ปิดประตูหวนจูบปาก‘เพื่อไทย’

‘อนุทิน’ฉะ‘แม้ว’

โวยภท.ถูกจ้องล้างบางมาตลอด

พท.ดินเนอร์พรรคร่วม22ก.ค.

‘อิ๊งค์’ยื่นขอขยายเวลา15วัน

ชี้แจงศาลรธน.ปมคลิปเสียง

“อิ๊งค์”ยังอุบ!ปมป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน คดีคลิปเสียง “หมอมิ้ง”เผย“อิ๊งค์”ยื่นศาลรธน.ขอขยายเวลาคำชี้แจงปมคลิปเสียงสนทนา“ฮุนเซน”ออกไป 15 วัน อ้างทำคำชี้แจงไม่ทัน แกนนำเพื่อไทย โต้ปัด “ทักษิณ”ครอบงำพรรคร่วม“อนุทิน”สวนเดือด ย้อน“ทักษิณ”ผิดตรงไหน เล่นการเมืองอยากเป็น‘นายกฯ’หลังปูด‘ลูกชาย’ประกาศพ่อจะเป็นนายกฯในอีก3เดือน ลั่นมีแต่พ่ออยากให้ลูกเป็นนายกฯ ยันปิดประตูหวนจูบปาก‘เพื่อไทย’ ย้ำเดินคนละแนวทางแล้ว ปัดเล่นตัว มีแต่โดนเล่น ไม่กังวลลือ เช็คบิลคดีฮั้วสว. มั่นใจไร้ผิด โอดภท.ถูกดิสเครดิตตลอด เชื่อพรรคมีศักยภาพ มีอนาคต เลยถูก‘เจาะยาง’ ลั่นจ้องล้างบาง‘สีน้ำเงิน’ระวังโดนก่อน ‘เพื่อไทย’โต้’ภท.ปัด ไล่หนูซื้องูเห่า วอนอย่าตี’ขายชาติ’ เพราะ’อุ๊งอิ๊ง’ กำลังสู้ในศาล

เมื่อเวลา 12.12 น.วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รับองค์คณะไต่สวนคดีคลิปสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และกระแสจะตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ มาช่วยดูเรื่องข้อกฎหมายในการต่อสู้คดี โดยนายกฯ ได้เพียงยิ้มๆแต่ไม่ตอบคำถามดังกล่าวและเดินออกไปทันที

‘อิ๊งค์’ยื่นขยายเวลา15วันแจงคลิปเสียง

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมในวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาคำร้องของ สว.ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาซึ่งก่อนหน้านี้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวว่า เมื่อสักครู่ ได้ส่งคำขอขยายระยะเวลาไปยังศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว เพื่อขอขยายเวลาอีก 15 วัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา

เมื่อถามว่าการขอขยายเวลาในครั้งนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้เหตุผลว่าอย่างไร นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า โดยปกติเรื่องนี้เป็นสิทธิ์อยู่แล้ว เพราะทำคำชี้แจงต่างๆ ยังไม่ทัน

‘อ้วน’ไม่เกี่ยว‘แม้ว’ครอบงำ6พรรค

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะชงเรื่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม กรณีเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งถือเป็นบุคคลภายนอกพรรคการเมือง เข้าข่ายครอบงำพรรคการเมือง และหากพบความผิดจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ วันที่เกิดเหตุตนอยู่คาซัคสถาน และทราบเรื่องศาลมีคำวินิจฉัยถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐาก็ได้โทรหาตนให้เดินทางกลับประเทศทันที ตนจึงได้ทำหน้าที่พบเพียงนายกรัฐมนตรีของคาซัคสถานเท่านั้น ส่วนเรื่องอย่างอื่นไม่เกี่ยว ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ

‘สรวงศ์’โต้ไม่ได้‘ทักษิณ’ครอบงำ

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จะชงเรื่องให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ยุบ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมกรณีเข้าพบนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เข้าข่ายครอบงำพรรคว่า ไม่มีครอบงำได้ ประสบการณ์การเป็นผู้นำและ ประสบการณ์ทำงานของนายทักษิณ ทุกคนก็เห็นอยู่ ท่านมีประสบการณ์นอกประเทศถึง 17ปี หลายคนจึงมีความเคารพ และให้เกียรติในการขอคำปรึกษาหารือ แต่ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งที่นายทักษิณพูดแล้ว จะมาครอบงำพรรคร่วมรัฐบาล เป็นไปไม่ได้เลย ส่วนข้อกล่าวหานี้มีมาตลอด นักร้องก็เป็นแบบนี้

