“ภูมิธรรม”ของขึ้น บอกไม่สบายใจ ปมสหรัฐฯตั้งเงื่อนไขขอใช้“ทับละมุ”จ.พังงา ตั้งฐานทัพแลกดีลภาษีทรัมป์ ย้ำชัด ไม่เคยคุยกับสหรัฐ จวกคนเสนอข่าว ทำประเทศเสียหาย ฉะอย่าไปเต้าเขียนข่าว ทำประเทศเสียหายมาก ด้าน ‘บิ๊กเล็ก’โต้ข่าวมะกันขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เป็นหนึ่งในเงื่อนไขเจรจาภาษีทรัมป์ ยันกลาโหมยังไม่ได้รับการติดต่อ ลั่นทุกรบ.ยึดนโยบายมั่นคงสมดุล

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวสหรัฐฯขอใช้ตั้งฐานทัพที่ทับละมุ จ.พังงาว่า เรื่องนี้ตนไม่สบายใจอย่างมาก ซึ่งตนพูดชัดเจนไปแล้วที่กระทรวงมหาดไทย ที่มีผู้สื่อข่าวมาสอบถามว่า เรื่องนี้อยู่ในข้อเสนอของสหรัฐหรือไม่ ตนบอกไปชัดเจนว่า ไม่เคยคุยกับสหรัฐเรื่องนี้ และไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ ซึ่งเรื่องท่าเรือทับละมุนั้น ตนบอกไปว่า เป็นที่ของกองทัพเรือ และเขาอยากมีตรงนี้ เพราะมีท่าเรือเฉพาะฝั่งอ่าวไทย หากสามารถมีที่ฝั่งอันดามันได้ ก็อยากมีเพราะมีกองเรืออยู่หนึ่งแห่ง จึงบอกไปว่าต้องดูรายละเอียด เพราะต้องใช้งบประมาณ และยืนยันว่าไม่ได้คุยเรื่องนี้กับสหรัฐ แต่กองทัพเรือเขาคงมีแผน เพราะว่ามาคุยกับตน แต่กลับบอกว่าตนเป็นผู้ยืนยันว่าเรื่องนี้อยู่ในข้อเจรจาการค้า

“ผมอยากให้การเสนอข่าวใช้ความระมัดระวัง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ ประเทศจะเสียหาย เป็นเรื่องที่ผมไม่สบาย และไม่อยากให้เกิดอย่างนี้อีก หากเอาข่าวลือมาถามผม ผมสามารถตอบได้ แต่ถ้าบอกว่าผมไปพูดแบบนี้ ผมเสียหายมาก ประเทศเสียหายมาก เรื่องนี้ไม่สมควร ถ้ามีอีกผมก็จะไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว ผมเป็นคนยินดีให้ข้อมูล เท่าที่ผมรู้มาตลอด แต่ขอเถอะ อย่าไปเต้าเขียนข่าว” นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวที่สหรัฐฯขอตั้งฐานทัพเรือในพื้นที่ จ.พังงา เป็นหนึ่งในเงื่อนไขเจรจาภาษีกับสหรัฐฯว่า กระทรวงกลาโหมยังไม่ได้รับการติดต่อมา เห็นจากการนำเสนอของสื่อ ยืนยันว่าไม่ใช่หนึ่งในเงื่อนไขที่สหรัฐฯยื่นให้กับไทยในการเจรจาเรื่องภาษีและการค้า ยังไม่มีการพูดคุยเจรจากันเลย เมื่อกระทรวงกลาโหมไม่รับทราบ ก็ไม่ทราบว่าจะมาจากทางไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสหรัฐฯต้องการมาตั้งฐานทัพในไทย ต้องทำตามกระบวนการเช่นไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า นอกจากตนเคยรับราชการในกองทัพบก และเคยเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นโยบายที่ทุกรัฐบาลยึดถือมาตลอดเรื่องความมั่นคงคือ นโยบายสมดุล