คณะกลุ่มสว.สำรอง ครบรอบ 1 ปี เลือกสว. ร่วมกดดันกกต.ค้านตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยพิจารณากลั่นกรองคดี ก่อนเสนอที่ประชุมใหญ่กกต. 'พล.ต.อ.คำรบ'จี้กกต.ทำคำวินิจฉัยส่วนตนให้ทราบเหมือนตลก.ศาลรธน. ระบุอาจต้องใช้ในการขึ้นศาลในอนาคต พร้อมเชื่อว่ากกต.2 คนหมดวาระสิงหาคมนี้จะรักษาการต่อไปจนกว่าได้กกต.ใหม่ ไม่เป็นปัญหาพิจารณาคดีฮั้วเลือกสว.
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2568 ที่สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว สว.สำรอง และกลุ่มสว.สำรอง รวมทั้งผู้สมัครสว.ประมาณ 40 คน ได้เดินทางมาเพื่อตามทวงถามความคืบหน้าคดีฮั้วเลือกสว.เนื่องจากนับจากวันเลือกสว.ครบ1 ปี โดยกลุ่มสว.สำรองและคณะได้อ่านแถลงการณ์เนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมาและคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประกาศรับรองผลการเลือกไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2567 และต่อมามีการร้องเรียนกล่าวหา มากมายว่าไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน กลางชุดที่ 26
ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมเป็นคณะกรรมการฯรวม 7 คน โดยได้มีการสืบสวนไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมากมายจนมีหนังสือแจ้งผู้เกี่ยวข้องเข้ารับทราบ และแก้ข้อกล่าวหาหลายครั้งรวมเกือบ 200 คน ตามข้อมูลข่าวที่สื่อมวลชนต่างๆ นำเสนออย่างกว้างขวาง บัดนี้ ได้ทราบข่าวว่าคณะกรรมการดังกล่าว จะสรุปความเห็นเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้
พล.ต.อ.คำรบ ได้อธิบายประกอบภาพว่า มีทั้งพยานหลักฐาน และพฤติกรรมทั้งหมด ซึ่งมีทั้งบุคคล และหมายเลขที่กำหนด เส้นเงิน และการประมวลผลจาก AI ซึ่งทราบเบื้องต้นว่า คณะกรรมการฯ ชุดที่ 26 มีบุคคลอย่างน้อย 200 คนที่ถูกมาเรียกเข้าให้ข้อมูลแล้ว ซึ่งพบว่ามี 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มผู้บริหารพรรคการเมือง 2.กลุ่มนักการเมืองที่เป็นผู้ระดับปฏิบัติการ 3.กลุ่มผู้สมัครสว. และ 4.กลุ่มผู้สมัครพลีชีพ
ทั้งนี้ เมื่อมีการสรุปสำนวนจะเสนอให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเพื่อกลั่นกรองสำนวน ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติของกกต. แต่กรณีนี้เนื่องจากกกต. ได้ทราบความปรากฏมาตั้งแต่ที่ดีเอสไอได้รายงานเรื่องให้ทราบเมื่อวันที่ 3 ก.พ.แล้ว หลังจากนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน ชุดที่ 26 ขึ้นมา โดยระหว่างนี้ที่มีการไต่สวนได้มีการทำความเห็นเสนอความเห็นชอบต่อกกต.มาโดยตลอด
ดังนั้น ในการดำเนินการ จึงถือว่ากกต.ได้รับรู้และได้รับทราบกระบวนการสืบสวนและไต่สวนมาตามลำดับ นอกจากนี้คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีผู้ทรงคุณวุฒิหลายคน ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ที่ผ่านมาล้วนผ่านการรับรู้ และรับทราบของคณะทำงาน กกต. มาแล้วทั้งสิ้น
พล.ต.อ.คำรบ กล่าวอีกว่า จึงอยากฝากกกต.ว่า ความจริงท่านรู้ท่านเห็นมาโดยตลอดจึงไม่จำเป็นต้องเสนอเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยก่อนจะเสนอต่อที่ประชุมกกต.ชุดใหญ่ เพื่อที่จะประวิงหรือถ่วงเวลาในเรื่องนี้อีก เพราะทราบว่ามีกระบวนการของผู้ที่กระทำความผิดพยายาม ที่จะดึงเรื่องให้ตั้งคณะกรรมการอนุกรรมวินิจฉัย ประมาณ 30-40 คน ซึ่งยากที่จะหาเวลา สรุปได้ในเวลา ภายใน 3- 4 วัน จึงมองเจตนาในเรื่องนี้เพื่อหวังที่จะดึงเวลา ให้สว.ชุดปัจจุบันตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามที่ปรารถนาหรือเล็งอยู่
เพราะฉะนั้น ทางสว. สำรอง จะทำหนังสือเสนอถึงกกต.ว่า ไม่ต้องผ่านความเห็นจากคณะอนุกรรมการวินิจฉัย เนื่องจากกรณีนี้กกต.ได้ทราบความปรากฏตั้งแต่ DSI ได้รายงานให้กกต.ทราบเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในระหว่างการไต่สวนและรวบรวมพยานของคณะกรรมการชุดที่ 26 กกต.ได้รับรู้และรับทราบ กระบวนการไต่สวนและสืบสวนมาตามลำดับโดยตลอด
“ที่ผ่านมาการทำงานของคณะทำงานกกต.จะมีการแจ้งผลเพียงว่ายกคำร้อง มีมูลหรือไม่มีมูล โดยไม่ได้แจ้งรายละเอียดเหตุผลประกอบแต่อย่างใด จึงขอให้มีการทำคำวินิจฉัยของกกต.แต่ละท่าน เป็นคำวินิจฉัยส่วนตน ประกอบการพิจารณาให้รับทราบด้วย หวังว่าจะให้มีแนวปฏิบัติเช่นเดียวกันกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการทำคำวินิจฉัยรวม เนื่องจากเห็นว่ากรณีการเลือกการฮั้วเลือกสว.นี้ถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์ สะท้านโลกในครั้งนี้ รวมทั้งอาจจะมีความจำเป็นที่พวกเราอาจจะต้องใช้ เป็นหลักฐานในการขึ้นศาลต่อไปในอนาคต” พล.ต.อ.คำรบ กล่าว
ต่อข้อถามว่าคาดหวังจากกรณีที่กรรมการจาก DSI ซึ่งเป็น 1 ในคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ของกกต. ระบุว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้ กกต. ได้ภายในกรกฎาคมนี้นั้น พล.ต.อ.คำรบ กล่าวว่า จากการที่ได้ติดตามการทำงานและทราบว่ามีพยานหลักฐานและรวบรวมข้อมูลได้สมบูรณ์พอสมควรแล้ว และเวลาก็ประจวบเหมาะจะครบ 1 ปีแล้ว ทราบมาว่าจะสรุปสำนวนเสนอส่งไปถึงกกต.ได้ภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 ได้มีการตั้งคณะกรรมการฯเพิ่มอีก 10 ท่าน รวมเป็น 17 คน จากเดิมที่มี 7 ท่าน ซึ่งมีบางท่านพยายามตั้งประเด็นความเห็นว่าเรื่องของพยานหลักฐานที่จะโยงไปถึงบุคคลบางกลุ่มบางพวกนั้น มีความชัดเจนเพียงใด ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า บางท่านเข้ามาร่วมใหม่ในภายหลัง จึงอาจจะทำให้ต้องเสียเวลาไปอธิบาย แต่โดยรวมแล้วตนเชื่อมั่นในพยานหลักฐานทั้งหมด น่าจะมีความคืบหน้าสรุปสำนวนส่งกกต.ได้ภายในสัปดาห์นี้
เมื่อถามว่ากรณีกกต. 2 ท่านจะครบวาระในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งรวมประธานกกต.ด้วย จะส่งผลต่อการพิจารณาคดีนี้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.คำรบ กล่าวว่า ตนเองเห็นว่ากกต.ทั้ง 2 ท่านเป็นผู้มีวุฒิภาวะและเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งแม้จะมีข้อมูลมาก่อนหน้านี้ว่าท่านจะลาออกก่อนนั้นครบวาระ แต่ตนเชื่อว่าโดยวิจารณญาณที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง
ซึ่งขณะนี้บ้านเมืองเรียกว่าอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งปัญหานอกประเทศและเศรษฐกิจ ปัญหาต่างๆของประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าทุกปัญหานั้นมีปัญหาการเมืองเป็นต้นทางของปัญหาทุกเรื่อง และ ปัญหาสว.ก็เป็นหนึ่งในปัญหานั้น จึงเชื่อว่ากกต.ทั้ง 2 ท่านจะช่วยอยู่ประคับประคองไม่ลาออกตามเสียงร่ำลือ แม้จะครบวาระในเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ ตามกฎหมายระหว่างที่มีการรอกรรมการ กกต .ท่านใหม่มารับตำแหน่ง ท่านก็ยังคงสามารถรักษาการต่อไปได้เรื่อยๆจนกระทั่ง มีกกต.ใหม่มารับตำแหน่ง ดังนั้น ถ้าท่านไม่ด่วนตัดสินใจหนีปัญหาเฉพาะตัวไปก่อน คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี