จะฟ้องประชาชนถูกปิดหูปิดตา! 'ตัวแม่พันธุ์ใหม่' โวยแหลกเจอกระบวนการประท้วง ขวางค้านเลือก ‘ศาล-องค์กรอิสระ’ ซัดไม่คำนึงจริยธรรม-ขัดกันแห่งผลประโยชน์ ด้าน ‘ทนายอั๋น’ เคียงข้างร่วมต้าน เตรียมยื่นกระตุก ‘อย่าพายเรือให้โจรนั่ง’ จ่อฟ้องเอาผิดกล่าวหา ‘ย้ำคิดย้ำทำ’

เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงคัดค้านที่ประชุมวุฒิสภา ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้แก่ ศาสตราจารย์ร้อยตำรวจเอกสุธรรม เชื้อประกอบกิจ และนายสราวุธ ทรงศิวิไล และวาระให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คือ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ว่า ช่วงเวลาแห่งการปิดหูปิดตาประชาชนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพราะอย่างเมื่อวานนี้ ในวาระการขอให้ชะลอ ก็มีลงมติเพื่อให้เป็นการประชุมลับ แต่การประชุมลับนั้น ควรเป็นเรื่องความมั่นคงแห่งรัฐ หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และในวันนี้ ตนก็ได้มีการอภิปรายต่อประชาชน แต่ไม่สามารถอภิปรายได้สิ้นสุด เพราะมีกระบวนการยกมือประท้วง ขัดขวางอย่างรุนแรง สุดท้ายประธาน ก็วินิจฉัยให้ตนหยุดอภิปราย ตนมองว่า จะทำให้ประชาชนเสียโอกาส ในการรับรู้เรื่องราวต่างๆ ในสภา ย้ำว่า นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ ที่คู่กรณีพยายามใช้สิทธิ์ของตัวเองในการเลือกองค์กรอิสระ โดยไม่คำนึงถึงจริยธรรม ไม่มีจิตสำนึกว่า เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากจะมีการลงมติในสองตำแหน่งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย เพราะมีประโยชน์ทับซ้อนกันอย่างรุนแรง 

"แม้ถูกปิดหู ปิดตา ปิดปาก ในสภา แต่ขอบอกกับประชาชนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ และไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี สว.เสียงข้างน้อย ยินดีจะสละเอกสิทธิ์ในการไม่โหวต หากเสียงข้างมากไม่โหวต แต่ก็ไม่เป็นผล จึงขอให้ประชาชนพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ขอฟ้องประชาชนค่ะ" น.ส.นันทนา กล่าว 

ด้านนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ กล่าวว่า จะยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการสรรหาและคณะกรรมการสรรหาทุกท่าน ให้หยุดสรรหา หยุดพายเรือให้โจรนั่ง และหวังว่าการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คนในวันนี้ จะเป็น 2 คนสุดท้ายภายใต้น้ำมือของสว.ชุดปัจจุบัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประธาน จะเรียกประชุมและหยุดสรรหาบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ โดยจะเดินทางไปยื่นที่สำนักงานศาลฎีกาต่อไป

นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า จะยื่นตรวจสอบจริยธรรม สว. ที่ประท้วง และกล่าวหาน.ส.นันทนาว่า เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ เพราะเห็นว่าเป็นพฤติการณ์ที่สมควรอย่างยิ่งที่คณะกรรมาธิการจริยธรรมวุฒิสภาต้องตรวจสอบ