‘ทักษิณ ชินวัตร’กับบทบาท‘ซูเปอร์นายกรัฐมนตรี’ ปลดล็อกประเทศไทย หรืออำนาจตัวเอง
การที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เป็นอีกหนึ่งเวทีที่ “ทักษิณ” ได้ใช้เป็นพื้นที่สื่อสารกับสังคมไทย และมีนัยยะที่จะต้องพิจารณาถึงจังหวะก้าวทางการเมืองของเขาจากนี้ไป
> การบอกว่า “ผมขอเป็นแค่เสมียนประเทศ” คือคำพูดที่ฟังดูถ่อมตัว
แต่เมื่อพินิจ “บริบท” เนื้อหา และ “น้ำเสียง” ที่ ทักษิณ สื่อออกมาในการปาฐกถาครั้งนี้ กลับยิ่งตอกย้ำว่า...
เขา คือ ผู้นำรัฐบาลตัวจริง ที่ “เดินเกมในเงา”
และแสดงอำนาจเต็มรูปแบบในรูปของ “Super Prime Minister” อย่างแท้จริง
#“ทักษิณ” ผู้กลับมาพร้อมอำนาจเต็มมือ
แม้จะไม่มีตำแหน่งในระบบราชการหรือการเมือง แต่การที่ “ทักษิณ” กล้าขึ้นเวทีใหญ่ในนามพรรค และพูดนโยบายเชิงโครงสร้างในหลากหลายมิติอย่างเป็นระบบ พร้อมกล้องสื่อทุกสำนักจับตา
สะท้อนว่า “ความเงียบ” ในห้องประชุม ครม. อาจไม่มีน้ำหนักเท่าเสียงของเขาบนเวที
#3 สัญญาณสำคัญของการกลับมาครั้งนี้ คือ :
1. แสดงภาวะผู้นำเหนือรัฐบาล
การพูดในลักษณะ “เสนอ” แต่ครอบคลุมทุกกระทรวงสำคัญ ทั้ง กลาโหม พลังงาน คมนาคม เศรษฐกิจ การคลัง
การออกหน้าแทนรัฐบาล ในขณะที่นายกฯ ตัวจริงอย่าง “แพทองธาร” กลายเป็น “เงา” ในเวทีนี้
2. ตอกย้ำการควบคุมเกมทางนโยบาย
โดยปกติ ข้อเสนอเรื่อง Golden Visa, Entertainment Complex, พลังงานสีเขียว, โครงสร้างกองทัพ, ตลาดทุน, AI ล้วนเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ ที่ควรจะออกมาจากผู้นำประเทศ ที่จะต้องบอกกับสังคมให้รู้ว่าจะนำพาประเทศไปทางไหน แต่มันไม่เคยออกจากปากนายกรัฐมนตรีผู้เป็นลูก กลับออกมาจากปากพ่อที่เป็น “อดีตนายกฯ ที่ต้องลุ้นว่าจะพ้นคดีหรือไม่”
การใช้คำว่า “จะผลักดัน” , “เรากำลังทำ” ชี้ว่าเขาควบคุมการตัดสินใจระดับนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม
3. ประกาศสถานะผู้นำรัฐบาลที่ถูกยอมรับ
คำว่า “ผมขอเป็นเสมียน”
คือ วิธีลดแรงต้าน แต่ในความเป็นจริง คนทั้งห้องและทั้งประเทศต่างรู้ว่า “เสมียน” คนนี้ คือ “นายใหญ่” ของรัฐบาล
#เกมใหม่ในการขับเคลื่อนประเทศ –กระชับอำนาจ
คำพูดของ “ทักษิณ” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การ “พูดเพื่อประชาชน” แต่คือการ “ส่งสัญญาณถึงชนชั้นนำ-กลุ่มทุน-ราชการ-กองทัพ” ว่าตนคือผู้เล่นที่ยังมีบทบาทสูงสุดในเวทีประเทศไทย
นี่คือ 5 หมุดหมายเชิงยุทธศาสตร์ ที่ “ซูเปอร์นายกรัฐมนตรี” วางไว้
1.การเมือง
สร้างเสถียรภาพโดยคง “แพทองธาร” ไว้ที่ตำแหน่งนายกฯ แต่คุมเกมเอง
2.เศรษฐกิจ
ปฏิรูปโครงสร้างทุน-ดึงเงินนอกระบบเข้าระบบ
3.ความมั่นคง
ลดขนาดกองทัพ – ปรับยุทธศาสตร์สู่ไซเบอร์
4.สังคม/ปากท้อง
ขุดคลองขายทราย , สร้างงานจากเมกะโปรเจกต์
5.โลกใหม่
เตรียมรับมือ AI , ขับเคลื่อน Soft Power
การที่บุคคลที่ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในรัฐบาล มาพูดแทนรัฐบาล ในพื้นที่สาธารณะ และสุดท้ายรัฐบาลนำสิ่งที่พูดไปปฏิบัติ
ยิ่งตอกย้ำคำถามชวนคิดว่า...
การเมืองไทยกำลังกลับไปสู่โมเดล “ผู้นำรวมศูนย์” หรือไม่?
#บทสรุป : เมื่อ “ผู้นำในเงา” ออกมายืนกลางเวที
“ทักษิณ ชินวัตร” อาจไม่ได้นั่งในเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
แต่พฤติกรรม คำพูด และการจัดวางบทบาทของเขาในเวทีนี้ คือ การประกาศว่า...
ผมยังเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศไทย และเป็น...
ศูนย์กลางอำนาจตัวจริง!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี