มติปปช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง
เชือด‘แพทองธาร’
ปมคลิปเสียงคุย‘ฮุนเซน’
‘สุชาติ-ประภาศ’องค์คณะ
‘หมอมิ้ง’ป้อง‘อิ๊งค์’บริสุทธิ์
พร้อมเป็นพยานในศาลรธน.
ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “นายกฯอิ๊งค์”ปมคลิปเสียงเจรจา“ฮุนเซน” ด้าน“หมอมิ้ง” แจงคดีคลิปเสียงยัน“อิ๊งค์”เจตนาปกป้องผลประโยชน์ชาติ ชี้“ฮุนเซน”ไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาล และไม่ได้รับปากอะไรเลย หวังใช้ข้อเท็จจริงสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญ ลั่นมี 3 คนอยู่ในเหตุการณ์ พร้อมเป็นพยาน ไม่ตอบ“วิษณุ”นั่งประธานทีมกฎหมายสู้คดีหรือไม่ “ภูมิธรรม”โยนถามนายกฯ ขยายเวลาอีก 15 วัน แก้ข้อกล่าวหาคลิปเสียง เชื่อหากคดีชัดเจน ความนิยมสูงขึ้น หลังโพลจี้ลาออก-ยุบสภา ‘สอท.’ส่งสำนวนคลิปเสียงถึง’อสส.’ผิดมากกว่า1คน จ่อหมายจับอินเตอร์โพล
เมื่อวันที่ 14กรกฎาคม2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติเอกฉันท์แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน กรณี น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม กระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา โดยมี นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุขประธาน ปปช.และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ปปช.ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวนด้วย โดย ก่อนหน้านี้ ปปช.กำหนดให้ดำเนินการตรวจสอบภายใน 10วัน ให้ถอดเทปเสียงพร้อมแปลภาษากัมพูชาอย่างถูกต้อง สอบพยานที่เกี่ยวข้องและศึกษาข้อกฎหมายโดยเทียบเคียงกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
ปปช.มีมติสอบคลิปเสียงอิ๊งค์-ฮุนเซน
นอกจากนี้ ปปช.จะตรวจสอบควบคู่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องในกรณีของ น.ส.แพทองธาร ไว้พิจารณาแล้วหรือไม่ โดยหากผลตรวจสอบพบว่า มีมูล ก็จะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนโดยองค์คณะกรรมการ ปปช.หากจำเป็นอาจใช้คณะกรรมการเต็มชุดเข้าดำเนินการ ทั้งนี้ คำร้องเรื่องจริยธรรมนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีสมาชิกวุฒิสภาร่วมลงชื่อและนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ลงนามส่งถึง ปปช.แล้ว พร้อมส่งเรื่องเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า สถานะนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ จากการกระทำดังกล่าว
สำหรับคดีนี้จะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนตามขั้นตอน หากพบข้อเท็จจริงว่า มีมูล อาจนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาและเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ก่อนที่ ปปช.จะพิจารณาชี้มูลความผิดหรือไม่ต่อไป คดีนี้มีต้นเรื่องจากการที่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ลงนามส่งหนังสือกล่าวหาไปยัง ปปช.เมื่อวันที่ 20มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมี คณะสว.ร่วมลงชื่อ กล่าวหาว่า น.ส.แพทองธาร อาจกระทำการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือ อาจเข้าข่ายเจตนาปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย วันเดียวกันนั้น นายมงคล ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ทั้งนี้ การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และ ปปช.เป็นกระบวนการคู่ขนานกัน หากผลการไต่สวนของ ปปช.ชี้มูลว่า มีการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง จะส่งฟ้องไปที่ศาลฎีกาต่อไป
‘หมอมิ้ง’แจง’อิ๊งค์’เจตนาปกป้องชาติ
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม จะเลื่อนชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะครบกำหนด 15วัน หลังศาลรับพิจารณาคดีปมคริปเสียงและสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการอยู่ ถ้าไม่ทันก็ต้องขอเลื่อน เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวตั้งให้ นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ มาเป็นประธานทีมกฎหมายของนายกฯ เพื่อสู้คดีหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า วันนี้ข้อเท็จจริงต้องมาก่อน ซึ่งทุกคนที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ที่มีข้อคิดเห็นหรือข้อแนะนำดีๆ เราก็รับฟังหมด ถามว่า จะใช้ประเด็นไหนในการสู้คดี นพ.พรหมินทร กล่าวว่า ความเป็นจริง เจตนาเพื่อจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และการสื่อสารที่ชัดเจน รวมถึงกระบวนการที่ผ่านมา ทั้งนี้ เขา (สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา) ใช้ประโยชน์จากวิธีการต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่น เอาคลิปสนทนาส่วนตัวเข้ามาเผยแพร่ แต่ทั้งนี้หากฟังในเนื้อหา จะเห็นว่าเจตนาทั้งหมด เป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ด้วยวิธีการสื่อสารกับคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล
ไม่ทำเสียหาย-ไม่ใช่ตัวแทน’เขมร’
เมื่อถามถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯระบุว่า นายกฯมีเจตนาที่บริสุทธิ์และถูกหลอกให้อัดเสียง ถือเป็นข้อต่อสู้ในศาลได้ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ นายกฯ ถูกติดต่อมา และถูกเลื่อนนัด 2-3ครั้ง ซึ่งนายกฯไม่สบายใจที่จะต้องคุย ก็เลยติดต่อมาที่ตนและตนได้เชิญ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย, รมว.ต่างประเทศ เข้าไปนั่งฟังด้วย ซึ่งระหว่างเจรจา นายฮวด ล่ามแปลภาษาของสมเด็จฮุน เซน ก็บอกว่า เขาจบไม่ได้ ต้องหารือสมเด็จฮุน เซน ก่อน ก็เลยต่อสายไปที่สมเด็จฮุน เซน เราก็นั่งรอและเขาก็ถ่ายภาพ สมเด็จฮุน เซน ที่กำลังนอนหลับ ส่งมาให้เรา ฝ่ายเราก็แจ้งให้ปลุกขึ้นมา เพราะนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เขาไม่ได้ทำตาม สิ่งที่สำคัญคือ สมเด็จฮุน เซน ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล เมื่อถามว่า กรณีไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล จะใช้เป็นข้อต่อสู้ใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเห็นเจตนาว่า นายกฯ คำนึงถึงการคุยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม แม้แต่การรับสายส่วนตัว และคุยนอกเวลางาน ซึ่งในการต่อสายครั้งนั้นนายกฯ ไม่ได้รับปากอะไรเลย เพียงแต่บอกว่า จะไปหารือและจะกลับมาคุยในตอนเช้า แต่ปรากฏว่า เขาเอาคลิปมาเผยแพร่ในช่วงที่เราประชุมอยู่บ้านพิษณุโลก เรายืนยันเจตนา ที่สำคัญหารือใกล้ชิดกับผู้เกี่ยวข้องตลอดเวลา โดยเฉพาะกองทัพ ไม่ได้มีอะไรอย่างที่เขากล่าวหา
ปธ.ศาลรธน.ยันขอขยายเวลาชี้แจงได้
นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า หากนายกรัฐมนตรีขอขยายระยะเวลาการชี้แจงก็สามารถขยายได้ ส่วนจะขอกี่ครั้ง หรือระยะเวลาเท่าไหร่นั้น ขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมก่อน แต่อย่างน้อยสามารถขอขยายระยะเวลา 1ครั้งได้อยู่แล้ว
‘อ้วน’โวความจริงปรากฎคะแนนดีขึ้น
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นของนิด้าโพลที่อยากให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภา เพื่อหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่า ผลโพลเป็นทัศนะความเห็นของประชาชน เรารับฟัง แต่กระบวนการเป็นวิถีทาง ที่มีความชัดเจนชัดเจนหากศาลตัดสินใจแล้วก็ต้องเป็นไปตามนั้น ดังนั้น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการ ที่นายกรัฐมนตรีกำลังแก้ข้อกล่าวหาและกำลังต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมอยู่ ตนมองว่าผลโพลอยู่ที่กระบวนการและปัญหาต่างๆและท่าทีที่นายกรัฐมนตรีกำลังเข้าสู่กระบวนการ ก็เกิดความรู้สึกได้ ทุกคนก็ทราบว่าที่ผ่านมาในรายละเอียดผลโพลก็เปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ที่ชัดเจนก็ไม่ต้องทำอะไร นายกรัฐมนตรีเข้าสู่กระบวนการทำข้อเท็จจริงให้เกิดขึ้น
“เชื่อว่า ถ้าได้ทราบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนแล้ว นายกรัฐมนตรีน่าจะได้รับคะแนนความนิยมสูงขึ้นได้ เพราะว่าเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดท่านยังไม่ได้มีข้อเสียหายอะไรนอกจากเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แล้วแต่จะพิจารณามองได้สองแบบ ถ้ามองในฐานะที่ท่านทำหน้าที่ มองทัศนคติเรื่องนี้ได้หลายแบบถ้าใช้สติ ตนว่าน่าจะเข้าใจมากขึ้น และต้องให้กระบวนการยุติธรรมว่าไป”นายภูมิธรรม ย้ำ
ไม่รู้นายกฯขอขยายเวลาศาล15วัน
นายภูมิธรรม ยังระบุถึงการแก้ข้อกล่าวหาคดี ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ปม คลิปเสียงสนทนา กับ สมเด็จฮุนเซน เข้าใจว่า น่าจะขยายเวลาไปอีก 15วัน เพื่อแก้ข้อกล่าวหา แต่ตนไม่แน่ใจ เหตุผลและรายละเอียด ต้องสอบถามนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานได้มีโอกาสพูดคุยกันเล็กน้อย ส่วนจะใช้ทีมกฎหมายเดิมหรือไม่ หรือทีมใหม่เพราะที่ผ่านมาเวลาสู้คดีพรรคเพื่อไทยไม่ค่อยประสบความสำเร็จ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าเกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพของทีมกฎหมายหรือปัจจัยอื่นและยังไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนทีมหรือไม่ ต้องถามนายกรัฐมนตรี
สอท.ส่งสำนวนคลิปเสียงถึง’อสส.’
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี1 (ผบก.สอท.1) นำสำนวนการสอบสวนคดีคลิปเสียง นายฮุน เซนประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 50หน้า ให้อัยการสูงสุดพิจารณา พร้อมมีความสมควรสั่งฟ้อง นายฮุนเซน ต่อศาลอาญา โดยมีนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับสำนวน
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ผบก.สอท.1กล่าวว่า กรณีที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนบก.สอท.1เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Samdech Hun Sen of Cambodia”ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม กับ สมเด็จฯ ฮุน เซน โดยเห็นว่า อาจเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรและความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้อง สำหรับผู้กระทำความผิดเป็นแอดมินเพจมากกว่า1คน ส่วนสมเด็จฮุนเซนฯ เป็นผู้กระทำผิดร่วมด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องอยู่ในสำนวนการสอบสวน
‘ฮุนเซน’ไม่มาศาลขอออกหมายแดง
ด้าน นายศักดิ์เกษม กล่าวว่า ขั้นตอนของอัยการสูงสุด หลังจากรับสำนวนแล้ว อัยการสูงสุดจะส่งสำนวนให้สำนักงานอัยการสอบสวนเพื่อพิจารณาสำนวนคดีว่า ความผิดนี้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา20 เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรหรือไม่ หากเห็นว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร จะส่งความเห็นให้อัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีนอกจากราชอาณาจักรตามกฎหมาย หรือให้อัยการสูงสุดมอบหมายให้ตั้งพนักงานสอบสวนคนใดคนหนึ่ง หรือพนักงานอัยการเข้าร่วมสอบสวน ซึ่งหลังการสอบสวนจัดส่งสำนวนกลับมาให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่า คดีมีมูลพอฟ้องหรือไม่ หากคดีมีมูลพอฟ้องจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญา จากนั้นหากจำเลยไม่มาปรากฏตัวที่ศาลจะต้องมีการขอออกหมายจับจากอินเตอร์โพลตามขั้นตอนต่อไป
‘ศรีสุวรรณ’ร้อง กกต.สอบ’สทร.’