เมื่อถามว่าจะชี้แจงสังคมอย่างไรตอนที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯหลุดจากตำแหน่ง แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก็เดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า นายสรวงศ์ หัวเราะ กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นบุคคลที่หลายคนให้ความเคารพ ซึ่งตนคิดว่าเราต้องดูข้อเท็จจริงมากกว่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีการครอบงำ และไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนพูด

ปัด กกต.เรียก‘เพื่อไทย’เข้าชี้แจง

เมื่อถามว่าทางกกต.ได้เรียกแกนนำพรรคเพื่อไทยเข้าไปชี้แจงบ้างหรือไม่ เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้ผ่านตนแน่นอน เมื่อถามว่าการปรากฏตัวของนายทักษิณในสถานที่ต่างๆจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การเมืองที่ไม่ค่อยดีในขณะนี้หรือไม่ นายสรวงศ์ ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่าก็ต้องช่วยกัน ส่วนตัวมองว่าการเมืองไม่มีทางตัน เรายังมีความหวังอยากให้ประเทศไทย ได้มีการเลือกตั้ง รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปีก็เลือกตั้งใหม่ ใครไม่พอใจอะไรก็ไปอยู่ในคูหาเลือกตั้ง เพราะไม่เช่นนั้นประเทศ ก็ไม่เดินไปไหน ขอย้ำว่าเรายังมีความหวังอยู่ ไม่มีทางตันแน่นอน

‘หนู’สวน‘แม้ว’มีแต่พ่อยากให้ลูกเป็นนายกฯ

ที่ จ ศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอบโต้กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุผ่านรายการหนึ่งว่าลูกชายใครสักคนที่ไปเที่ยวเมืองนอกและบอกว่าพ่อจะเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 3 เดือนว่า ลูกให้พ่อเป็นนายกรัฐมนตรีไม่มี มีแต่พ่ออยากให้ลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าลูกของตนไม่ได้พูดแบบนั้น คนทั่วไปก็พอจะเข้าใจว่า หมายถึงตน แต่ตนสนิทกับลูกของตนมาก และคนที่รู้จักลูกชายตน ก็โทรมาหาไม่มีใครซักคนที่เชื่อว่าเขาพูดสิ่งเหล่านี้และตนก็มั่นใจว่าลูกไม่ได้พูดแบบนั้น ดังนั้นจึงไม่ควรนำเรื่องของครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองและลูกของตนเวลาเจอนายทักษิณ ก็เคารพอย่างนอบน้อมอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นคนที่มีบุญคุณกับพ่อของเขา ตนก็ต้องเชื่อลูกชายของตนเอง เพราะเลี้ยงมากับมือ ไม่มีคุณลักษณะที่จะไปพูดเรื่องนี้เป็นอันขาด และลูกชายของตนก็อยากให้พ่อเลิกเล่นการเมืองทุกวัน

ผิดตรงไหนที่อยากเป็น‘นายกฯ’

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ระบุมีคนที่อยากเป็นนายกรัฐมนตรีหมายถึงใคร นายอนุทิน กล่าวว่าทุกคนที่เป็นนักการเมืองก็อยากเป็นนายกฯ ไม่เช่นนั้นจะมาเป็นนักการเมืองเพื่ออะไร ถ้ามีโอกาสก็อยากมีบทบาทที่จะไปรับใช้บ้านเมืองได้ ยิ่งมีความรับผิดชอบสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้มากเท่านั้น ใครที่จะเป็นอะไร หรืออยากทำอะไรก็ควรจะคิดเป็นเลิศ ในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น และเป็นสิ่งที่มองว่าถูกต้อง และไม่ควรจะมาประจานหรือพูดด้อยค่ากัน

“มันผิดตรงไหนที่ใคร ก็อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่าตอนที่นายทักษิณ เข้าการเมืองใหม่ๆ เป้าหมายของท่านคือการเป็นนายกรัฐมนตรี และท่านก็ทำสำเร็จ จึงควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นหลัง”นายอนุทิน กล่าว

