หากยังดื้อขับไล่สถานเดียว! ’จตุพร‘ ส่งสัญญาณเตรียมยกระดับการชุมนุม ให้รอฟังประกาศ เตรียมรองเท้าผ้าใบ-เสื้อผ้า ปักหลักค้างคืนยาวนานจนกว่า ’รัฐบาล‘ จะออกไป สับ ‘ทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์’ เละไม่มีชิ้นดี ลั่นแผ่นดินรัชกาลที่10 ไทยต้องไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว 

วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เมื่อเวลา 20.50 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นกล่าวปราศรัยปิดท้ายในการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยตอนหนึ่ง โดยยกบทกลอนว่า ”รวมพลังหลั่งไหล ดั่งสายธาร ปกป้องบ้านปกป้องเมืองของเราไว้ แผ่นดินไทยอธิปไตยคือหัวใจ ไม่ยอมให้มันผู้ใดรุกรานเรา“ 

จากนั้นได้กล่าวว่า วันนี้เรามาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อจะบอกเป็นปฏิญญาว่าในแผ่นดินรัชกาลที่10 เราไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่เพียงตารางนิ้วเดียว หากพูดเรื่องการเสียดินแดน มันก็เจ็บใจทุกครั้ง ประวัติศาสตร์ในอดีตที่เราเคยแพ้พม่า เพราะเราไม่จัดการคนขายชาติ จึงแพ้พม่า วันนี้เรามีประสบการณ์แล้ว จัดการคนขายชาติก่อน ถ้าเราไม่จัดการคนขายชาติ เราก็ไม่มีชาติให้เหลือ พยายามมีการปั่นกันว่ากัมพูชาเสี้ยมให้ไทยแตกแยกกัน แต่คนไทยส่วนใหญ่ที่เขารักชาติบ้านเมือง เขาสามัคคีกัน แต่เขาแตกแยกกับนายกรัฐมนตรี แตกแยกกับพ่อนายกฯ แตกแยกกับคณะรัฐมนตรี เราเรียกร้องให้นายกฯลาออก มันก็ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ไม่อะไรทั้งนั้น เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลให้ถอนตัว มันก็ไปแบ่งตำแหน่งกัน เราบอกว่าพวกนี้พายเรือให้โจรนั่ง บัดนี้ได้พิสูจน์ชัดแล้วว่า โจรพายเรือให้โจรนั่ง 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า นายกฯรู้อนาคตว่าตัวเองมีชะตากรรมอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ จึงปรับครม. ตัวเองไปนั่งควบกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากมีความสามารถที่จะแต่งตัว เหมาะสมกับกระทรวงวัฒนธรรม ในอดีตเคยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม คนเดียวที่เป็นนายกฯแล้วเคยนั่งควบกระทรวงวัฒนธรรม เขามองว่าหากถูกศาลฯสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตัวเองจะได้นั่งในครม.ต่อไป เขาไม่ได้ฟังเสียงประชาชน เหมือนกรณีคลิปเสียงหลุด มันบาดหัวใจคนไทย คือผู้นำไทยตัดหัวแม่ทัพภาคที่2 ไปบรรณาการสมเด็จฮุน เซน เป็นเรื่องที่คนไทยไม่อาจรับไม่ได้ คุณเป็นใครมาบอกแม่ทัพเป็นฝ่ายตรงกันข้าม กัมพูชายังรู้ทันว่านายกฯคนนี้คบไม่ได้ 

“ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อะไรจริงไม่จริงสวนทันที ผิดกับนายทักษิณ ชินวัตร เงียบปากตั้งแต่บัดนั้นยันบัดนี้ ไม่หือไม่อือเลย เพราะทางเขมรบอกว่านายทักษิณมีเรื่องหมิ่นสถาบันฯ ผมรู้ว่ามีคนสำคัญบางคนในประเทศไทย เอ่ยชื่อพี่น้องก็รู้จัก แต่ไม่มีสถานะที่จะเปิดชื่อได้ ผมได้ฟังคลิปดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย เนื้อหาใจความนั้น ผมขอแนะนำในฐานะที่เคยรู้จักกันมาก่อน เก็บเสื้อผ้าแล้วหลบหนีไปเถิด เพราะว่าถ้าคลิปนี้อยู่ อย่าว่าแต่แผ่นดิน แผ่นน้ำ แผ่นอากาศ คุณไม่มีสิทธิ์อยู่อย่างแน่นอน คุณก็รู้ว่าคุณไปพูดอะไร เนื้อหาฟังแล้วคนไทยไม่มีวันรับได้” นายจตุพร กล่าว 

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ที่ศาลฎีกาฯจะมีการไต่สวนกรณีชั้น14 แล้วให้สื่อมวลชนเขาไปฟังถ่ายทอด จะได้รู้กันว่าขบวนการที่ถวายฎีกาเท็จไม่เป็นไปตามพระบรมราชโองการ เป็นคนที่เอาไว้ไม่ได้จริงๆ ส่วนศาลอาญาที่นัดคดีม.112ก็เช่นเดียวกัน และหากน.ส.แพทองธาร ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกฯ แต่บ้านเมืองเราเอาคนแบบนี้มานั่งรมว.กลาโหม กำลังจะปรับครม.ใหม่ไปกระทรวงมหาดไทย แต่ประชาชนสบายใจได้หากนายภูมิธรรม นั่งรักษาการนายกฯไม่กี่วัน เรื่องก็จะถึงตัว กรณีการสอบสวนคดีฮั้วสว. ก็จะพ้นไปด้วย รวมถึงหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการเรื่องมาตรา144 เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ ครม. สส. สว. ก็ไปทั้งหมด 

“หากตระกูลชินวัตร ไม่ทะเลาะกับตระกูลฮุน เราก็ยังโง่กันอีกมาก แต่วันนี้เราหูตาสว่างแล้ว มีความพยายามปั่นว่าที่ทะเลาะกันเพราะเรื่องบ่อนกาสิโน แต่จากเดิมรับปากว่าไม่ทำ ต่อมาไปทำแล้วรับปากแบ่งผลประโยชน์กันแบบ 50 : 50 เหมือนแหล่งพลังงานที่เกาะกูด ท้ายที่สุดก็หักหลังกันระหว่างทางจึงเป็นที่มาของคลิปเสียงหลุด การกลับมาของนายทักษิณรอบนี้ คนไทยได้เห็นตัวตนนายทักษิณ ที่ทำลายตัวเอง ก่อนหน้านี้17ปีคนยังไม่รู้จักตัวตนนายทักษิณ แต่2ปีมานี้ นายทักษิณได้เปลือยอย่างล่อนจ้อนว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไร ลงเครื่องบินแข็งแรงที่สุด ตำรวจไม่ควบคุมตัวไปศาลฎีกา ขอศาลอ่านคำพิพากษา ราชทัณฑ์ก็ไม่ให้ขึ้นรถนักโทษ ส่งเข้าไปถึงเรือนจำหรือไม่บัดนี้ก็ไม่มีภาพปรากฏ กลางคืนป่วย หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันขึ้น แต่คนติดคุกก็เป็นแบบนี้กันทุกคน แต่ไม่เข้าห้องฉุกเฉินไปชั้น 14 ค่าใช้จ่ายมีเพียงค่าห้อง ค่าอาหาร และค่ากายภาพบำบัด แต่ค่ารักษาราคาประมาณทิฟฟี่ นี่คือคำว่าอภิสิทธิ์ชน

นายจตุพร กล่าวว่า ตอนที่ถวายฎีกาต่อพระเจ้าแผ่นดิน บอกว่าเคารพกระบวนการยุติธรรม ยอมรับว่าทำจริงๆ คือคดีทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีคนออกไปสู้เพื่อนายทักษิณ เพราะคิดว่านายทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม แต่วันนี้สารภาพแล้วว่ากระทำผิดจริง และบอกว่าสำนึกแล้ว แต่หลังจากได้รับการพักโทษ “คำพูดแรกบอกว่าเขายัดข้อหาให้ผมเยอะ และมาพูดอีกว่ารอ 6 เดือนกว่าจะนั่งเครื่องบินถึงบ้าน ต่อมาก็บอกว่าโกง พ่อมึงสิ อย่างนี้ได้หรือ

นายจตุพร กล่าวต่ออีกว่า เมื่อนักการเมืองตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว ไม่ว่าสีใดก็ไม่เคยเห็นหัวประชาชน เพราะถ้าคิดถึงประชาชนคงไม่ตระบัดสัตย์ แต่ความต้องการของพวกนี้คือให้ประชาชนทะเลาะกัน แล้วมันก็ไปจับมือกัน และเมื่อข้ามขั้วกันแล้วก็ทยอยฆ่ากันเอง พรรคพลังประชารัฐโดนคนแรก พรรคภูมิใจไทยถอนตัวไปก่อน แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังหาทางรวมไม่ได้จนถึงวันนี้ มีความสุขกับสมบัติแบ่งกันชม ไทยจะเสียดินแดนก็ไม่เกี่ยว ได้ตำแหน่งไว้ก่อน ดังนั้นเราไม่ขอไว้ใจใคร ขอให้ไว้ใจพวกเราเอง หากอยากให้ประเทศชาติดีขึ้น เราต้องเป็นผู้กำหนด ส่วนที่มีคนบอกว่า วันนี้คนมาแค่ 3,000 คน ตนก็บอกว่าพอแล้ว พอพวกที่เราจะจัดการมีแค่ 500 คน มันบอกว่าจุดไม่ติด ตนก็บอกว่าไม่ต้องจุดก็ติดให้พรึบ เป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงรัฐบาล และบอกประชาชนว่าเตรียมรองเท้าผ้าใบ และเสื้อผ้าให้พร้อม และมาปักหลักค้างคืนยาวนาน จนกว่ารัฐบาลขายชาติจะออกไป ถ้าเราไม่ขัดขืนเราต้องเสียดินแดนอย่างแน่นอน และขอประกาศว่า ในสมรภูมิหน้า เราก็จะประกาศชัยเหมือนชัยสมรภูมิ

“กัมพูชานักรบ ของเราส่งเนตรนารีไปสู้ แล้วไม่รู้สึกรู้สา วันแรกบอกนึกไม่ถึงว่าถูกบันทึกการสนทนา วันต่อมาพูดใหม่ ขออภัย แต่วันต่อมาบอกว่าประเทศไม่เสียหาย” นายจตุพร กล่าวพร้อมตะโกนเสียงดังว่า “เสียโว้ย เสียเกียรติภูมิประเทศไทย“

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วยังไม่สำนึก พร้อมจะทำชั่วต่อไป เราก็จะประกาศยกระดับ ไม่เรียกร้องให้ลาออกหรือให้ถอนตัว แต่จะขับไล่สถานเดียว ไล่ทั้งเรือ ทั้งโจร ทั้งพาย ไล่ให้หมด และหากปล่อยให้มีเรื่องเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ และปล่อยให้มีการพนันออนไลน์ถูกต้องตามกฎหมาย กาสิโนเข้าวันไหน เต็มหน้าสภาฯ อย่างไรก็ตาม บัดนี้เลยเวลาการปฏิรูปมาแล้ว ต้องปฏิวัติชำระล้างแผ่นดินให้สะอาด แต่ไม่ใช่การรัฐประหาร แต่ปฏิรูปก็ขัดไม่ออกต้องล้างขนาดใหญ่ ต้องชำระล้างให้สะอาด และวันนี้ประชาชนควรรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ถ้าแตกแยกก็เสียชาติ จับมือไล่แพทองธารออกไปก่อน ก่อนกล่าวทิ้งท้ายย้ำว่า ในแผ่นดินรัชกาลที่ 10 ต้องไม่เสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียว

จากนั้นในเวลาประมาณ 21.40 น. นายจตุพร และแกนนำกลุ่มฯ ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมยืนขึ้น และร่วมกันร้องเพลงบ้านเกิดเมืองนอน และปิดท้ายด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยร่วมกันเปิดแฟลชโทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก่อนที่จะประกาศยุติการชุมนุม จากนั้นผู้ชุมนุมได้แยกย้าย ทยอยเดินทางกลับบ้าน