มิตรภาพ30ปีขาดสะบั้นเพราะลูกเพื่อน

'ฮุนเซน'ถลกหนัง'แม้ว'

ฉุนถูกหักหลังปรับกำลัง

แฉยับ!ไม่ได้ป่วยจริง

ใส่เฝือกคอเพื่อถ่ายรูป

ทวงบุญคุณช่วย‘ปู’หนี

“ฮุนเซน” ไลฟ์มาราธอน 3.53 ชั่วโมง แฉยับอ้างไปเยี่ยม “ทักษิณ” เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2567 พบไม่ได้ป่วยจริง แต่ใส่เฝือกคอเพื่อถ่ายภาพ ทวงบุญคุณ เคยช่วยครอบครัวชินวัตร ช่วย “ยิ่งลักษณ์”หนี เสียใจมิตรภาพ 30 ปีถูกทำลายเพราะลูกสาวทักษิณ ที่ถูกหักหลังเรื่องข้อตกลงปรับกำลังทหาร ลั่นพร้อมสู้ปกป้องปท.และตอบโต้ไทย โวมีอาวุธยิงไกลถึงกทม. ด้าน“บิ๊กอ้วน”เมินคลิปแฉ ชี้แค่ต้องการสร้างสงครามจิตวิทยา มทภ.2ไม่ให้ราคา ชี้ขาประจำ โยนรัฐบาลสองปท.เจรจายุติข้อพิพาท ยันชายแดนยังสงบ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก ของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไลฟ์สดกล่าวปราศรัยสุนทรพจน์ พบปะพูดคุยกับสมาชิกสภาจังหวัดพระวิหาร เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง มีสาระสำคัญตอนหนึ่ง เกี่ยวกับความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร

ฮุนเซนไลฟ์มาราธอนแฉชินวัตรฉะไทย

ฮุน เซนกล่าวว่า จังหวัดพระวิหารและจังหวัดชายแดนไทยกำลังตกอยู่ในเหตุการณ์เลวร้ายของความขัดแย้งที่เกิดจากการรุกรานของไทย ซึ่งตัวฮุน เซนบอกว่าพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อยับยั้งไม่ให้ความขัดแย้งเรื่องชายแดนลุกลามจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง และจากภาคส่วนหนึ่งไปอีกภาคส่วนหนึ่ง แต่ปัญหากลับถูกพยายามขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง

ฮุน เซนกล่าวด้วยว่า กัมพูชายืนหยัดเจรจาสันติวิธีเพื่อแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกับไทย โดยเลือกใช้กลไกทวิภาคีและศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก ใน 4 พื้นที่คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต และระบุด้วยว่า นอกเหนือจาก 4 พื้นที่ที่ยื่นต่อศาลโลกแล้ว กัมพูชาและไทยยังมีพื้นที่ชายแดนอีกมากมายที่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยสันติวิธีแบบทวิภาคี

ท้าไทยขึ้นศาลโลกสู้4พื้นที่พิพาท

“ไม่ควรกลัวศาลโลก หากทั้งสองฝ่ายต้องการความยุติธรรม ขอตั้งคำถามกับไทยว่า หากกล่าวหากัมพูชาว่ารุกรานดินแดนไทย ทำไมถึงไม่ยอมฟ้องกัมพูชาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และทำไมถึงไม่ยอมไปศาลโลกกับกัมพูชา”?ฮุน เซนกล่าว และอ้างว่า คำตัดสินของศาลโลกจะทำให้รัฐบาลกัมพูชาและไทยมีเหตุผลอธิบายต่อประชาชนของตัวเองได้

ฮุน เซนยังฝากถึงนักการเมืองฝ่ายค้านของเขมรด้วยว่า ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติและกระบวนการกฎหมายของศาล ไม่ควรเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องศาลโลก

และอ้างว่าประชาชนชาวเขมรส่วนใหญ่เชื่อมั่นการแก้ไขปัญหาเขตแดนของรัฐบาล นอกจากนี้ ฮุนเซนยังเสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมพิจารณาแก้กฎหมายเพิกถอนสัญชาติเขมร สำหรับบุคคลใดก็ตามที่สมคบคิดกับต่างชาติเพื่อทำลายเขมร เพื่อยับยั้งต่างชาติจากการดำเนินการรุกรานเขมรผ่านคนเขมร