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เดินทางมายื่นคำร้องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองและกกต.ไต่สวนสอบสวนกรณีที่ นาย สทร.ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกพรรคการ เมืองใดและกรณีพรรคการเมืองบางพรรคยินยอมให้นาย สทร.ซึ่งมิใช่สมาชิกของพรรค กระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อม อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 และหรือมาตรา 29 แห่ง พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคยินยอมให้อดีตนักโทษชายที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาในข้อหาทุจริตหรือใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายรวม 3 คดี และเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกในข้อหาทุจริตหรือใช้อำนาจขัดต่อกฎหมาย ต้องห้ามตามกฎหมายพรรคการเมือง (มาตรา 24(2)) มาแล้ว มากระทำโดยเปิดเผยอย่างมากมายหลายต่อหลายครั้ง ที่แสดงให้เห็นว่า นาย สทร.น่าจะครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองนั้น หรือสมาชิกพรรคการเมืองนั้นๆขาดความอิสระ ทั้งโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อม อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 28 และหรือมาตรา 29 แห่ง พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งมีบทลงโทษพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนตามมาตรา 92(3) เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการ เมืองดังกล่าวได้ ส่วน นาย สทร.ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่มีพฤติกรรมควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรคการเมืองไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 108 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1แสนบาท ถึง2แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และศาลอาจสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งได้
พท.ยันไร้ครอบงำ-สั่งการ-แทรกแซง
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานสส.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่เคลื่อนไหวจนถูกมองครอบงำพรรคพท.และมีผู้ไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า เป็นปกติ นายทักษิณ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ ครั้งหนึ่งเคยแก้ไขปัญหาที่มีการกู้เงินสารพัดในอดีต ทั้งแก้ไขวิกฤตต้มยำกุ้งก็สามารถใช้หนี้ได้ก่อนกำหนด การเข้าบ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่11ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเชิญไปให้แนะนำ ไม่ใช่สั่งการ หากแทรกแซงก็คือสั่งการ ถ้าตนมาประชุมสภาฯแล้ว นายทักษิณ โทรมาสั่งอย่างนั้นอย่างนี้ นี่คือ นายทักษิณ สั่งการ คนที่เคยประสบความสำเร็จ อาจมีแนวทางการเจรจา เคยเป็นนายกฯมา10ปี เป็นนักธุรกิจเต็มตัว ก็สามารถเจรจาดีลกับทั่วโลก เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง
อ้างคนมีความรู้มาช่วยต้องขอบคุณ
“อย่ามาอคติต่อกัน ใครมีความรู้ความสามารถอะไรที่จะช่วยประเทศชาติบ้านเมืองไว้ได้ ก็ควรจะทำ ต้องกราบขอบพระคุณด้วยซ้ำไป ไม่ใช่คุณมา ผมร้องทุกเรื่อง มันก็ไม่ใช่ ประเทศจะเดินหน้าได้อย่างไร ถ้าทุกอย่างทุกวันมีแต่เรื่องร้อง ต้องดูเจตนาว่า อย่างไร ถ้าเป็นประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองก็ต้องร่วมมือ ฉะนั้นอคติส่วนตัววางไว้ก่อน เอาประเทศชาติบ้านเมืองไปก่อนสำคัญที่สุด ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะ นายทักษิณ ไม่ได้สั่งการ เป็นการเชิญมาให้ความรู้ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร” นายวิสุทธิ์ กล่าว
มั่นใจ‘อิ๊งค์’ไม่โดนอุบัติเหตุทางการเมือง ขวางดึง ‘คนนอก’ เข้ามา ยันมีแคนดิเดตในพรรค จะเสนอคนอื่นทำไม ขอทุกคนจับมือสร้างความแข็งแกร่งให้ชาติ
เชื่อไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง
นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงผลสำรวจนิด้าโพล ที่ระบุให้นายกรัฐมนตรีลาออกและสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ มาเป็นนายกฯแทนว่า ตนไม่เข้าใจว่า โพลถามอย่างไร แต่เราก็รับฟัง แต่ในข้อเท็จจริง สส.ที่กลับมาจากต่างจังหวัดก็มาเล่าให้ฟังว่า ยังสนับสนุน น.ส.แพทองธาร อยู่และที่ตนทราบมาคือขั้นตอนการเลือกนายกฯ ที่วันนี้ยังเป็นน.ส.แพทองธาร หากเกิดอุบัติเหตุก็ยังมี นายชัยเกษม นิติสิริและแคนดิเดตนายกฯอีกหลายคน ไม่ใช่ไปดึงคนนอกเข้ามา ในระบอบประชาธิปไตยขั้นตอนมีอยู่ อย่าข้ามขั้นตอนไปไกล อีกทั้งพล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นองคมนตรีอยู่ ไม่ควรไปดึงท่านลงมาตนถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานมา 9 ปีก็พอสมควรแล้ว ย้ำว่าไม่ทราบว่า ผลโพลจะถามหรือชี้นำอย่างไร แต่ขอไม่ไปวิจารณ์ เมื่อถามว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับน.ส.แพทองธาร พรรคเพื่อไทยจะเสนอนายชัยเกษม ไม่ใช่พรรคร่วมพรรคอื่น ใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า“แน่นอนอยู่แล้ว เป็นข้อเท็จจริง เรามีแคนดิเดตอยู่ในพรรค จะไปเสนอคนอื่นทำไม แต่ผมคิดว่า ไม่มีอุบัติเหตุอะไร เพียงแค่มีการคิดและคาดการณ์ไปไกล” นายวิสุทธิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี