วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ภายหลัง กองทัพบก ขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวของกองทัพ กรณีมีเนื้อหาต้องกล่าวถึงผู้บังคับบัญชา ขอให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้สรรพนามแทนตัวผู้บังคับบัญชาว่า “บิ๊ก” เนื่องสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปมากทำให้ผู้บริโภคข่าวสารบางส่วนอาจคิดไปในมุมลบต่างๆ นานาได้ (เช่น ดูเป็นคนใหญ่คนโต ดูเหนือประชาชนคนธรรมดา) โดยเฉพาะบางกลุ่มที่อาจมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกองทัพ  นั้น

ล่าสุด ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ดีแล้วล่ะครับ ผมสนับสนุนความคิดที่กองทัพบกขอความร่วมมือไม่ให้เรียกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ว่า “บิ๊ก” อีกต่อไปเพราะอาจขัดกับบุคลิกกับนายทหารบางท่านที่มีความสุภาพเรียบร้อย หรือเก็บเนื้อเก็บตัวจนสื่อ ยังไม่ทราบแม้แร่ขื่อเล่น เรียกชื่อจริงบรรดาท่านๆ ทับไปเฉยๆ ก็มี 

ครับ ผมจะมาเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟัง ว่าใคร คือบิ๊ก ที่สื่อมวลชนเรียกขานเป็นท่านแรก คำตอบก็คือ

“บิ๊กซัน” พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบก ในช่วง 40 ปีที่แล้ว

ท่านมีบุคลิกที่มักให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและ เข้าถึงท่านง่ายเป็นกันเองโดยเฉพาะมุมมองทางการเมือง ที่ว่า “บิ๊ก” เพราะว่า ท่านน่าจะทำสถิติการเติบโตหน้าที่ราชการที่เร็วที่สุด โดยใช้เวลาจากตำแหน่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 (พลตรี) เพียง 1 ปีครึ่ง ถึงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้ ด้วยผลงานปราบกบฏ “เมษาฮาวาย” จากนั้นไม่มีใครล้มสถิตินี้ได้อีกเลย

ส่วนคำว่า “ป๋า“ ที่มักใช้เรียกผู้มีบารมีสูงกว่า บิ๊ก คนแรกที่ถูกเรียกขานก็มาจาก

บุคลลในกองทัพอีกนั่นแหละครับ ท่านผู้นั้นก็คือ อย่างเช่น ป๋าเปรม พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี 

สำหรับ นายทหารที่ถูกเรียกว่า “ป๋า” จนติดปากในทางการเมืองและสื่อสารมวลชนคนแรก ได้แก่

จอมพลผิน ชุณหะวัณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก โดยคนที่เรียกท่านว่า “ป๋าผิน” มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ ก็คือจอมพล ป.พิบูลสงคราม ด้วยความท่านทั้งสองเรียนโรงเรียนนายร้อยทหารบก 

รุ่นเดียวกัน แต่จอมพลผิน มีอายุมากกว่า จอมพล ป. ถึง 7 ปี เพราะ “ผิน” มาจาก พลทหารและใช้เวลาไต่เต้าหลายปี กว่าสอบเทียบชั้นมาเรียนกับ จอมพล ป. ทำให้เพื่อนๆ ร่วมรุ่นยกให้เป็น “ป๋า” และเวลาใครมารอพบจอม พลผิน ที่บ้าน จะเจอบุตรชายของท่าน ก็คือ “ร้อยเอกชาติชาย ชุณหะวัณ” ออกมาต้อนรับแขกที่มารอพบว่า “มารอป๋าเหรอครับ เดี๋ยวป๋าออกมาพบครับ” 

ครับ จากนี้ไปสังคมไทยจะอยู่ในกติกาการอยู่ร่วมกันในสังคมที่ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสถานะ การไม่ยกยอปอปั้นจนเกินงามหรือทำให้บุคคลในเครื่องแบบกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในสายตาประชาชน แน่นอนครับ สุดท้ายนั่มมันจะสอดคล้องม็อตโต้ของกองทัพบก  ที่ว่า “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” นั่นเอง