กต.ฟาด‘ผู้นำเขมร’
แทรกแซงการเมืองไทย-ชี้ขัดก.ม.
'ฮุน มาเนต’ยังแขวะไม่หยุด
ปัดเจรจาถ้าไทยไม่เปิดด่าน
ถกมือก.ม.ทีมเขาพระวิหาร
สู้คดี4พื้นที่พิพาทในศาลโลก
“บิ๊กเล็ก”ยันไร้สุญญากาศ แม้จะยังไม่มี “รมว.กลาโหม” เผยปัญหาชายแดนเขมรทรงตัว แนวโน้มดีขึ้น หลัง เตีย เซ็ยฮา ยอมคุย แต่อยู่ระหว่างต่อรอง เงื่อนไขไม่ลงตัว ด้านทบ.แจง Google Map ย้าย หมุดปราสาทตาเมือนธมไปฝั่งเขมร ไร้ผลทางกฎหมาย ยันเป็นเขตแดนไทย ยึดหลักฐานภูมิศาสตร์-การบริหารพื้นที่ หน่วยงานราชการที่ถือปฎิบัติมานาน ขณะที่ผู้นำเขมรทั้งโพสต์ทั้งปราศรัยแขวะไทยไม่พัก ยืนกรานไม่เจรจาถ้าไทยไม่เปิดพรมแดนทั้งหมดก่อน พร้อมลุยสู้คดีพิพาท 3 ปราสาท 1 พื้นที่หลังยื่นศาลโลกไปแล้ว โดยหารือกูรูกม.ที่เคยเป็นหัวหอกทำให้ชนะคดีเขาพระวิหาร ส่วนกต.ไทยแถลงตบปาก “ฮุน มาเนต”เลิกจุ้นกิจการภายในปท.ไทย
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึง ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชาว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังทรงอยู่ แต่เราใช้กลไกทุกระดับของกองทัพประสานงานกับกัมพูชา และพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการพูดคุยแบบทวิภาคี สิ่งที่กระทรวงกลาโหมคาดหวัง คือกลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน
เขมรยอมคุยแต่ต่อรองเงื่อนไขไม่ลงตัว
รมช.กลาโหมกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันระดับรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศก็พูดคุย ซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้นเล็กน้อยคือ กัมพูชาเริ่มคุยด้วยจากก่อนหน้านี้ที่ไม่คุยเลย แต่ยอมรับว่ายังมีการต่อรองกันอยู่ ซึ่งฝ่ายไทยยึดถือศักดิ์ศรีของ 2 ประเทศ ไม่มีคำว่าประเทศใหญ่หรือเล็ก ถือเป็นประเทศเท่ากัน อยากให้คนไทยคำนึงเรื่องนี้ รัฐบาลเป็นห่วงความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดน ทั้งนี้ ความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี)นั้น คงไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เพราะมีพื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 รวมถึงกองทัพเรือ ขณะที่การประชุม RBC จะครอบคลุมเฉพาะพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ดังนั้น พื้นที่อื่นจะไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าพลเอกเตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมของกัมพูชา มีท่าทีที่ดีขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เขายอมคุยด้วย แต่ยังมีการต่อรองเงื่อนไขที่ยังไม่ลงตัว
ยันไทยไม่เคยปิดด่านแค่จำกัดเวลา
ถามถึงเงื่อนไขคือการให้เราเปิดด่านก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการต่อรอง เราต้องเคารพศักดิ์ศรีกันและกัน โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศไทย รวมถึงกัมพูชาด้วย เราถือว่าศักดิ์ศรีเท่ากัน เป็นประเทศเหมือนกัน แต่ยืนยันว่าเรายังคงมาตรการเปิดด่านแบบจำกัดเวลาเหมือนเดิม แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปิดด่าน แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่ปิดเอง ซึ่งคาดว่าทางรัฐบาลกัมพูชาคงมองว่า ลักษณะเช่นนี้คือการปิดด่านแล้ว เพราะหากเราปิด จะไม่มีการผ่านเข้าออกเลย