ขู่ไทยอย่ากดดันโวมีอาวุธยิงกรุงเทพฯได้

ฮุน เซนบอกด้วยว่า กัมพูชามีสิทธิ์ปกป้องตัวเอง มีสิทธิ์ตอบโต้การรุกราน แม้เราจะตัวเล็ก แต่เรามีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง และมีสิทธิ์ตอบโต้ด้วย ทั้งนี้ เราไม่มีความทะเยอทะยานที่จะโจมตีกรุงเทพฯ แม้อาวุธของเราจะเข้าถึงที่นั่นได้ เราก็จะไม่ทำ ฉันไม่ได้คุยโวเกี่ยวกับอาวุธของเรา อาวุธส่วนเกินของกัมพูชาเพียงพอแล้ว รวมถึงเตือนไทยไม่ให้ข่มขู่หรือกดดันกัมพูชา ยืนยันกัมพูชาพร้อมตอบโต้ทุกวิถีทาง รวมถึงทางการทหารด้วย

หมดความอดทนนายกฯไทยบิดเบือน

ฮุน เซนกล่าวโจมตีไทยอีกว่า มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ตามแนวชายแดนกับทุกประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย กัมพูชาเป็นประเทศสุดท้ายที่มีปัญหาชายแดนกับไทย และตนหมดความอดทนกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯไทยแล้ว หลังจากที่เธอโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยืนยันการรั่วไหลของข้อความเสียงที่สนทนากับนายกรัฐมนตรีไทยไม่ใช่ความตั้งใจของเขา และระบุด้วยว่านายกฯไทยต้องการที่ปรึกษาของผมคนหนึ่งไปหารือเรื่องงานกับรมว.กลาโหมและนายกรัฐมนตรีไทยที่กรุงเทพฯ

ฮุน เซนกล่าวถึงนายกฯไทย รวมถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯไทย ขอให้ปรับกำลังทหารที่สามเหลี่ยมมรกต และยังขอบคุณเขาด้วย แต่สุดท้ายไทยกลับบิดเบือนข่าวว่ากัมพูชาถอนกำลังทหาร เขาถือว่าการกระทำนี้เป็นการหลอกลวงเขา เริ่มจากการหลอกลวงเรื่องการปรับกำลังทหาร เขาจึงตัดสินใจอัดเสียงเมื่อนายกฯไทยโทรมาหาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน เสียงที่อัดไว้ เขาส่งเข้าไปในกลุ่มหนึ่งที่มีสมาชิกประมาณ 80 คน สมาชิกในกลุ่มนั้นอาจมีบางคนโกรธกับการโจมตีของนายกฯไทยกับตัวเขา จึงนำเสียงนั้นไปเปิดเผย

คลิปเสียงโจมตีมทภ.ชี้ทรยศชาติ

ฮุน เซนยืนยันด้วยว่า หลังข้อความเสียงรั่วไหล เขาได้รับข้อความที่รั่วไหลจากนายลิม เจีย วุตทา ผู้อำนวยการสำนักข่าว Fresh News และขอให้เผยแพร่เสียงนั้น แต่เขากลับเผยแพร่ข้อความเสียงทั้งหมดมากกว่า 17 นาที ถือว่าการกระทำของนายกฯไทยที่สนทนากับเขา โดยโจมตีผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 เป็นการกระทำที่ทรยศชาติ นอกจากนี้ ฮะนเซนยังตั้งคำถามกับไทยด้วยว่า การกระทำของนายกฯไทยเป็นการกระทำที่ทรยศชาติหรือเป็นเรื่องปกติ

เสียใจมิตรภาพ30ปีถูกลูกสาวแม้วทำลาย

วันเดียวกัน พนมเปญโพสต์ เผยข้อความบางส่วนระบุว่า ฮุนเซนแสดงความเสียใจที่มิตรภาพ 30 ปีที่มีกับนายทักษิณต้องถูกทำลาย เพราะน.ส.แพทองธาร นายกฯไทย ลูกสาวนายทักษิณที่เป็นผู้นำที่ไร้คุณธรรม และดูถูกเหยียดหยามเขาและบุตรชายคือ ฮุน มาเนต ด้วยคำพูดที่รุนแรงและไม่เหมาะสม

ฮุน เซนยังย้ำถึงการที่นางสาวแพทองธารวิจารณ์ตนและฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาว่า ไม่เป็นมืออาชีพ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ต่อหัวหน้ารัฐบาลคนอื่น พร้อมระบุว่า การเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นสิ่งที่ทำกันตามปกติ ไม่สามารถพูดได้ว่าไม่เป็นมืออาชีพ เพราะผู้นำชาติอื่นก็ทำ

แฉแม้วป่วยทิพย์-ใส่เฝือกคอเพื่อถ่ายรูป

พร้อมระบุว่า ตอนเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง แต่ใส่เฝือกคอและใส่ผ้าคล้องแขนเพื่อถ่ายรูปเท่านั้น ทั้งนี้ ตอนนั้นไม่ได้เปิดเผยเพราะให้เกียรติและเป็นมารยาท แต่ตอนนี้ลูกสาวของนายทักษิณขาดคุณธรรม จึงต้องเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชน

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ฮุน เซนอ้างว่าเคยให้ความช่วยเหลือครอบครัวนายทักษิณมาก รวมถึงให้คำปรึกษาหลายเรื่อง ตั้งแต่นายทักษิณยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง รวมถึงเคยช่วยเหลือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกจับโดยฝ่ายทหารหลังรัฐประหารในปี 2557 ซึ่งกัมพูชาเคยเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ช่วยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางหลบหนีไปยังประเทศที่สาม

ฮุน เซน ยังเรียกร้องให้ทางการไทยเลิกโทษกัมพูชาว่า เป็นฐานก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ โดยกัมพูชาปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้อยู่ตลอด ขณะที่ไทยกลับกลายเป็นแหล่งกบดานของบรรดาอาชญากรและปล่อยให้ก่ออาชญากรรมตามแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งยังชี้นิ้วโทษกัมพูชาด้วย ทั้ง ที่ปัญหามาจากฝั่งของตนเอง

เมินฮุนเซนแฉคลิปทักษิณ

ก่อนการไลฟ์สดของฮุนเซน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า ตนไม่สนใจฟัง เพราะเขาพูดหลายอย่างกลับไปกลับมา เช่น เรื่องปิดด่านก็เป็นคนโพสต์เฟสบุ๊คเอง และมาบอกถ้าจริงใจ หรือซื่อตรงต่อสิ่งที่ทำ ก็ควรพูดให้ชัดเจน แต่นี่ก็เห็นว่าพูดไปเรื่อย ไม่รู้จะไปฟังภาษากัมพูชาทำไม เพราะตนก็ฟังไม่ออก

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ฮุน เซนบอกจะแฉคลิปลับ กระทบเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่สนใจเลย เพราะไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และเราก็ไม่รู้ว่า เขากำลังทำอะไร ขณะนี้สิ่งที่ชัดเจนคือ เขาเล่นสงครามข่าวสารและจิตวิทยา สิ่งที่เขาทำอยู่ ก็เพื่อบั่นทอนเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย สิ่งที่เขาจะได้รับคือ ถ้ารัฐบาลไทยสั่นคลอน จะทำให้สิ่งที่เขาต้องการ ทั้งเรื่องที่ดินและชายแดน สามารถดำเนินการได้ ในระหว่างที่รัฐบาลไทยกำลังมีปัญหา ดังนั้น อยากให้เรายืนอยู่บนหลักของเรา เขาอยากเปิดอะไรก็เปิด ถ้ามีปัญหาค่อยว่ากันตามกฎหมาย

มุ่งสงครามข่าวสารสร้างความระแวง

“แต่ผมว่าไม่มีอะไร เป็นเรื่องสงครามข่าวสาร ที่สร้างให้เกิดความระแวง ให้ประชาชนคนไทยหวาดระแวงขึ้น และอยากให้ประเทศไทยมีความวุ่นวาย ซึ่งตนไม่เชื่อว่า ส่งเหล่านี้จะมีปัญหา วันนี้เขาเปิดประเด็นทุกวัน ให้เรารู้สึกว่าต้องไปตามเขา กลายเป็นว่าเขาเป็นจุดเด่นของการดำเนินการ เขาก็พยายามเคลื่อนไหวให้ต่างประเทศช่วย ซึ่งมีหลายประเทศมาบอกเรา ยืนยันไม่มีปัญหา”นายภูมิธรรมกล่าว และว่า กระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เฝ้าดูอยู่ หากทำอะไรผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และผิดกฎหมาย เราก็ดำเนินการ ไม่งั้นก็โดนปั่นทุกวัน ตนไม่อยากตอบเรื่องนี้แล้ว

บินรบทอ.พร้อมปฎิบัติการใน5นาที

ที่รัฐสภา พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ. )กล่าวถึงการประชุมสภากลาโหมอนุมัติให้เตรียมแผนเผชิญเหตุในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า การเตรียมความพร้อมของเราเป็นการเตรียมความพร้อมปกติ ซึ่งถ้าเกิดสถานการณ์สู้รบก็สามารถนำเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการได้ภายใน 5 นาที ส่วนกรณีพล.อ.ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศจะให้โบนัสทหารกัมพูชาที่ยิงเครื่องบินรบของไทยตกนั้น ปฎิบัติการของเราคงไม่ถึงขนาดนั้น หน้าที่ของเราเพื่อปกป้องอธิปไตย ไม่มีอะไรที่ต้องไปกังวล เพราะเราไม่ได้รุกรานใคร เพียงแต่เราต้องเตรียมความพร้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจประสิทธิภาพในการปกป้องอธิปไตยของกองทัพ ทุกเหล่าทัพมีความพร้อมสูงสุดในการปกป้องประเทศ และยึดมั่นจะไม่รุกรานใคร

มทภ.2ย้ำชายแดนยังปกติไม่น่าเป็นห่วง

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไลฟ์สดเกี่ยวกับเรื่องประเทศไทยได้รับรายงานแล้วหรือยังว่า ก็ติดตาม ขอให้เป็นเรื่องของรัฐบาล ของนายกรัฐมนตรีที่จะแก้ไข ส่วนกองทัพจะดูแลเรื่องความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดนเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนขณะนี้ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เราก็ตรึงกำลังอยู่อย่างนี้ เพราะเขาก็ยังไม่ถอนกำลัง เพื่อรอความชัดเจนจากทั้งสองประเทศ และนโยบายของผู้นำทั้งสองประเทศว่า จะคุยอย่างไรต่อ ส่วนทหารจะทำหน้าที่ต่อไปคือ ควบคุมและกำกับดูแลแนวชายแดนให้ปกติที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงสัญญาณบวกจากกัมพูชา พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ก็ดี พูดคุยกันตลอด สัญญาณบวกมีมาตั้งแต่การปรับกำลังบริเวณช่องบกแล้ว ตอนนี้รอการเจรจาของผู้นำสองประเทศ สำหรับกรณีฮุนเซนลงพื้นที่ชายแดนกัมพูชา และปรับตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารสูงสุด มีนัยหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ แต่คงเป็นการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ ส่วนความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

มทภ.2ยังฝากถึงคนไทยที่เสพข้อมูลในโซเชียล จากกรณีฮุนเซนใช้สื่อสารว่า ขอคนไทย เรื่องปัญหาแนวชายแดนยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ในการจะนำมาซึ่งการใช้อาวุธ กองทัพสองประเทศพยายามพูดคุยกันในระดับผู้ปฏิบัติให้หลีกเลี่ยงการใช้อาวุธ การมาพบเพื่อเจรจากันทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้นำอาวุธมา ฉะนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สถานการณ์ชายแดนยังปกติและควบคุมได้

เชื่อจบก่อนตัวเองเกษียณ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินสถานการณ์แบบนี้จะอยู่อีกนานหรือไม่ หรือต้องรอให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพก่อน พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้นำรัฐบาลทั้งสองประเทศ ถ้าผู้นำเราและผู้นำกัมพูชาเข้าใจและตกลงกันได้ก็จะดีขึ้น ถามว่า แนวโน้มสถานการณ์น่าจะจบก่อนพล.ท.บุญสินจะเกษียณอายุราชการหรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า น่าจะจบก่อน ส่วนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้องรอความชัดเจนจากผู้นำกัมพูชา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตอบมา แต่เราพร้อมเจรจา

