"ภูมิธรรม"ส่งสัญญาณสั่งลา"ย้ายกระทรวง" คุย"ผบ.เหล่าทัพ"รายบุคคล ขอบคุณทำงานร่วมกัน ไฟเขียวหนุนโครงการอาวุธค้างท่อ ย้ำในที่ประชุมสภากลาโหม สรุปผลงานในรอบ 1 ปี
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ที่กองทัพอากาศ ซึ่งใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยแยกเป็นวงประชุมใหญ่และวงประชุมเล็ก ว่า ไม่ได้เป็นการประชุมวงเล็ก แต่เป็นการคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ทีละคน ก็ไม่มีอะไร แต่คงจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเกิดขึ้น จึงขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างดี มีอะไรก็ยังช่วยกันได้อยู่ เพราะตนก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้เป็นอะไร จึงถือโอกาส ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนแปลง หากมีการประชุมสภากลาโหมครั้งหน้าเดือนกรกฎาคม ก็อาจจะไม่ได้เจอกัน จึงลากันเผื่อไว้ แต่ถ้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงก็ยังทำงานร่วมกันได้ จึงขอบคุณเหล่าทัพที่ให้ความสนับสนุนช่วยเหลือการทำงานอย่างดี และขอบคุณทุกท่าน ดีใจที่มีโอกาสมาทำงานที่กระทรวงกลาโหม อะไรที่ยังช่วยได้ถ้ายังอยู่ในรัฐบาลก็ยินดี
เมื่อถามย้ำว่า มีการสั่งลาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้มีการสั่งลาพิเศษ คือการเมืองมันไม่แน่นอน ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลง ทุกคนได้เขียนรายละเอียดยืนยันประวัติไปแล้ว อะไรที่เกิดก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น จึงพูดไว้เป็นสองทาง ว่าถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลง ก็ขอบคุณทุกอย่างที่ได้ช่วยเหลือมา ซึ่งการมาทำงานที่นี่ได้เรียนรู้อะไร หลายเรื่อง เป็นสิ่งที่ตนไม่เคยเข้าใจก็ได้เข้าใจ และเห็นว่ากองทัพทุกเหล่าทำงานเต็มที่ และทุ่มเท ขอให้ทำเต็มที่อย่างนี้ต่อไป เพื่อเกิดประโยชน์กับประเทศ
เมื่อถามว่า เป็นการส่งสัญญาณหรือว่าจะย้ายไปสู่กระทรวงอื่น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณ แต่เป็นการพูดตามปกติที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามย้ำว่า การส่งประวัติคือการย้ายกระทรวงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า "เปล่าครับ ท่านให้กรอกรายละเอียดทุกคน เพราะส่วนใหญ่ก็ยังอยู่เพียงแต่จะอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง และเดี๋ยวนี้มีกระบวนการมากในการตรวจสอบประวัติ ปกติ 2 - 3 วันก็จบแล้ว ตอนนี้ต้องไปตรวจสอบอีกหลายที่ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องทำงาน จึงอยากให้ทุกอย่างพร้อมเร็ว ทุกคนที่ทำงานมาก็ทำได้หมด"
เมื่อถามว่า ใจหายหรือไม่ เพราะคุมทหารมา อาจจะต้องไปคุม อส. นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ไปถึงขนาดนั้น อย่าถามขนาดนั้น ถึงเวลาที่ต้องจากก็จาก ถ้ายังต้องทำงานอยู่ก็เต็มใจและทำงานด้วยความเต็มใจ
ส่วนโครงการต่างๆ ของกองทัพที่ยังค้างอยู่ ได้มีการเซ็นทิ้งทวนหรือไม่ นายภูมิธรรม ร้องโอ้โห พร้อมบอกว่า "ฟังคำพูดนี้ดูเหมือนจะทิ้งทวน ผมเป็นคนที่มาและพร้อมที่จะทำงานในสิ่งที่ค้าง แล้วก็ได้ทำมาตลอด อะไรที่ยังค้างอยู่และทำได้ต่อผมทำไป อะไรที่ยังไม่จบ ก็เตรียมสรุปงานและเสนอส่ง ใครที่มาก็จะได้ส่งต่อ และอยากให้ทำต่อยังไง ก็พูดไว้ทั้ง 2 ทาง เพราะยังไม่รู้อนาคต"