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสลงไปทำความเข้าใจกับคนในกองทัพหรือไม่ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ไม่มีรมว.กลาโหม ขณะที่นายกรัฐมนตรีถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ณัฐพลระบุว่า ค่อยๆทำไปตามขั้นตอน ต้องยอมรับว่าไม่ได้เตรียมการมาตั้งแต่ต้น ในส่วนตน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแจ้งให้ทราบว่าสามารถรักษาการรมว.กลาโหมได้ทันที โดยยึดพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 24 ซึ่งความรับผิดชอบจะเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ถ้ามีอะไรเสียหาย ก็อยู่ในความรับผิดชอบของตน
ยันไม่มีสุญญากาศแม้ไร้รมว.กลาโหม
ถามต่อว่าในส่วนกระทรวงกลาโหม แม้จะไม่มีเจ้ากระทรวง จะไม่เกิดสุญญากาศ ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า จะไม่เกิดสุญญากาศอย่างแน่นอน รวมถึงการแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา มติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อ 27 มิถุนายน 2568 มอบอำนาจให้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารชายแดนไทย -กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ไม่ว่าเป็นการยกระดับ ความเข้มข้นหรือผ่อนคลายมาตรการ ขอยืนยันกับประชาชนว่า งานด้านความมั่นคงทุกด้านจะไม่เกิดสุญญากาศ ยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ ตนห่วงอยากให้ปัญหาแก้เร็วขึ้น เพราะจากที่ลงพื้นที่กับนายกฯตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเดือดร้อนอยากให้ปัญหานี้คลี่คลายเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงอธิปไตยและศักดิ์ศรีประเทศ ต้องเป็นไปอย่างสง่างาม
ชี้หน้าที่กต.รับมือปมเขมรชงศาลโลก
ถามถึงการพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ หลังนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเคลื่อนไหวนำ 3 ปราสาทและ 1 พื้นที่ขึ้นศาลระหว่างประเทศ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า คุยกันตลอด ซึ่งในส่วนของทีมไทยแลนด์เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนระยะยาว เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเดินหน้าอยู่ ในงานที่ต้องใช้ความปราณีต และมีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง การเตรียมการเรื่องต่างๆ ถ้าเขมรนำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ศาลโลก ในส่วน ศบ.ทก.จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องนี้ แต่ทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศและศบ.ทก. ต่างฝ่ายต่างรับทราบการทำงานซึ่งกันและกัน
ยันไทยมีอธิปไตยเหนือตาเมือนธม
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกชี้แจงกรณีพบการย้ายหมุดปราสาทตาเมือนธมในแอปพลิเคชัน Google Map ว่า ข้อมูลในแอปพลิเคชันไม่มีผลทางกฎหมาย และอาจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง พร้อมยืนยัน ฝ่ายไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมมาตลอด ขอเรียนว่า กรณีสื่อสังคมออนไลน์พบการย้ายหมุดและแนวเส้นสมมุติฐานเขตแดนปราสาทตาเมือนธม ในแอปพลิเคชัน Google Map จากฝั่งไทยไปฝั่งกัมพูชา และกังวลว่าเป็นการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อนำไปอ้างอิงฟ้องสื่อต่างชาติและศาลโลก รวมทั้งทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจผิดว่า ปราสาทตาเมือนธมอยู่ในดินแดนกัมพูชาและไทยต้องการรุกรานดินแดนกัมพูชา และยึดปราสาทตาเมือนธม การกำหนดสถานที่และเส้นเขตแดนในแอปพลิเคชัน Google Earth และ Google Map บริษัทใช้ข้อมูลจากภาคเอกชน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์เพื่อการเดินทาง ซึ่งหลายจุดจะพบเห็นความคลาดเคลื่อนจากสถานที่จริงอยู่บ้าง โดยเฉพาะเส้นสมมุติเขตแดน
กูเกิลย้ายหมุดไม่มีผลด้านกม.ทั้งใน-ตปท.
