมอันร้ายแรงของน.ส.แพทองธารไว้แล้ว ยิ่งทำให้ น.ส.แพทองธาร ขาดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย

นายพิชิตกล่าวด้วย ในวันพรุ่งนี้ (25 มิ.ย.) จะเดินทางไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งยังมีท่าทีจะร่วมรัฐบาลต่อโดยทางกลุ่มเห็นว่ารทสช. ควรถอนตัวออกจากการเป็นพรรครัฐบาล

จับตาท่าทีหลังชุมนุมใหญ่

สำหรับท่าทีของกลุ่มคปท.ภายหลังการร่วมชุมนุม“รวมพลังแผ่นดิน”ในวันที่ 28 มิ.ย. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วนั้น นายพิชิต กล่าวว่าขณะนี้ต้องขอประเมินสถานการณ์รายวันก่อน ส่วนหลังจากนี้ทางกลุ่มจะมีการยกระดับการจัดกิจกรรมอีกหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาล ว่าจะมีการทำตามข้อเรียกร้องของทางกลุ่มหรือไม่ และสถานการณ์ทางชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ โดยเรื่องดังกล่าวจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในวันที่ 28 มิถุนายน นี้ หลังจากเสร็จกิจกรรมการชุมนุมในช่วงเวลา21.00น.เชื่อว่าจะมีการประกาศท่าทีที่ชัดเจนแนวทางต่อไป

‘สนธิ’ลั่น!รอฟังทีเด็ดบนเวทีไล่’อิ๊งค์’

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ อดีตแกนนำพันธมิตรฯให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีที่วันที่ 28 มิถุนายนนี้การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จะไปขึ้นเวทีปราศรัยด้วยหรือไม่ โดย นายสนธิ กล่าวว่า ไปแน่นอน และให้สื่อมวลชนคอยฟังให้ดี เพราะตนจะมีทีเด็ดในการพูดบนเวทีการชุมนุมแน่นอน โดยการชุมนุมจะเริ่มตั้งแต่ บ่าย 3 โมงเย็น ถึงเวลา 2 ทุ่มของวันดังกล่าว ส่วนทีเด็ดดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลสะเทือนหรือไม่ นายสนธิ ทิ้งท้ายอย่างติดตลกว่า “รัฐบาลชุดนี้พูดอะไรไปก็ไม่สะเทือนหรอก”

พลังปชช.โอนทะลุ9ล้านหนุนม็อบ28มิ.ย.

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และหนึ่งในแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย โพสต์ด้วยว่า1 วันผ่านไปเวลา 11.00น.ตั้งแต่เช้าวันนี้มีผู้โอนเงิน 2,834รายการ จนทางแอปไม่สามารถรายงานจำนวนครั้งที่โอนได้มากกว่านี้แล้ว รวมเป็นเงิน 9,194,933.31 บาท เข้าบัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ธนาคารกสิกรไทย บัญชีกระแสรายวันเลขที่ 008-109529-9 เพื่อให้มูลนิธินำเงินไปมอบให้“กลุ่มพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย”ที่จะจัดกิกรรมชุมนุมสาธารณะเพื่อให้ความรู้และแสดงความรักชาติปกป้องอธิปไตยไทย ในวันที่ 28 มิถุนายน 2568

‘อิ๊งค์’ย้ำโผปรับครม.ลงตัวแล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ตอนนี้ลงตัวหรือยัง ว่า”ลงตัวคะลงตัวดีคะ ไม่มีอะไร ได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนแล้ว เดี๋ยวต่อไปจะเป็นเรื่องของการส่งชื่อเข้าตรวจสอบคุณสมบัติเมื่อเรียบร้อยแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป”เมื่อถามว่าคาดว่าจะนำรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ นำขึ้นทูลเกล้าฯได้เมื่อใด นายกฯกล่าวว่าไม่แน่ใจ เพราะต้องรอว่าจะส่งกลับมาเมื่อไหร่ในเรื่องของการส่งชื่อไปตรวจคุณสมบัติ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ต้องรอก่อนว่าจะส่งกลับมาเมื่อไหร่ เพราะเราส่งไปบ้างแล้วในเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ

ยืนกรานไม่นั่งควบ‘กลาโหม’

เมื่อถามว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหมมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวได้ไฟนอลแล้วบอกอีกที ขออนุญาตยังไม่เปิดเผยชื่อใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อถามว่านายกฯมีความคิดนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม หรือไม่ นายกฯยืนยันว่า”ไม่ควบแน่นอนคะ”

เมื่อถามว่าในสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้นายกฯยึดหลักอะไรในการวางคนเข้ารับตำแหน่งในกระทรวงกลาโหม นายกฯกล่าวว่าจริงๆแล้วทุกกระทรวงเราต้องเตรียมรับให้พร้อมเพราะไม่ใช่เกิดขึ้นกับกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่ทุกกระทรวงต้องช่วยกันบูรณาการฉะนั้นแน่นอนต้องเป็นคนที่สามารถดูแลเรื่องนี้ได้อยู่แล้วและวันนี้ก็มีรัฐมนตรีช่วย และรัฐมนตรีกลาโหมอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว อยู่ข้างๆเป็นรองนายกฯด้วย ทำงานกันอย่างแข็งขันมากๆ บวกกับกองทัพด้วยเช่น เรื่องตรงชายแดน เรามอบอำนาจให้กับกองทัพ เพื่อดูหน้างานในการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ทุกอย่างก็ราบรื่นดี

เมื่อถามอีกว่ากระทรวงกลาโหมจำเป็นต้องเป็นทหารหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ทำไมวันนี้ทุกคนดูสนใจกระทรวงกลาโหมเป็นพิเศษ เมื่อถามว่าเป็นทหารหรือไม่นายกฯไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

พรรคร่วมฯปึ้ก-ปัดพีระพันธุ์บีบ

เมื่อถามว่าปัญหาของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)จบหรือยัง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.กดดันให้นายกฯ ลาออก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “โอ่ไม่จริงค่ะ ไม่จริงเลยค่ะ ไม่มีการกดดันใดๆ เกิดขึ้นเลย และวันนั้นก็ได้คุยกันปกติ ที่มีรูปออกไปที่โรงแรมโรสวูดได้คุยกันเรียบร้อยและพรรคร่วมรัฐบาลความจริงแล้วให้การสนับสนุนอย่างมาก และให้กำลังใจด้วย เพราะฉะนั้นผ่านไปได้ด้วยดี” เมื่อถามว่า นอกจากเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลแล้วยังจะมีเสียง สส.มาเติมให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลโอเคอยู่แล้ว

‘ภูมิธรรม’ปัดไม่รู้โผปรับครม.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี ส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันและรู้สึกไม่พอใจโผครม.ที่ออกมาว่า ยังไม่มีใครทราบว่าโผที่ออกมาเป็นของจริงหรือไม่ ในแต่ละพรรค แต่ละส่วนมีการปรับเปลี่ยน เลือกคนที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรีก็จะเป็นประเด็นปกติที่จะมีความเห็นเหมือน หรือเห็นต่างกัน หรือชอบใครเชียร์ใครเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ในท้ายที่สุดแล้วต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ เชื่อว่าสามารถจัดการได้ เพราะปัจจัยเงื่อนไขอยู่ที่นายกฯเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไร

เมื่อถามว่าในฐานะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลปัญหาของพรรครวมไทยสร้างชาติจบแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม หัวเราะก่อนปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมว่า แต่ละพรรคก็มีเรื่องที่ต้องไปทำความเข้าใจกัน เป็นเรื่องภายในพรรค

คาดปรับครม.จบสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่าการปรับครม.จะแล้วเสร็จไปตามเป้าหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าคิดว่ากระบวนการจัดสรรจัดตั้งทั้งหมด น่าจะจบในสัปดาห์หน้า หมายถึงช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะเป็นกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีจะตรวจเข้มเพื่อป้องกันการซ้ำรอยเหมือนยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเป็นไปตามคุณสมบัติ ส่วนเรื่องกรณีของนายเศรษฐาเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจ

รับมีรมต.ใบกรอกประวัติในห้องครม.

ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนยื่นประวัติ ที่จะนำไปตรวจสอบ ส่วนจะส่งกลับมาเมื่อไหร่และทูลเกล้าฯ เมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีการส่งผลการตรวจสอบประวัติกลับมาได้เมื่อไหร่ ซึ่งคงทำให้เร็ว เพราะมีหลายกระทรวงที่ขณะนี้ไม่มีเจ้ากระทรวง และขณะนี้เป็นเพียงรัฐมนตรีรักษาการ เมื่อถามว่า ขณะนี้รายชื่อรัฐมนตรีใหม่อยู่ในมือนายกฯ แล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ใช่ นายกฯ ทราบอยู่แล้ว แต่คนอื่นตนไม่ทราบจริงๆส่วนกระแสข่าวที่ประชุมครม.มีการกรอกคุณสมบัติในที่ประชุมนายสรวงศ์ ยอมรับว่ามีการกรอกบางส่วนที่จะต้องมีการปรับกระทรวงนอกนั้นก็ไม่มีอะไร ถ้าคนที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนใดๆก็อาจไม่ต้องกรอกใหม่

ปัดแรงกระเพื่อมสส.อีสานพท.

เมื่อถามว่า ที่มีกระแสข่าวมี สส.อีสาน ไม่เอานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ดำรงตำแหน่งรมว. มหาดไทย นายสรวงศ์ ยืนยันว่า ไม่มี ตอนเห็นข่าวก็ตกใจ แต่ยืนยันว่า ในพรรคไม่มีเรื่องดังกล่าว จะมีในส่วนของการพูดคุยกันมากกว่าว่าให้กำลังใจนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไร

ปชป.เผยได้โควตาเพิ่ม1รมช.

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคประชาธิปัตย์จะได้โควตารัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ ว่า “ได้เพิ่ม รัฐมนตรีช่วย” แต่ยังไม่ได้คุยเบื้องลึกว่าจะได้เพิ่มตำแหน่งรองนายกฯ ด้วยหรือไม่ ต้องถาม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ส่วนที่มีกระแสข่าวนายเดชอิศม์ จะสลับมานั่ง รมช.มหาดไทย นายเดชอิศม์ กล่าวว่า “ได้ข่าวอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจน” เมื่อถามว่า มีชื่อ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาเป็นรัฐมนตรีช่วยฯใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับเพียงสั้นๆ ว่า “ครับ”

รับอยากนั่ง‘รมช.มหาดไทย’

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคได้ส่งรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีให้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้วใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า คนเดิมคงไม่ต้องส่ง คุณสมบัติเดิมผ่านอยู่แล้ว ส่วนของนายชัยชนะน่าจะส่งแล้วซึ่งไม่มี ไม่ได้ส่งคนสำรอง คาดภายในสัปดาห์นี้ ปรับครม.น่าจะเสร็จเรียบร้อย ยอมรับว่ามีโอกาสที่จะได้ รมช.มหาดไทย แต่ไม่แน่ใจว่าจะ มท.ไหนเมื่อถามต่อว่า มีชื่อนายเดชอิศม์ เป็น รมช.มหาดไทย และนายชัยชนะ เป็น รมช.สาธารณสุข ใช่หรือไม่ นายเดชดิศม์ กล่าวว่า “ผมก็อยากได้ แต่ไม่แน่ใจจะได้หรือเปล่า”

ชทพ.รับได้‘รมช.’เพิ่ม 1เก้าอี้

นายวราวุธศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)โดนยอมรับว่าพรรค ชทพ.ได้เก้าอี้ รมช.เพิ่ม 1 ตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าอยู่กระทรวงใด เมื่อได้ข้อสรุปแล้วคงจะมีการอัพเดทให้ทราบอีกครั้งส่วนจะเป็นโควต้าของสุพรรณบุรีหรือนครปฐม ขอให้ได้ข้อสรุปความชัดเจนจากพรรคแกนนำรัฐบาลก่อน เพื่อจะได้สรรหาบุคคลต่อไป ส่วนของตำแหน่ง รมว.นั้น ตนยังอยู่ที่ พม.เหมือนเดิม

‘นฤมล’ไม่ห่วงหากโยกไป‘อว.’

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์หัวหน้าพรรคกล้าธรรม(กธ.)ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับครม.ในส่วนของพรรค กธ.ว่าขึ้นอยู่กับนายกฯพิจารณา ส่วนที่พรรคกธ.มี สส.เพิ่มขึ้นจะมีการขอโควตารัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่นั้น ขอย้ำว่าอยู่ที่นายกฯพิจารณาส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พรรค กธ.จะมีเก้าอี้รมว.และรมช.เพิ่มรวมถึงมีชื่อตนจะไปนั่งเป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)นั้น อยู่ที่นายกฯพิจารณา และหากโดนโยกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปกระทรวงอื่นไม่มีอะไรห่วง

นิ่งตลอดไม่ดื้อต่อรองปรับครม.

เมื่อถามว่าขณะนี้โผ ครม. ในสัดส่วนของพรรค กธ.นิ่งหรือยัง นางนฤมล ยืนยันว่าเรานิ่งมาตลอด พรรคเราอยู่กันเป็นครอบครัว ไม่มีปัญหาอะไรและยืนยันอีกว่า พรรคเราไม่ได้ต่อรองอะไร เป็นห่วงรัฐบาล โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องเจอหลายอย่าง ต้องช่วยให้นายกฯและรัฐบาลผ่านเรื่องต่างๆไปได้ หากตรงไหนพรรค กธ. สามารถเข้าไปช่วยสร้างผลงานเราก็ยินดีเมื่อถามว่า พรรค กธ. ต้องได้โควตารองนายกฯด้วยหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เราไม่เคยขออะไร แล้วแต่นายกฯพิจารณา

‘ธรรมนัส’ยันโควตารมต.กธ.ตามโผ

ที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค และ สส เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงโผ ครม.ในสัดส่วนพรรคกล้าธรรม ว่า ของพรรคเราเป็นไปตามที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าส่วนจะได้ตำแหน่งรองนายกฯด้วยหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่ภายในสัปดาห์นี้คงมีความชัดเจน

‘อนุดิษฐ์’เป็นโควตาพรรคอื่น

เมื่อถามถึงที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม มีชื่ออยู่ในโผการปรับครม.ด้วย ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่าน.อ.อนุดิษฐ์ ไม่เกี่ยวกับพรรคกล้าธรรม หากจะได้ก็ได้ในโควตาของพรรคอื่น แต่หากไม่ได้จะมีการเลือกคนอื่นแทนก็เป็นเรื่องของพรรคเขา เราไม่เข้าไปก้าวล่วง ยํ้าว่าน.อ.อนุดิษฐ์ แม้จะเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม แต่ก็ไม่ใช่โควตาของพรรค

ร.อ.ธรรมนัสระบุอีกว่าเสียงส.ส.ของเรามีมากอยู่แล้ว ตอนนี้มีไม่ต่ำกว่า 37 เสียง อย่างไรก็ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการคือ 26 เสียง ถือเป็น สส.พรรคกล้าธรรม ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนจะมีมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ขณะนี้การเมืองยังไม่นิ่ง เราก็ไม่อยากขยับอะไรมาก

‘อนุทิน’ยัน69สส.ภูมิใจไทยอยู่ครบ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวมีสส.ของพรรคถูกดูด หลังออกมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านว่า สส.ของพรรคยังอยู่ครบทั้ง 69 คน แต่ที่ทราบมาก็มีแรงดูด แต่ก็ดูดไม่ได้ โดยสส.ที่ได้รับการติดต่อมาก็เล่าให้ฟัง ทุกคนยืนยันว่าไม่ได้ไปไหน และไม่เชื่อถือในระบบการเมืองที่มีการดูดสส.กัน ถือว่าเป็นเรื่องดีที่พรรคยึดถือการเมืองรุ่นใหม่

มติภท.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ‘อิ๊งค์-ครม.’

เวลา16.05 น. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมสส.พรรคครั้งแรก หลังจากประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลว่าที่ประชุมได้พูดคุยเรื่องการทำหน้าที่ของพรรคหลังจากนี้โดยหลังจากการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปีที่ 3ที่จะเปิดในวันที่ 3 ก.ค.นี้ พรรคมีมติว่า ต้องการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทั้งคณะ ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราขอเชิญชวนพรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐ พรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งอยู่ในสัดส่วนของพรรคฝ่ายค้านให้ร่วมกันลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถึงประเด็นการปฎิบัติหน้าที่ที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเนื้อหาของญัตติเข้าใจว่าทุกท่านได้เห็นกันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

“มติพรรคที่ออกมาวันนี้ เราสส.พรรคภูมิใจไทยทั้ง 69 เสียงในนามสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พร้อมที่จะเซ็นยื่นญัตติเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจพร้อมกันทุกท่าน เพราะคลิปเสียงชัดเจนมากที่สุดแล้วว่าเราไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

ลุยหารือ‘พรรคฝ่ายค้าน’ทันที

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วหรือยัง โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราขอใช้คำว่าเราเชิญชวนพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าจะได้พูดคุยในประเด็นนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 กำหนดให้ใช้เสียงส.ส. จำนวน 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ซึ่งในกรณีนี้คือจำนวน 99 คน จาก 495 คน ซึ่งหากรายชื่อครบและประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุระเบียบวาระจะทำให้ไม่สามารถยุบสภาจนกว่าจะถอนญัตติหรือลงมติจนแล้วเสร็จ