‘พล.ท.นันทเดช’ยก 3 ข้อ‘อิ๊งค์’ถวายสัตย์ฯ จับตาสำนึกจากนี้‘หยุด หรือดื้อต่อ’

2 กรกฎาคม 2568 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เรื่องการเข้าถวายสัตย์ของอุ๊งอิ๊ง ในวันพรุ่งนี้ จะทำได้หรือไม่ครับ

1.นายกรัฐมนตรี กับ รัฐมนตรี เป็น “ตำแหน่งเดียวกัน” แต่ใช้เรียกชื่อต่างกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการแยกแยะหน้าที่ในการ “ปฏิบัติงาน” ตามสายการบังคับบัญชา

2.เมื่ออุ๊งอิ๊ง มี 2 ตำแหน่ง เป็นทั้งนายกฯ และ รัฐมนตรี แต่ตำแหน่ง

นายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามทำงานชั่วคราว ในข้อหาที่บริหารงานแล้ว “อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติได้ ” (คนละข้อหากับบิ๊กตู่) 

ดังนั้นตำแหน่งรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ ก็ควรถูกห้ามตามไปด้วย เพราะตามหลักกฏหมายแล้ว “ข้อกล่าวหาที่อุ๊งอิ๊งได้รับนั้น รุนแรงเกี่ยวพันไปถึงความมั่นคงของชาติ” ดังนั้นไม่ว่าอุ๊งอิ๊งจะอยู่ตำแหน่งอะไร ที่สามารถเข้าร่วมประชุม ครม. หรือ ออกเสียงโหวตใน ครม.ได้ ก็ถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องทั้งนั้น

เพราะนอกจากข้อกล่าวหาที่อุ๊งอิ๊งได้รับแล้ว ตัวอุ๊งอิ๊งเองยังถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลชี้นำใน ครม. (ทั้งตัวเองและบิดา) และยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมือง ที่คุมเสียงส่วนใหญ่ของรัฐบาลอยู่อีกด้วย

3.ในทางกฏหมาย เมื่อ อุ๊งอิ๊งได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็น ทั้ง นายกฯ และ รัฐมนตรี

แต่ถูกศาลห้ามทำงานในตำแหน่ง นายกฯ แล้ว อุ๊งอิ๊งก็ยังมีสิทธิที่จะเข้าถวายสัตย์ฯต่อหน้าพระพักตร์ในหลวงในตำแหน่ง รัฐมนตรี อยู่เช่นเดิม เพราะ ( 1 ) เป็นเพียงพิธีการที่ บุคคลต้องปฎิบัติตามที่ได้รับโปรดเกล้าฯ  และ ( 2 ) เรื่องที่ถูกห้าม นั้นยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ของศาล ยังไม่ได้ข้อยุติ

ส่วนหลังจากการเข้าถวายสัตย์ฯแล้ว อุ๊งอิ๊ง จะวางตัวอย่างไร จะยังฝืนทำงานในตำแหน่ง รมต. ต่อไปก็ทำได้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งให้พ้นตำแหน่ง

แต่ถ้าตัวอุ๊งอิ๊งจะมีสำนึกหยุดทำงานเอง ก็จะสง่างาม

หรือจะดื้อทำงานต่อไปก็ได้จนกว่าศาลจะสั่ง ก็แล้วแต่ว่าจะทนถูกประชาชนด่าทออีกไหวหรือไม่ครับ

-005