‘กมธ.ฯสถานบันเทิงฯ สว.’เตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไขข้อสงสัยทำ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ทุกมิติ ‘หมอวี’ชี้ควรถอนร่าง-ศึกษาให้รอบด้านก่อน แนะพรรคการเมืองหากเสี้ยนทำควรบอกประชาชนตั้งแต่ตอนหาเสียง ขณะที่‘พิสิษฐ์’ยกข้อกฎหมายอาจขัดรัฐธรรมนูญ ขู่ยังฝืนเดินหน้ายื่น‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ แน่
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 3 ก.ค.68 ที่รัฐสภา นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วุฒิสภา กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะมีเจตนาจำกัดการเข้าถึงข้อมูลหรือไม่ให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา เป็นอุปสรรคต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมาธิการจึงมีมติเชิญนายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนรัฐบาลเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย ในวันที่ 17 ก.ค. นี้
นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอาจจะต้องมอบหมายให้คนอื่นปฏิบัติหน้าที่แทนแต่หากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะแสดงออกถึงความโปร่งใส และพร้อมมีความร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบของรัฐสภาก็ขอให้นายกรัฐมนตรีมาตอบ ข้อชี้แจง ใน 12 ประเด็น ดังนี้
1. รัฐมีการประเมินเป็นไปได้หรือไม่ว่ากิจการคาสิโนที่มีพื้นที่ไม่เกินร้อยละ 10 ของสถานบันเทิงครบวงจร จะสามารถสร้างรายได้สูงถึงร้อยละ 90 ของรายได้รวมทั้งหมดของโครงการตามที่มีการกล่าวมาหรือไม่
2. รัฐบาลมีการอนุญาตจัดตั้งบทคาสิโนภายในสถานบันเทิงครบวงจรจำนวน 5 แห่ง จริงหรือไม่
3.การใช้ประโยชน์ที่ดินท่าเรือคลองเตย จะเป็นการใช้ประโยชน์ที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือไม่
4. จากข้อมูลและสมมติฐานรายได้จากผู้เล่นชาวไทย ที่รัฐบาลศึกษาและเอกชนศึกษาสวนทางกันจึงอยากทราบข้อเท็จจริง
5. การกำกับดูแลและป้องกันผลกระทบ รัฐบาลจะมีแนวทางสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณะได้อย่างไรว่าผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจะไม่เกิดผลกระทบทับซ้อนและมีการดำเนินงานอย่างโปร่งใส
6.รัฐบาลมีมาตรการดูแลเจ้าหน้าที่พิเศษ อย่างไรในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคมเกี่ยวกับการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำบ่อนกาสิโน
7.รัฐบาลมีแนวทางในการกำกับดูแลตรวจสอบและป้องกันความเสียหาย การใช้อำนาจเกินขอบเขตของคณะกรรมการนโยบาย การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรอย่างไร
8.ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลมีมาตรการใดในการป้องกันไม่ให้ธุรกิจคาสิโนกลายเป็นปัจจัยซ้ำเติมสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม และอาจจะทำให้เกิดการสูญเสียเวลาและโอกาสในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการของประเทศ
9.รัฐบาลมีมาตรการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนและรอบด้านของข้อมูลคนเท็จจริงที่ใช้ในการตัดสินใจอย่างไร ซึ่งอาจจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมในการผลักดันนโยบาย
10.รัฐบาลมีเหตุผลอย่างไรที่เลือกดำเนินการ ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางสังคมภายหลังการกำหนดพื้นที่และจัดหาเอกชนมาลงทุน
11.รัฐบาลมีแนวทางใดเป็นหลักประกันว่าการเลือกพื้นที่ตั้งโครงการจะไม่ละเลยมิติทางสังคมและผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน
12. การตรวจสอบความโปร่งใสและกฎหมาย พบว่าในอดีตมีการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการจัดตั้งบ่อนคาสิโนหรือมีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า รัฐบาลมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวที่อาจขาดความเป็นกลางขาดความเชื่อมโยงของบุคคลหรือกลุ่มผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุนต่างชาติหรือไม่