เมื่อถามว่า มีโครงการไหนที่เซ็นไปบ้างแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ระหว่างเซ็นเยอะ ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ ตนพูดไปแล้ว ก็จะเอาให้จบ สำหรับโครงการเครื่องบินกริพเพนก็อยู่ในแผนแล้ว แต่จะจบเมื่อไหร่ จบอย่างไร ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนจะจบในสมัยตนหรือให้รัฐมนตรีคนอื่นมาทำต่อ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของตนเร็วเท่าไหร่ หากกลับไปคืนนี้มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ตนก็ไม่ต้องเซ็นอะไร แต่ถ้ายังไม่มี ก็ทำงานต่อ
เมื่อถามย้ำถึงโครงการเรือดำน้ำ จะส่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ตามไทม์ไลน์เดิมหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกอย่างมีความพร้อมอยู่แล้ว เหตุผล หลักฐาน และองค์ประกอบพร้อม ตนก็พร้อมเซ็น ตอนนี้ก็รอให้หลักฐานเหมาะสมและเหตุผลที่จะมาสนับสนุนการตัดสินใจพร้อม เพราะตนไม่อยากให้อะไรค้างคา เพราะการปรับยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือก็จะติดค้างอยู่ตรงนี้ อย่างการซื้อเรือมันควรจะเป็นหลายลำ แต่เราก็ต้องบีบไว้ เพราะไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายจะมีเท่าไหร่ ถ้าเราตัดสินใจเดินหน้าต่อ เราก็ยังต้องใช้อะไรอีกหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นเรื่องค้างคาถ้าทำได้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์
ส่วนจะทันการปรับ ครม.หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ก็ไม่รู้ว่าจะปรับเมื่อไหร่ แต่ตนพร้อมเซ็น ถ้าหลักฐานส่งขึ้นมาก็พร้อม ซึ่งสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ คือคำยืนยันต่างๆ ที่ต้องชัดเจน การตอบก็ต้องเป็นทางการ เพราะตนจะใช้ความเชื่อหรือการได้ยินได้ฟังมาไม่ได้ มันต้องมีหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมสภากลาโหม นายภูมิธรรมได้เชิญ ผบ.เหล่าทัพ แต่ละคนพูดคุยเป็นส่วนตัวที่ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพอากาศ ได้แก่ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาทหารสูงสุด , พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก , พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมขอบคุณที่ได้งานร่วมกันมา และยืนยันการสนับสนุนโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพที่ค้างอยู่ ซึ่งแม้การปรับ ครม.ไม่ได้นั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหม แต่ก็ยังรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงในภาพรวมอยู่
สำหรับในที่ประชุมสภากลาโหม พันเอกหญิง ดังใจ สุวรรณกิตติ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายภูมิธรรมได้เน้นย้ำการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบาย รมว.กลาโหม และการจัดทำผลงานของรัฐบาล โดยมอบหมายให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพหน่วยงานในกำกับ และองค์กรรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของกระทรวงกลาโหม รวมถึงคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย รมว.กลาโหม ทั้ง 8 คณะ เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายประจำปิงบประมาณ พ.ศ.2568 ให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สำนักนโยบายและแผนกลาโหม) ติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยต่างๆ และรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดทำข้อมูลสรุปผลงานของรัฐบาลในส่วนของกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสที่รัฐบาลบริหารประเทศครบ 1 ปี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อจัดพิมพ์แจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเผยแพร่สู่ประชาชนทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์ของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี