'ระวี'ผอ.กองคดีฟอกเงิน DSI 1 ใน 7 อรหันต์คดีฮั้ว สว. เผยไต่สวนมากกว่า 200 ราย จ่อส่ง กกต.พิจารณากลางเดือนกรกฎาคมนี้ ยันส่งสำนวนคดีฮั้ว สว.ถึง'ประธาน กกต.'ได้ภายในปี 68

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏเส้นทางการเงินเชื่อมโยงโอนเงินในลักษณะเครือข่ายที่มีการจ้างผู้สมัครสว.ใน 3 จังหวัด รวมถึงเส้นทางการเงินเกี่ยวพันกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 24 จังหวัดนั้น

ล่าสุด วันนี้ (7 ก.ค.) ที่กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานข้อมูลการสืบสวนของดีเอสไอ เรื่องเส้นทางการเงิน รวมไปถึงรายการเดินบัญชี (Statement) มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ากลุ่มพยานที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินอาจจะมีจำนวนมากกว่า 100 รายนั้น ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก

เนื่องจากสเกลที่ดีเอสไอรับผิดชอบสอบสวนนั้นเป็นเรื่องของการฟอกเงิน ซึ่งขอบเขตความรับผิดชอบจะใหญ่กว่าในส่วนที่ กกต.ดำเนินการ จึงย้ำว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ คู่ขนานไปกับการให้ความเป็นธรรมกับพยาน เราจึงจะได้ข้อสรุปว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยว หรือมีมูลหนี้ใด

เมื่อถามคืบหน้านายระวี ในฐานะเป็นกรรมการ 1 ใน 7 คณะอนุกรรมการสืบสวน และไต่สวน ของกกต.นั้น นายระวี กล่าวว่า ทางคณะอนุกรรมการฯ เตรียมที่จะสรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งให้กับสำนักงาน กกต.ในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.สว 61 ทราบว่าสำนวนคดี พ.ร.ป.สว.61 (คดีฮั้ว สว.) ใกล้จะเสร็จสิ้น และจะส่งให้ กกต. ภายในกลางเดือนกรกฎาคมนี้ เบื้องต้นรวมแล้วมีผู้เกี่ยวข้องในสำนวนมากกว่า 200 ราย แต่ผู้เกี่ยวข้องอื่นอาจยังมีเพิ่มเติม ซึ่งอาจต้องขอแยกสำนวนของ กกต. มิฉะนั้นอาจสรุปสำนวนไม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติของทาง กกต.

ต่อข้อถามสำนวนคดีฮั้ว สว.ที่คณะอนุกรรมการสืบสวน และไต่สวนรับผิดชอบอยู่นั้น จะถูกส่งถึงมือนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ภายในปี 2568 หรือไม่ นายระวี กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลา มั่นใจว่าดำเนินการทันอย่างแน่นอน

ขณะที่ในส่วนทางสำนวนคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงินนั้น นายระวี กล่าวว่า เป็นการกระทำผิดในส่วนของกฎหมายอั้งยี่-ฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ก็ต้องดำเนินการต่อไป ไม่จำเป็นจะต้องสรุปสำนวนในเวลาใกล้เคียงกัน เพราะมันเป็นกฎหมายคนละฉบับกัน