ลั่นปิดประตูหวนจูบปาก‘เพื่อไทย’

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทย กลับมาง้อพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้กลับไปร่วมรัฐบาลจะกลับไปหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า“มันไม่มีคำว่าง้ออยู่แล้ว ออกมากันขนาดนี้ เราไม่ได้ออกมาเพื่อให้งอน หรือมาง้ออะไรกัน แต่แนวทางที่ออกมา เพราะคิดว่าแนวทางที่ทำร่วมกัน มันไปกันไม่ได้แล้ว”

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณไม่ปิดประตู ที่จะมาจูบปากกับพรรคภูมิใจไทย ถึงขั้นยอมกลืนเลือด 3-4 ปี๊บ นายอนุทินกล่าวว่า จริงๆ กลืนเลือดมาแล้วไงในรัฐบาลชุดที่แล้ว และชุดปัจจุบัน แล้วดูสิอะไรเกิดขึ้น คะแนนนิยมหรือโพลเป็นอย่างไร การที่เราไม่อยู่กับร่องกับรอย หรือทำอะไรที่ค้านสายตา ค้านอุดมการณ์ตัวเราเอง ตามสายตาของประชาชนก็เห็นอยู่ในโพลต่างๆ มั่นใจว่าสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยได้ตัดสินใจไป เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ยันไม่ได้เล่นตัว- มีแต่โดนเล่น

เมื่อถามว่าถือเป็นการปิดประตูตายกับพรรคเพื่อไทยแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันก็ควรที่จะต้องเป็นแบบนั้น เมื่อถามว่าจะไม่ดูเป็นการเล่นตัวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เคยเล่นตัว เรามีแต่ถูกเล่น ไม่เคยเล่นใคร”

เมื่อถามย้ำด้วยว่า จะไม่กลืนเลือดแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวติดตลกว่า “รู้หรือไม่ว่าผมกินข้าวมันไก่ สั่งแต่เลือดผมชอบเลือดมากเลย จิ้มกับน้ำจิ้มไปกินร้านที่บุรีรัมย์ อร่อยที่สุด”

ไม่กังวลลือโดนเช็คบิลคดีฮั้ว สว.

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวถึงคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง ชุดที่ 26 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งรับผิดชอบคดีฮั้วเลือก สว.เตรียมสรุปสำนวนคดีในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ก่อนจะส่งให้กับคณะกรรมการกกต.ชุดใหญ่ว่า ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง และข้อเท็จจริงไปหมดแล้ว จนถึงวันนี้ไม่มีแกนนำของพรรคภูมิใจไทยคนไหนที่วิตกกังวล เพราะเรื่องที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นเรื่องทางการเมืองชัดเจน และคนที่ไม่ได้ทำจะไปบอกว่าทำได้อย่างไร ซึ่งถ้าดูจากใบแจ้งข้อกล่าวหาก็เห็นชัดเจนว่า เป็นเนื้อหาที่มีการคลุมมา และทุกคนได้รับข้อกล่าวหาที่เหมือนกันหมดกว่า 100 คน

นายอนุทิน มั่นใจว่า ไม่ได้ทำความผิด และพรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เราทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ มีคนรุ่นใหม่ในพรรคเยอะแยะ ไม่มีทางทำอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แล้วจะทำให้การเมืองไม่เข้มแข็ง ทำให้ประเทศไทยล้าหลังแบบนั้นเราไม่ทำอยู่แล้ว

โอดภท.ถูกดิสเครดิตมาตลอด

เมื่อถามว่าคดีฮั้วสว. ถูกหยิบมาเป็นประเด็นในการดิสเครดิตพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ระบุว่าพรรคภูมิใจไทยนั้นถูกดิสเครดิตมาโดยตลอด เพราะถูกมองว่าเป็นพรรคที่มีศักยภาพ มีอนาคต มีคนที่มีฝีมือในการทำงาน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการเจาะยางให้คว่ำไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีใดๆต่อบ้านเมืองเลย

ส่วนกรณีที่มีการวิเคราะห์กันว่า คดีฮั้วสว.จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการล้างบางพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้เพราะพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองของประชาชนใครจะมาล้างบาง ก็อาจจะโดนล้างไปก่อนพรรคภูมิใจไทยวันนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่เคยคิด จะทำอะไรผิด คนรุ่นใหม่ในพรรคมีดี ไม่มีทางทำอะไรที่ผิดกฎหมาย

เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีพรรคภูมิใจไทยจะดำเนินการฟ้องร้องคณะอนุกรรมการสืบสวน และไต่สวน ส่วนกลางชุดที่ 26ของสำนักงาน กกต. หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เมื่อมีการกล่าวหาคนของพรรคภูมิใจไทยเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญทางด้านกฎหมาย และทนายความที่มีประสบการณ์ให้ช่วยแก้ต่าง และว่าความแทนเรา ซึ่งขณะนี้ได้มีการมอบอำนาจให้ไปดำเนินการแล้ว

ปปช.ไต่สวนคลิปเสียงตามขั้นตอน

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตั้งคณะไต่สวนจริยธรรม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ว่าเรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่อย่างที่บอกว่า เรามาทำงานไม่ได้เคียดแค้น หรือคิดแต่จะมุ่งทำลายล้างใคร เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของแต่ละหน่วยงาน เราไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น หรือมีความรู้สึกว่าต้องห้ำหั่นกัน มีแต่เราที่ถูกห้ำหั่น

เมื่อถามว่า หากนายกฯถูก 4 องค์การตรวจสอบในประเด็นคลิปเสียงที่พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ก้าวล่วงอำนาจของแต่ละองค์กร และไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจศาล เพราะจะเป็นการไปชี้นำ ซึ่งเป็นความผิดทางกฎหมาย

ย้อน‘แม้ว’ใครกันแน่‘ฝ่ายแค้น’

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า“ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีการกล่าวอ้างว่า ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ทำหน้าที่ฝ่ายแค้นนั้น จากการฟังสิ่งที่นายทักษิณ และมวลหมู่สมาชิกพูดมาทั้งหมด พี่น้องประชาชนคงตัดสินได้เลยว่าใครคือ ฝ่ายแค้น เราเป็นฝ่ายค้าน ไม่แค้น ไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร”

พท.โต้‘ภท.’ปัด‘ไล่หนูซื้องูเห่า’

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนำพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5โดยพรรคภูมิใจไทย ได้หาเสียงระบุว่าไล่หนูตีงูเห่า มาเป็น ไล่หนูซื้องูเห่า มาโจมตีพรรคเพื่อไทยว่าการพูดของพรรคภท.ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนได้ติดตามการปราศรัยเมื่อวันที่14ก.ค.คิดว่าเป็นประเด็นในลักษณะที่ไม่ใช่พรรคเขา พรรคเดียว ประเด็นไล่หนูตีงูเห่าเคยเป็นตำนานของคนศรีสะเกษอยู่ซึ่งพรรค พท.เคยโดนพลังดูดจากพรรคภท.ในอดีต และมี สส.ส่วนหนึ่งของพรรค พท.ได้ย้ายไปอยู่พรรคภท.

เมื่อถามย้ำว่าแต่ครั้งนี้พรรค ภท.ระบุว่าไล่หนูซื้องูเห่า ถือเป็นการโจมตีพรรค พท.หนัก รองนายกฯตอบว่าตนไม่รู้ว่าเป็นการซื้ออย่างไร เพราะการโหวตในสภาเป็นเอกสิทธิ์ซึ่งอาจจะมีเพียง สส.พรรคภท.บางส่วนที่ใช้สิทธิ์ที่แปลกไปจากสมาชิกคนอื่นๆก็ว่ากันไป ส่วนกรณีที่พรรค ภท.ปราศรัยว่าถ้าประชาชนไม่อยากมีกรรมต่อให้เทคะแนนให้พรรค ภท.ให้หมด นายประเสริฐ กล่าวว่า ก็เป็นเทคนิคการหาเสียงเขา ซึ่งจะใช้กรณีนี้มาดึงใจคนศรีสะเกษไม่จริง

ขออย่าตี’ขายชาติ’อ้าง’อิ๊งค์’สู้ในศาล

เมื่อถามว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯหัวหน้าพรรค พท.จะมาช่วยหาเสียงหรือไม่ รองนายกฯระบุว่าขึ้นอยู่กับทีมยุทธศาสตร์ของพรรค ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์กันอีกที ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะไปหรือไม่นั้น ไม่ทราบขึ้นอยู่กับทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเช่นกัน โดยการหาเสียงจะต้องเป็นผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครเท่านั้น ถึงจะไปได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค ภท.ใช้ประเด็นขายชาติในการหาเสียง นายประเสริฐ กล่าวว่า อย่าให้เป็นประเด็นการใส่ร้าย หรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะเรื่องนี้นายกฯกำลังทำคำชี้แจงต่อศาลอยู่ พูดอะไรต้องระวัง

ทีมกฎหมายพท.พร้อมช่วย‘อิ๊งค์’

เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ระบุนายกฯจะขอยืดเวลาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพราะมีความกังวลหรือไม่ ถึงขอเลื่อน นายประเสริฐ กล่าวว่าไม่ได้กังวล เพราะการยื่นต่อศาลต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วนเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ และเรามีสิทธิ์ที่จะขอขยายเวลาได้ เราก็อยากจะเอาข้อมูลออกมาให้ดีที่สุด เมื่อซักว่าในพรรค พท.ไม่ได้กังวลเรื่องของนายกฯใช่หรือไม่นายประเสริฐ กล่าวว่านายกฯเตรียมพร้อมอยู่แล้ว มีทีมกฎหมายคอยซัพพอร์ตอยู่แล้ว ส่วนเรื่องคลิปเสียงในการตรวจสอบของ ป.ป.ช.นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

‘ฝ่ายค้าน’แก้ลำพร้อมลงมติในสภา

ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการกำชับพรรคร่วมฝ่ายค้านในการเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า เรามีการกำชับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแต่จะมีการกำชับอีกครั้งเนื่องจากในการประชุมสภาฯวันที่ 16 ก.ค.นี้จะมีวาระสำคัญเข้าเช่นร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เกี่ยวกับการนิรโทษกรรมรวมถึงการยืนยันร่างพ.ร.บ.ประชามติ ตามเนื้อหาของสภาฯโดยจะมีการกำชับสส.พรรคฝ่ายค้านทุกคนว่าให้มีความพร้อมในการลงมติ และยังมีร่างพ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาเสร็จแล้ว

นายปกรณ์วุฒิ ย้ำว่า ขณะนี้คงกำชับความพร้อมในการเข้าร่วมประชุมสภาฯตลอดเวลา เนื่องจากเสียงรัฐบาลที่ปริ่มน้ำ โดยจากสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว เราจะเห็นได้ว่าประเด็นอะไรที่ฝ่ายค้านต้องการผลักดันก็มีโอกาสที่จะชนะการลงมติทุกมติ ซึ่งจะมีการกำชับทุกคนว่าให้มีความพร้อมในสภาฯ ตลอดเวลา

รอดูไทม์มิ่งยื่นซักฟอก- ยันไม่ออมมือ

เมื่อถามถึง ความคืบหน้าในการทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันมาเกือบ1เดือนแล้ว นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีควาทคืบหน้าเรื่อยๆและครั้งแรกที่เราได้คุยกันก็มีการตั้งคณะทำงานด้วยกันในหลายเรื่อง ตอนแรกที่มีการพูดคุยกันว่าจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 แต่ขณะนี้มีการเบรกไว้ก่อน เนื่องจากเราเห็นตรงกันว่า จะรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้มีข้อมูลที่รอบด้านครบถ้วน เราคงไม่ยึดเอาจังหวะทางการเมืองอย่างเดียว เพื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เราต้องคำนึงถึงเนื้อหาสาระด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วเราจะไม่มีการออมมือหรือถ่วงเวลาแน่นอน และเมื่อถึงเวลาแล้ว เราเห็นตรงกันก็จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เมื่อถามว่าได้มีการประเมินหรือไม่ว่าจะมีการยุบสภาฯก่อนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่าประเมิน แต่การยุบสภาฯ ก็เป็นข้อเรียกร้องที่พรรค ปชน.เรียกร้องอยู่แล้ว ดังนั้น หากเกิดการยุบสภาฯ ขึ้นจริงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะยื่นอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151