“ที่สำคัญข้อมูลของแอปพลิเคชั่นดังกล่าว จะไม่มีผลด้านกฎหมายทั้งในระดับในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ที่มีข้อมูลผิดพลาดในแอปพลิเคชันนั้น ผู้ใช้งานสามารถรายงานไปยังบริษัท เพื่อขอให้แก้ไขข้อมูลได้ ขอยืนยันชัดเจนว่า ฝ่ายไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมมาตลอด เป็นข้อเท็จจริงที่ยึดโยงหลักฐานภูมิศาสตร์และการบริหารพื้นที่โดยหน่วยงานราชการไทยอย่างต่อเนื่อง”โฆษกกองทัพบกกล่าว และชี้แจงต่อถึงกรณีนายฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ขู่ไทยไม่มีสิทธิ์ปิดตาเมือนธมนั้น เท่าติดตามข่าว อาจเป็นการพูดปลุกเร้าความเชื่อมั่นให้ประชาชน ที่มาร่วมงานพิธีการแห่งหนึ่งภายในของกัมพูชา อาจไม่ได้พูดเพื่อมีเจตนาสื่อสารทำนองข่มขู่ยั่วยุ ตรงมาที่ฝ่ายไทยต่อกรณีดังกล่าว ยืนยันการมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมของประชาชนกัมพูชา อยู่ภายใต้ข้อตกลงที่ตกลงกันไว้ และปัจจุบันยังไม่มีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบ ทำให้ฝ่ายไทยต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้ผิดไปจากสิ่งที่เคยตกลงกันไว้
ศบ.ทก.ยันลุยภารกิจต่อเนื่อง
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลประชุม ศบ.ทก.ประจำวันว่า กลไกทำงานของศบ.ทก. เป็นทีมไทยแลนด์ที่นำมติสภาความมั่นคงของชาติ (สมช.)ไปแปลงโดยกองกำลังป้องกันชายแดนในพื้นที่เป็นผู้ปฏิบัติ ถึงแม้ช่วงนี้จะปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี(ครม.)ก็ตาม การดำเนินงานของ ศบ.ทก.ก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง ไม่หยุด
พล.ร.ต.สุรสันต์ยังยกตัวอย่างมติ สมช.ครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาเรื่องมาตรการรองรับสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชามีมติ 4 ข้อ 1.รับทราบผลปฏิบัติของศบ.ทก.ตามมติที่ประชุมสมช.ครั้งที่ 4/2568 2.ให้ความเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ มาตรการควบคุมและผ่อนปรนบุคคล ยานพาหนะและสินค้า 3.มติ สมช.ให้ความเห็นชอบขยายมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนประเภทต่างๆให้ครอบคลุมทั้งการจำกัดและผ่อนผันบุคคล ยานพาหนะ และสินคาที่ผ่านเข้า -ออกจุดผ่านแดน 4.มอบหมายให้ศบ.ทก.เป็นกลไกหลักพิจารณายกระดับหรือผ่อนปรนมาตรการรองรับสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาภายใต้กรอบแนวทางที่รัฐบาลหรือสมช.กำหนดให้เหมาะกับสถานการณ์
ฮุนมาเนตลั่นไม่คุยถ้าไทยไม่เปิดด่านก่อน
มีความเคลื่อนไหวของฝั่งเขมร โดยสำนักข่าว Khmer Times ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวระหว่างไปร่วมงานวันประมงแห่งชาติที่จังหวัดตาแก้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาตอนหนึ่งว่า กัมพูชาจะไม่ยอมเจรจากับไทย เพื่อลดความขัดแย้งพรมแดน ตราบใดที่ไทยยังไม่ยอมเปิดด่านทั้งหมดตามปกติ การแก้ไขสถานการณ์ขณะนี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายไทย เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายปิดด่านก่อน ทำให้กัมพูชาต้องตอบโต้แบบเดียวกัน แต่ถ้าไทยยอมเปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด กัมพูชาจะยอมร่วมเจรจาระหว่างผู้นำกองทัพเกี่ยวกับการลดกำลังทหาร แต่หากปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ ก็ไม่สามารถบรรลุความไว้วางใจระหว่างกันได้
ฮุน มาเนต ยังตำหนิฝ่ายไทยว่า มีความคลุมเครือและความไม่สอดคล้องกันระหว่างฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ ขาดการประสานงานระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการหาทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน น่าเชื่อถือ และความยั่งยืน โดยยกตัวอย่างเรื่องการปิดด่านว่ารัฐบาลไทยสั่งอย่างหนึ่ง แต่ทหารกลับปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง
โต้ไทยกล่าวหาเขมรจุ้นการเมืองในปท.