เมินฮุนเซนไลฟ์สดชี้นักพูดขาประจำ

พล.ท.บุญสินยังกล่าวถึงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมว่า เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่บรรพบุรุษเราที่อนุโลมให้พี่น้องชาวกัมพูชาขึ้นไปสักการะ ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันมานานแล้ว ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนทั้งสองประเทศให้งดการแสดงออกที่ล่อแหลม ที่จะก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อย ตรงนี้เราก็มีการพูดคุยกันตลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ถามถึงกรณีฮุน เซน ระบุการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พูดพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 เหมือนเป็นการดูหมิ่นและทำให้ประเทศเสียหาย คิดว่า มีวัตถุประสงค์อะไร พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของสมเด็จ ฮุน เซน เราทำหน้าที่ของเรา ปกป้องอธิปไตยอย่างเดียว เขาจะพูดอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับตนเอง ถามย้ำว่า ไม่หวั่นไหวใช่หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ไม่มี ไม่เคยหวั่นไหว แต่ถ้ามาเกี่ยวข้องกับชายแดนตนก็ทำหน้าที่ พร้อมอยู่แล้ว ไม่เป็นอะไร เขาพูดเป็นประจำอยู่แล้ว

ไทยอนุโลมเปิดด่านยึดมนุษยธรรม

เวลา 12.00 น. นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และพล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงผลประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)ประจำวัน โดยนางมาระตีเผยว่า ที่ประชุมได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานในพื้นที่ที่รับผิดชอบด่านจุดผ่านแดนว่าส่วนใหญ่เรียบร้อย การดำเนินการตามมาตรการควบคุมการผ่านแดนยังคงความเข้มงวด ยืนยันไทยอนุโลม สำหรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กรณีผู้ป่วยที่จำเป็นต้องมารักษาพยาบาลฝั่งไทย รวมทั้งนักเรียน นักศึกษา และบุคคลที่จำเป็นต้องมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ช่วง 10 วันที่ผ่านมา ด่านจังหวัดสระแก้ว มีนักเรียน นักศึกษา 6,500 คน ได้รับการอนุโลมผ่านแดน 500-700 คนต่อวัน ส่วนผู้ป่วยมี 30 ราย นอกจากนี้ ยังอนุโลมให้ประชาชนทั่วไป เดินทางกลับภูมิลำเนาได้ด้วย

ผ่อนผันขนส่ง-แรงงานข้ามแดนหน้าเก็บเกี่ยว

ด้านพล.ร.ต.สุรสันต์แถลงเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ความมั่นคงปัจจุบันยังไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่ยังปฎิบัติงานตามปกติ ศบ.ทก.รับผิดชอบขับเคลื่อนมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ โดยมาตรการที่กำหนดเป็นผลมาจากมติของสมช.สั่งการ โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาผู้ประกอบการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพราะของปากท้องรอไม่ได้ ทั้งนี้ จากผลตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดสระแก้วของนายกฯ มีประเด็นห่วงใยเร่งด่วน 2 เรื่องคือ การผ่อนผันนำเข้าแรงงานตามฤดูกาล หรือ แรงงานตามมาตรา 64 ของแรงงานต่างด้าว การผ่านเข้าออกของยานพาหนะขนส่งสินค้าข้ามแดน บริเวณพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา ซึ่งปัจจุบันมียานพาหนะขนส่งสินค้าตกค้างตามแนวชายแดนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาอยู่หลายราย นายกฯสั่งให้ศบ.ทก.กำหนดมาตรการผ่อนปรนสองกรณีเป็นการเร่งด่วน ซึ่งศบ.ทก.ได้กำหนดแนวทาง สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่อไป ส่วนผู้นำเข้าส่งออกหรือผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา มาตรการเร่งด่วนคือ การเร่งสำรวจสินค้าที่ตกค้างและสนับสนุนการจัดหาช่องทางขนส่งสินค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องและหาช่องทางการส่งเสริมสินค้าของไทยในตลาดใหม่

กต.ยันไทยสื่อสารช่องทางการเท่านั้น

ขณะที่กระทรวงต่างประเทศเผยแพร่ข่าวสารนิเทศประจำวันว่า ตามที่มีความพยายามปั่นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความแตกแยกในสังคมไทย รัฐบาลไทยขอยืนยันและทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่า ไทยจะใช้ช่องทางที่เป็นช่องทางทางการเท่านั้นในการสื่อสารระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความพยายามปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการปราบปรามปัญหาคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงทางออนไลน์ และการค้ามนุษย์นั้น ขณะนี้มีรายงานหลายฉบับจากองค์การระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime - UNODC) และองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International – AI) ออกมาชี้แจงให้เห็นว่า อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้เป็นภัยคุกคาม ซึ่งไทยเห็นด้วยว่าจะสร้างความเสียหายมหาศาลในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงผลกระทบซึ่งไทยพร้อมแสดงบทบาทนำในเรื่องนี้ และขอให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกับไทยในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในอนุภูมิภาคเราต่อไป

เตือนคนไทยรับมือสแกมเมอร์ตัวพ่อ

มีความเห็นจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของฮุน เซนว่า อาจทำให้รัฐบาลไทยคอยกังวล ปกติความขัดแย้งระหว่างประเทศทั่วโลกจะกังวลว่าอีกประเทศจะปล่อยขีปนาวุธหรือโดรนสังหาร แต่ฮุน เซน ปล่อยคลิปปั่นกระแสทุกวัน ซึ่งจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่เขารู้ว่าแหย่อะไรมา เราจะตื่นเต้น ตนคิดว่าอย่าไปสนใจมาก

นายวิโรจน์เห็นว่าทุกอย่างที่ฮุน เซนทำเป็นกระบวนการ ล่าสุดบอกจะแฉนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าวางแผนนั้นแผนนี้ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก่อนหน้านั้น ยังบอกว่าเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบอกว่าภายใน 3 เดือน ประเทศไทยจะเปลี่ยนผู้นำ รวมทั้งรู้แล้วว่าเป็นใคร มีการถ่ายรูปห้องนอนของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปล่อยคลิปเสียงสนทนากับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้โฆษกโพสต์ว่าไม่มีห้วงเวลาไหนที่ประเทศไทยหวาดกลัวกัมพูชาเท่ากับยุคของสมเด็จฮุน เซน

“ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เรารู้สึกหรือไม่ว่าเขาเป็นผู้นำสายคอนเทนต์ เขาปลุกปั่นตลอด ผมถึงบอกว่า อย่าไปสนใจ คนคนนี้คือบิดาของสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีคลิปหรือไม่มี ก็บอกว่ามีไว้ก่อน พอบอกว่ามีอะไรก็บอกว่ายังไม่บอก เป็นการข่มขู่ ดังนั้น ผมคิดว่าควรดึงใจของพวกเรากลับมา อย่าหลงเป็นเหยื่อบิดาของสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนนี้เลย ถ้ามี เราค่อยตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไร วันนี้ ฮุน เซน ให้สัมภาษณ์อย่างเดียว ไม่มีหลักฐานอะไร แล้วไปเอาคำสัมภาษณ์ของฮุน เซนไปแจ้ง ม. 112 ต่อคุณทักษิณ อันนี้ไม่ได้ การกล่าวหาของบิดาแห่งวงการสแกมเมอร์ไม่ใช่หลักฐาน หรือต่อให้มีคลิปเสียง คลิปภาพก็ต้องพิสูจน์ก่อน เพราะยุคนี้ AI มันทำได้” นายวิโรจน์ กล่าว