อีกทั้งรัฐบาลได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการปรับปรุงชื่อร่างพระราชบัญญัติ เพื่อให้มีความตรงไปตรงมาโปร่งใสและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนหรือไม่ ดังนั้น คณะกรรมการขอย้ำว่า รัฐบาลควรดำเนินการด้วยความโปร่งใสรอบคอบและเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้การกำหนดนโยบายสำคัญครั้งนี้สอดคล้องและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนต่อไป
นพ.วีระพันธ์ กล่าวถึงการเสนอให้มีการถอนร่างฉบับนี้ออกจากการพิจาณา ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อน ว่ากรรมาธิการมีการศึกษาที่เป็นกลางและพยายามศึกษาถึงผลกระทบความเป็นไปได้ข้อดีข้อเสีย และขณะนี้กรรมาธิการยังไม่ได้มีมติ ในเรื่องการให้ถอยร่างหรือถอนร่างดังกล่าวออกไปก่อน แต่ส่วนตัว เห็นว่าอาจจะมีการนำร่างดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ซึ่งตนหวังว่าจะเข้าใจผิด ถ้านำร่างดังกล่าวเข้ามาพิจารณาจริง การศึกษายังไม่ครบรอบด้าน อยากให้มีการชะลอไว้ก่อน ถอยไว้ก่อนถ้าถอนได้ก็ดี เพราะที่มาของเรื่องเหล่านี้มาเร็วไปหน่อยตอนหาเสียงของพรรคการเมืองก็ไม่ได้มีเรื่องนี้ ถ้าเป็นไปได้โปร่งใสที่สุด คือต้องเริ่มตั้งแต่ตอนหาเสียง ประกาศนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองให้ชัดว่า เราต้องการกาสิโน ภาพประชาชนตัดสินใจเลือกเข้ามาจะไร้ข้อกังขา
ส่วนจะมาทำประชามติหรือศึกษา ต่อไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่นโยบายคาสิโนเข้ามา โดยที่ไม่มีนโยบายหาเสียงมาก่อนและตอนที่แถลงนโยบายก็ไม่ได้มีการพูดถึงกาสิโน พูดถึงแค่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เท่านั้น ฉะนั้น คาสิโนจึงมาทีหลังจะมาทำประชามติตอนนี้ ตนมองว่ากระบวนการมันผิดเพี้ยนไป ฉะนั้นถ้าถอนได้ก็ดีเพราะเรื่องนี้มาเร็วเกินไป
“จริงๆปัญหาของประเทศเรามันเยอะ เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ปัญหาปัญหาภายในภายนอกก็เยอะมากพอแล้วถ้าจะดันเข้ามาช่วงนี้คงจะไม่เหมาะสม ไม่เหมาะเลยอย่างยิ่งถ้าถอยได้ถอยไปก่อนถ้าถอนได้จะโอเคมากเริ่มต้นกระบวนการใหม่ดีกว่าถามจากประชาชนดีกว่า” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
ขณะที่นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรถอนวาระเรื่องนี้ออกจากวาระโดยเร็วและไม่ควรกลับเข้ามาอีกแล้วเพราะมีความเสี่ยงที่จะขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ในเรื่องหลักนิติธรรม เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.ฉบับนี้รวมถึงมาตรา 58 รัฐควรจะให้มีการจัดทำความคิดเห็นจากประชาชนก่อนวันนี้เรายังไม่ทราบว่าเรา จะจัดคาสิโนที่จังหวัดไหนเมืองไหนเพราะฉะนั้นส่งผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่นั้นถือเป็นการตีเช็คเปล่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงมาตรา 63 , 64 และ 65 ที่เกี่ยวกับการคอรัปชั่นการที่บอกว่าเอาการพนันใต้ดินขึ้นมาบนดินแล้ว มาเก็บภาษีการพนันจะทำให้หายไป ความเห็นส่วนตัวไม่มีวันหายแต่เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเล่นการพนันมากขึ้นจากใต้ดินขึ้นมาบนดิน
นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ส่วนมาตรา 75 รัฐต้องพัฒนาด้านวัตถุและจิตใจไม่ใช่เน้นแต่เรื่องเงินอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงประชาชนและเยาวชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นซึ่งขอเรียกร้อง อย่าบรรจุเข้าในวาระการประชุมตั้งแต่วาระ 1 หากยังไม่ยอม ตนในฐานะสมาชิกวุฒิสภาจะรวบรวมรายชื่อเพื่อจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี