ดับอนาคต‘กัญชา’  ‘สมศักดิ์’ย้ำใช้เพื่อการแพทย์  กลับไปเป็นยาเสพติดแน่นอน

ดับอนาคต‘กัญชา’ ‘สมศักดิ์’ย้ำใช้เพื่อการแพทย์ กลับไปเป็นยาเสพติดแน่นอน

วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“สมศักดิ์” ยันอนาคต “กัญชา”กลับไปเป็นยาเสพติดแน่นอน ชี้การขอหรือต่อใบอนุญาตต้องทำกฎกระทรวงเพิ่ม มองพระราชบัญญัติควบคุมฯ เสร็จในรัฐบาลนี้เป็นความฝัน ปัดกระแสกวาดล้างกัญชาเป็นการเมือง ไล่ขยี้ภูมิใจไทย ชี้เป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน

เมื่อวันที่ 24มิถุนายน2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายการนำกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติด ว่า อนาคตควรกลับไปเป็นยาเสพติด เพราะวันนี้ยังมีอะไรที่พะรุงพะรังอยู่กับการดำเนินการที่ผ่านมาในอดีต เช่น กรณีมีการประกาศเป็นสมุนไพรควบคุมตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ซึ่งมีการประกาศให้ตั้งร้านจำหน่ายกัญชาหรือการเก็บเกี่ยว และส่วนต่างๆ แต่ไม่เคยพูดถึงการดำเนินการทางการแพทย์ กระทั่งนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ตน และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประชุมพูดคุยกัน โดยมีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 68 ว่ากัญชาต้องเพื่อการแพทย์เท่านั้นหลังจากนั้นได้รับฟังความเห็นของประชาชน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.-10 มิ.ย. ซึ่งประชาชนให้การยอมรับในแนวทางนี้ และเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ตนได้ลงนามประกาศให้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้นคนที่จะซื้อกัญชาต้องมีใบสั่งจากแพทย์ รวมถึงใบรับรองแพทย์ว่ามีการเจ็บไข้ได้ป่วยประการใด


ส่วนในเรื่องของใบอนุญาตผู้ประกอบการรายใหม่ ที่จะมีการขอหรือมีการต่อใบอนุญาตนั้น ตนจะต้องทำกฎกระทรวงขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่ง รวมถึงมีข้อกำหนดว่าต้องมีแพทย์ประจำร้าน หรือหากมีการตรวจทุกเดือน แล้วมีความผิด ไม่ปฏิบัติตาม 2 ครั้ง เราจะมีการยึดใบประกาศและใบอนุญาต แต่การทำจะไม่ง่ายเหมือนการออกประกาศ โดยจะเป็นอำนาจของรัฐมนตรี ที่ต้องฟังความเห็นของประชาชน และที่ผ่านมาใช้เวลา 45 วัน ตั้งแต่นายกฯ มีข้อสั่งการ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยต้องการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมกัญชา จะทันในสมัยรัฐบาลนี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ฝันไป เป็นเรื่องของความฝัน ถ้าดูจะพบว่ากฎหมายฉบับดังกล่าว มีผลพวงมาจากประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีการนำกฎหมายฉบับนี้เข้าพิจารณาและเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติดเมื่อช่วง พ.ย. 64 มาตรา 29 ชี้ให้เห็นว่ายาเสพติดประเภท 5 หลุดออกจากกฎหมายไปสองประเภท คือกระท่อมและกัญชา และให้อำนาจ รมว.สาธารณสุขประกาศเอง โดยฟังความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งขณะนั้นมีรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเป็นประธาน ฉะนั้นเมื่อยาเสพติดประเภท 5 ไม่มีกัญชา อาจจะต้องทำกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ตามความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ดังกล่าว แต่กลับไม่ได้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นและมีร้านค้าเกิดขึ้นเป็นหมื่นร้านเพราะขณะนั้นกฎหมายไม่ได้ทำประกาศ อีกทั้ง พ.ร.บ.คุ้มครองทางการแพทย์ ก็ไม่ชัดเจน แต่กลับมีประกาศให้ซื้อขายและทำการปลูก ซึ่งเป็นเจตนารมณ์คำพูดทางการเมืองที่ปากกับใจไม่ตรงกัน ที่บอกจะให้เป็นทางการแพทย์ แต่กลับไม่มีการเขียนไว้ในการควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ชี้แจงกับทางรัฐบาล และได้มีการมอบหมายให้ตนดำเนินการภายใน 45 วัน 

เมื่อถามว่า การกวาดล้างกัญชาในขณะที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล มีการถูกโยงว่าเป็นเกมการเมืองไล่บี้ภูมิใจไทย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งเราได้รับการร้องเรียนเข้ามามากมาย โดยเฉพาะในสมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งเรามีความพยายามจะทำให้กัญชาเป็นยาเสพติด และวันนี้ทำได้ในการเป็นสมุนไพรควบคุมเข้มข้นใช้ในทางการแพทย์ แต่ในอนาคต ก็คือยาเสพติด เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงสาธารณสุขในยุค นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข จนมาถึงปัจจุบัน ไม่มีการแก้ไขเรื่องกัญชา อาจเกรงใจพรรคภูมิใจไทยที่ยังร่วมรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นมีหลากหลาย และค่อนข้างไม่ตรงกัน โดยในรัฐบาลนายเศรษฐา ต้องการให้นำกลับมาเป็นยาเสพติด หากมีการดำเนินการและไม่มีใครคัดค้านในช่วงนั้นอีกเพียงแค่สัปดาห์เดียว ก็จะนำกลับมาเป็นยาเสพติด เนื่องจากตนได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และจะนำเข้าที่ประชุม ป.ป.ส.ซึ่งมีรองนายกฯ เป็นประธาน แต่กลับมีปัญหาทางด้านการบ้านการเมืองจึงไม่สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี จึงตัดสินใจเอาตามแนวทางการควบคุมในการใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top