แนะตั้งโฆษกตอบโต้-ชี้รมว.กต.เงียบไป

และแนะนำรัฐบาลหามาตรการรับมือ พร้อมตอบโต้ฮุนเซนว่า นายกฯต้องแต่งตั้งโฆษกและคณะทำงานของกระทรวงการต่างประเทศที่จะชี้แจงต่อทูตต่างๆอย่างทันท่วงที ในทุกสถานการณ์ที่เป็นวิกฤต เรื่องนี้ เป็นการรับมือกับบิดาแห่งสแกมเมอร์ ต้องมอบหมายเป็นการเฉพาะ โฆษกรัฐบาลอย่างเดียวคงไม่พอ นอกจากนี้ ยังต้องมีกลไกสากลอื่นมาใช้ อย่างการประท้วง ซึ่งตนมองบทบาทของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เงียบเกินไป เราควรมีรมว.ต่างประเทศที่เก่งกว่านี้ ต้องหาคนที่ไวต่อสถานการณ์และกล้าตัดสินใจมากกว่านี้ เพราะวันนี้ เรากำลังรับมือกับคนที่เขาวางแผนล่วงหน้าที่จะโจมตีไทย เขียนบทหรือทำคอนเทนต์ไว้ เมื่อไหร่ที่เรางับเบ็ด เช่น กรณีที่เขาชม พล.อ.ประยุทธ์ เพราะต้องการที่จะยุแยงให้เกิดการปะทะกันระหว่างคนไทย เป็นการสนับสนุนทำรัฐประหารกลายๆ เพราะเขารู้ว่านานาชาติไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร จะทำให้เราเสียเปรียบมากขึ้นในการเจรจาเรื่องความขัดแย้งชายแดน และทำให้ประเทศหมดความชอบธรรมในเวทีโลก

จี้เปิดชื่อ7นักการเมืองไทยฟอกเงินในเขมร

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ตนพยายามอ่านเกมแล้ว มี 4-5 เรื่อง 1.ความขัดแย้งกับนายทักษิณ น่าจะมีผลประโยชน์บางอย่างที่ตกลงกันไม่ได้จนหักเหลี่ยมโหดกัน 2.เขากังวลเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ฐานใหญ่สุดอยู่ที่กัมพูชา ซึ่งถ้าตามข่าว ทั้งบริษัท ฮุยวัน รวมถึงออกญาลียงพัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับ LYP กรุ๊ป ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ แม้กระทั่งออกญา มงฤทธี ที่เป็นมือไม้ให้ฮุน เซน ดังนั้น ถ้าดูเส้นทางการเงิน หลายกรณีพัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ โดยเฉพาะบริษัทฮุยวัน ที่คณะทำงานปฏิบัติการทางการเงิน (FATF) ของสหรัฐฯติดตามเรื่องการฟอกเงินอยู่ เพราะพบเบาะแสเชื่อมโยงกับแฮ็กเกอร์ในกลุ่มประเทศเกาหลีเหนือ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำจาก FATS ซึ่งเป็นคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึงใช้เงินก่อการร้าย เป็นการรวมกันของหลายประเทศ

“นายกฯควรสั่งคณะกรรมการป้องปันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) รวบรวมข้อมูลร่วมกับปปง.ต่างประเทศ เพราะเส้นทางการเงิน ปปง.มีอยู่แล้ว เมื่อข้อมูลตกผลึก สามารถให้ FATF ขึ้นบัญชีดำกัมพูชาเลย และขอเรียกร้องให้นายกลงนามในสัตยาบัน UNCC ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งเราสามารถขอให้ส่งผู้ร้ายที่ก่อเหตุอาชญากรรมทางไซเบอร์ข้ามแดนได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฮุน เซน กลัวที่สุด แต่ผมต้องตั้งคำถามไปที่นายกฯว่าทำไมไม่ทำ หรือเป็นเพราะฮุน เซน เปิดเผยว่ามีนักการเมือง 7 คนไปฟอกเงินที่กัมพูชา”นายวิโรจน์กล่าว

และเผยว่า ผลประชุม กมธ.การทหารเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ตนทำหนังสือ ข้อสังเกต และข้อมูลลับถึงนายกฯแล้ว จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เผลอๆ ตนอาจเอาเรื่องที่นายกฯรู้อยู่แล้วไปบอกก็ได้ อาจรู้ละเอียดกว่าตนด้วยซ้ำ ตอนนี้ ปปง.รู้ทุกอย่างทั้งกลุ่มทุนไทยที่น่าจะไปฟอกเงินในเขมรหรือกลุ่มทุนเขมรที่เข้ามาปฏิบัติการในไทย