นอกจากนี้ นายฮุน มาเนต ยังส่งข้อความไปยังสื่อไทยที่กล่าวหากัมพูชาว่าปฏิบัติไม่ดีต่อคนไทย กรณีที่มีรายงานว่ามีรถยนต์ของคนไทยตกค้างอยู่ในฝั่งกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนว่า กัมพูชายืนยันชัดเจนแล้วว่าไม่มีรถยนต์ของไทยตกค้างอยู่ในกัมพูชา อีกทั้ง ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยที่ว่า กัมพูชาแทรกแซงการเมืองไทย โดยเฉพาะเรื่องปล่อยคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯไทย ตามด้วยการที่นายฮุน เซน วิจารณ์ตระกูลชินวัตรต่อสาธารณชน ซึ่งการที่ไทยจะปลดหรือแต่งตั้งใครเป็นเรื่องภายในของไทย ไม่เกี่ยวกับกัมพูชา แต่หากมีปัญหากระทบถึงกัมพูชา กัมพูชาก็จำเป็นต้องตอบโต้
คุยกูรูกม.รุกคืบฟ้องศาลโลกพิพาท4พื้นที่
นอกจากนี้ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังโพสต์เฟซบุ๊กระบุ ได้เข้าหารือกับศาสตราจารย์ ฌอง-มาร์ก โซแรล ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษากฎหมายให้กัมพูชาในการยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ช่วงปี 2554-2556 จนนำไปสู่คำวินิจฉัยที่เป็นคุณต่อกัมพูชาในการตีความคำตัดสินปี 2505 กรณีปราสาทพระวิหาร
โดยการพบปะครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางความเคลื่อนไหวของกัมพูชาในการยื่นคำร้องต่อศาลโลกอีกครั้ง ขอให้พิจารณาข้อพิพาทเขตแดนอีก 4 จุดคือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ผู้นำกัมพูชาเผยด้วยว่า หารือกับศาสตราจารย์โซแรลเกี่ยวกับความคืบหน้าการเตรียมยื่นคดีข้อพิพาทพรมแดน 4 แห่งต่อศาลโลก และยืนยัน กัมพูชายึดมั่นแนวทางแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีและหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาสตราจารย์ฌอง-มาร์ก โซแรล ถือเป็นหนึ่งในผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขมรชนะทางกฎหมายในศาลโลกมาแล้วในกรณีปราสาทพระวิหาร โดยในปี 2556 ศาลโลกมีคำวินิจฉัยให้ไทยต้องถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่รอบปราสาท และยืนยันว่าอาณาเขตบริเวณนั้นอยู่ในดินแดนกัมพูชา
กต.ตบปากฮุนมาเนตจุ้นการเมืองไทย
ช่วงเย็นวันเดียวกัน มีท่าทีจากนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงตอบโต้นายกฯเขมรที่โพสต์เฟซบุ๊คเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย และต้องการเห็นการเปลี่ยนตัวนายกฯไทยว่า รัฐบาลไทยเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่งขัดต่อกฎบัตรอาเซียน กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยจึงขอเรียกร้องให้ผู้นำกัมพูชายุติการกระทำในลักษณะดังกล่าวทันที เนื่องจากการกระทำเช่นนี้มีผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างร้ายแรง และขอเรียกร้องให้กัมพูชาหันมาแก้ปัญหาโดยสันติวิธีระหว่างสองประเทศโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี