ทบ.ปรับทัพยกเครื่องการข่าว
สู้สงครามIOเขมร!
เปิดตัว‘วินธัย-วันชนะ’ลุยศึก
โต้ครหา‘ผบ.ทบ.’นักรบห้องแอร์
‘บิ๊กเล็ก’ปัดใบสั่งเอาเก้าอี้เดิมพัน
ตำรวจปราบจลาจลพร้อมหนุน

ศบ.ทก.ย้ำ 3 มาตรการจัดระเบียบเที่ยวปราสาทตาเมือนธม เผยกต.โชว์หลักฐานให้คณะทูต-ผช.ทูตทหารมัดเขมรลอบวางทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นของใหม่ ด้านศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิด แจงจุดทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด เป็นพื้นที่ปลอดภัย เก็บกู้หมดตั้งแต่ปี 2563-2565 รวม 1,300 รายการ 4 ชนิด แต่ไม่เคยพบ”ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2” ด้าน “บิ๊กเล็ก”ยันปัญหาชายแดนไทย-เขมรไม่ช้า ย้ำต้องถูกต้องรัดกุม ลั่นเอาตำแหน่งเดิมพัน ถ้ามีใบสั่งทำงานขอพ้นเก้าอี้ ชี้ถ้าเหตุรุนแรงถึงขั้นต้องใช้ตำรวจปราบจลาจล สั่งปิดปราสาทฯทันที ขณะที่‘ทบ.’คุยสื่อปรับทิศทางข่าวสู้ ‘สงครามไอโอเขมร’ ยัน‘ผบ.ทบ.’อยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่นักรบห้องแอร์ ย้ำให้ความสำคัญ พร้อมเปิดตัว‘องค์ดำ-องค์ขาว’ร่วมสู้ศึก

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลประชุม ศบ.ทก.ว่า มาตราขยายเวลาให้แรงงานกัมพูชาอยู่ในประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมนั้น เป็นการผ่อนผันเพื่อช่วยเหลือชาวไทย ผู้ประกอบการ และเจ้าของไร่สวนที่จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวช่วยเก็บเกี่ยวพืชผลตามฤดูกาลช่วงนี้

ยังเปิดให้เที่ยวตาเมือนธม-ย้ำ3มาตรการเข้ม

พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวต่อว่า กรณีเปิดให้ชมปราสาทตาเมืองธม ไทยยังยืนยันเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมได้ตามปกติ โดยทั้งสองฝ่ายกำหนดมาตรการร่วมกันดังนี้ 1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น เป็นนักท่องเที่ยวชาติใดให้ชุดประสานงานของปราสาทชาตินั้น นำตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ 2.หากมีปัญหาในพื้นที่ ให้ชุดประสานงานในพื้นที่ที่มีฝ่ายละ 7 คน เป็นคนแก้ปัญหา ไม่ต้องส่งกำลังชุดอื่นที่ไม่จำเป็นไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพิ่ม ป้องกันการเผชิญหน้าทั้งสองฝ่าย และ3.ขอให้ทั้งสองฝ่ายคัดกรองนักท่องเที่ยวแต่ละฝ่ายอย่างเข้มงวด ก่อนขึ้นมาท่องเที่ยวบนปราสาทตามเมือนธม

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยยังดำเนินการมาตรการเช่นเดิมคือ ควบคุมจุดผ่านแดนเข้มงวด แต่ไม่ได้ปิดด่านตามที่เขมรกล่าวหาในสื่อ ซึ่งในการดำเนินมาตรการ ย้ำว่าไทยยังอนุโลมการผ่านแดนสำหรับเหตุผลด้านมนุษยธรรมต่อเนื่อง และฝ่ายไทยยังเปิดสำหรับการขนส่งสินค้า มีเพียงกัมพูชาฝ่ายเดียวที่ยังปิดด่านอยู่

กต.เปิดหลักฐานแจงผช.ทูตทหารตปท.

ส่วนเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นางมาระตีเผยว่า วันนี้ (23 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจะบรรยายสรุปแก่คณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ โดยจะชี้แจงการดำเนินการ ท่าที และจุดยืนของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เคยจัดมาเป็นประจำ แต่ครั้งนี้จะเน้นเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา

“เป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมหลักฐานที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่รวบรวมประมวลมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ สำคัญที่สุดคือ ผลการตรวจสอบตรวจค้นในพื้นที่เพิ่มเติมหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งผ่านการกลั่นกรองที่รอบคอบเพื่อความถูกต้องของข้อมูลก่อนส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าประท้วง”นางมาระตีกล่าว

ส่งหนังสือฟ้องปธ.ออตตาวาจี้เขมรรับผิดชอบ

และว่า วันนี้กระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจงกับชาวโลกได้อย่างมั่นใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเนื้อหาที่จะประท้วง หลังกระทรวงต่างประเทศมีหนังสือฉบับแรกคือ หนังสือประท้วงถึงฝ่ายกัมพูชาโดยตรงประณามที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และเรียกร้องความรับผิดชอบจากกัมพูชา ส่วนฉบับที่ 2 เป็นหนังสือถึงญี่ปุ่น ในฐานะประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เรียกร้องให้เขมรรับผิดชอบ ต่อไทยและประชาคมโลก ต่อประเทศและองค์กรที่สนับสนุนกัมพูชาเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้พิจารณาเรื่องนี้ด้วย ยืนยันเป้าหมายสำคัญของไทย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศยังต้องการให้นำปัญหากลับสู่โต๊ะเจรจา คลี่คลายสถานการณ์โดยสันติวิธี และหวังว่า กัมพูชาจะตอบสนองคำเชิญของไทยร่วมประชุมเจบีซีในเดือนกันยายนนี้

ยันช่องบกกู้ทุ่นระเบิดหมดแล้วตั้งปี63-65

ด้านศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ชี้แจงข้อเท็จจริงการเก็บกู้กวาดล้างทุ่นระเบิด บริเวณพื้นที่เกิดเหตุกำลังพลของกองทัพไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในเขตอธิปไตยไทยว่า พื้นที่ดังกล่าวมีขนาดรวม 1,960,000 ตารางเมตร เก็บกู้กวาดล้างทุนระเบิดและปลดปล่อยให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยแล้ว เมื่อปี 2563 และปี 2565 ผลปฏิบัติตรวจพบวัตถุระเบิดรวม 1,300 รายการ ดังนี้ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล 4 ชนิด ได้แก่ POMZ-2 จำนวน 216 ทุ่น MD82B จำนวน 645 ทุ่น TYPE69 จำนวน 3 ทุ่น และ OZZM-72 จำนวน 2 ทุ่น ทุ่นระเบิดต่อต้านยานพาหนะ 1 ชนิด ได้แก่ TM57 จำนวน 416 ทุ่น สรรพาวุธระเบิดที่ยังไม่ระเบิด รวม 18 รายการ ได้แก่ ลย./ค.60 มม. , ลย./ค.40 มม. , ลย./ค.81 , PG2 , PG7 , BLU63 และ TYPE67 ในการนี้ ศูนย์ฯยืนยันว่า ในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นไม่มีการตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 แต่อย่างใด

ยันทำงานไม่ช้าย้ำต้องมีหลักฐานรัดกุม

ที่กระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การนักศึกษารามคำแหงยื่นหนังสือต่อพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เรียกร้องให้ทำงานรวดเร็ว ไม่ต้องเกรงใจรัฐบาล

โดยพล.อ.ณัฐพลมารับยื่นหนังสือด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่า การทำงานของ ศบ.ทก.ต้องรักษาสมดุลระหว่างความเดือดร้อนประชาชน ผู้ประกอบการ และอธิปไตย ในภาพรวม ปัจจุบันจึงยึดแนวทางแก้ปัญหาตามหน้างาน การกระทำใดถ้าเกินเลย เราก็รับไม่ได้ เช่น การวางทุ่นระเบิดเขตอธิปไตยของเรา ซึ่งการจะเอาผิดเขมรต้องมีหลักฐานรัดกุม เพื่อไปยืนยันได้ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ จึงต้องใช้เวลาตรวจสอบ นอกจากนี้ เขมรยังผิดอีกข้อหาคือ มีของอยู่ในครอบครอง

ซัด‘ฮุนมาเนต’โพสต์เชียร์ถือว่าหนุน

รมช.กลาโหมยังยืนยันว่า รัฐบาลและกระทรวงกลาโหมทำงานไปแนวทางเดียวกัน คุยกันได้เข้าใจกันหมด อย่างกรณีนายฮุน มา เนต นายกฯกัมพูชา โพสต์ข้อความให้กำลังใจคนที่มาเที่ยวตาเมือนธม ตนถือว่าเป็นการให้การสนับสนุน ตนก็เริ่มห่วง ท่านจะมาบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ ถ้าไม่รู้เรื่องต้องอยู่เฉยๆ หรือห้ามปราม แต่การมาโพสต์ขอบคุณประชาชนครั้งนี้เป็นการรวมพลครั้งที่สอง ตนคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งปัจจุบันกระบวนการที่ทำอยู่นั้นมี 3 มาตรการจัดระเบียบตาเมือนธม แต่ที่กังวลคือการมายั่วยุ และทหารเราจะเกินความอดกลั้นและหากมีการใช้อาวุธคือ ความสูญเสียของพลเรือน ถ้ามองสถานการณ์ที่แย่ที่สุด หากเขาสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เราจะเป็นรองทันที จากที่เราเป็นต่อ

ถ้าถึงขั้นใช้ตร.ปราบจลาจลสั่งปิดทันที

ส่วนความเป็นไปได้ที่จะปิดปราสาทตาเมือนธม พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การดำเนินการตามกติกาสากลโลก อยู่ในความสมเหตุสมผล เราเตรียมแล้วทำตามขั้นตอน 3 มาตรการจัดระเบียบตาเมือนธมที่แม่ทัพภาค 2 วางไว้ แต่ถ้าทำท่าจะเกิดการใช้กำลัง ยังไม่หยุดจะนำกองร้อยปราบจราจลของตำรวจเข้าไประงับเหตุ ถ้าถึงขั้นใช้เจ้าหน้าที่ปราบจลาจลเมื่อไหร่ เราจะขอปิด ถือเป็นการดำเนินการตามเหตุผล ยอมรับว่าเป็นสงครามจิตวิทยายั่วยุ สงครามไอโอ (IO) เราเจอของจริงแล้ว

ลั่นไม่ได้เกรงใจใคร-ปัดถูกชักใย

พล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า กัมพูชาเขาทำ IO กับเราเยอะ ตนจึงเตือนสื่อว่า เวลาได้ข่าว Exclusive มาควรหันไปโจมตีกัมพูชา ไม่ใช้มาโจมตีกันเอง ยืนยันว่าตนไม่ได้เกรงใจใครในรัฐบาล หลายคนมองว่าเราทำงานภายใต้การชักใย ตนเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าอยู่กับความจริงอยู่ได้ ตนก็ทำงานของตน ด้วยความเป็นทหาร ได้เปรียบคือ พูดให้น้อย เขาจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร แต่สังคมปัจจุบัน พอพูดน้อยก็หาว่าไม่ทำงาน ตนจึงใช้วิธีพูดให้ประชาชนรู้ ซึ่งก็ต้องใช้ฝีมือให้มากขึ้น เพราะบางครั้งเมื่อบอกประชาชนแล้วฝ่ายตรงข้ามก็รู้ด้วย

เอาตำแหน่งเป็นเดิมพันถ้ามีใบสั่ง

“ยืนยันผมมีอิสระไปสืบค้นในศบ.ทก.ได้เลยว่า มีหน่วยงานไหนบ้าง ถ้าทุกคนบอกว่ามีใบสั่ง ผมยินดีขอปรับตัวเอง เอาคนอื่นมาทำงานแทน ที่ผมทำงานตรงนี้ ไม่ได้หวังก้าวหน้า เพราะไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ผมมาเฉพาะกิจ อยู่ตำแหน่งไหนทำงานได้เหมือนกันหมด ตราบใดที่ยังอยู่ก็ทำต่อไป ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อยู่นานเท่าไหร่ แต่ผมจะทำจนถึงวันสุดท้าย เหมือนวิ่ง 400 เมตรรอบสนาม ผมจะวิ่งเข้าเส้นชัย ไม่มีวันเดินเข้าเส้นชัย ถ้าพูดความจริงกับประชาชนจะไปได้ แต่ถ้าผัวเมียสองคนทะเลาะกันอย่างนั้น ไปไม่ได้”พล.อ.ณัฐพล กล่าว

ทบ.พบสื่อมวลชนปมข่าวไทย-เขมร

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบ (ผบ.ทบ.) มอบหมายพลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รอง เสธ ทบ. พลตรีวันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับสื่อมวลชนในการเสนอข่าวชายแดนไทย - กัมพูชา

พลโทอานุภาพกล่าวตอนหนึ่งว่า ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นปัจจุบันมีหลายมิติ ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ จึงอยากขอความร่วมมือสื่อ การต่อสู้ในโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานของทหาร คงไม่ตำหนิ รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ เพราะมีขีดความสามารถและข้อจำกัด เราต้องทำงานร่วมกัน คงว่าใครไม่ได้ แต่เราต้องอดทนอดกลั้น หลายคนบอกว่าจะอดทนไปถึงไหน แต่ถ้าเข้าใจ เราเป็นทหาร ต้องอดทนอยู่แล้ว ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ย้ำให้ทำงานด้วยความมีสติ สามัคคีกัน และต้องทำด้วยความรอบคอบ เป็นหัวใจในการทำงาน

ปัดข้อครหาผบ.ทบ.เป็นนักรบห้องแอร์

ส่วนการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกวันที่ 22 กรกฎาคม พลโทอานุภาพเผยว่า ผบ.ทบ.ระบุ กองทัพไทยและกองทัพบกคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ กองทัพบกประสานกองทัพไทย เรื่องการให้ข้อมูลข่าวต้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยในส่วนกองทัพไทยมีพลตรีวันชนะรับผิดชอบ ขอให้มั่นใจ

“ผบ.ทบ. ไม่ได้ปิดบังตัวตน และปฏิบัติภารกิจตลอด แต่ด้วยบุคลิก ไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ แต่ให้ความสำคัญ จึงตั้งทีมโฆษกขึ้นมา เป็นช่องทางสื่อสารขององค์กร ยืนยันว่าท่านให้ความสำคัญ และลงมาดูเองในเรื่องนี้ และพร้อมให้ข้อมูลทุกอย่าง การสื่อสารมีหลายวิธี หลายช่องทาง” พลโท อานุภาพ ตอบคำถามข้อครหาผบ.ทบ.ไม่ออกสื่อฯ เหมือนนักรบห้องแอร์

ทบ.แจงแนวทางสู้เขมรเดินหน้าแจงตปท.

ด้านพลตรีวินธัยกล่าวสรุปสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา กรณีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ยืนยันว่ากองทัพบกไม่ได้ปกปิดข้อมูล แต่ยึดหลักความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือในการให้ข้อมูลข่าวสาร โดยตรวจสอบรายละเอียดจนพบเป็นทุ่นระเบิดวางใหม่ ชนิด PMN 2 เกิดในยุคสหภาพโซเวียต ขณะนั้นรัสเซียยังไม่ได้แยกตัวออกมา เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด จึงอยากให้ใช้คำว่าระเบิดของสหภาพโซเวียตแทน

ทั้งนี้ กองทัพบกย้ำแนวทางปฏิบัติหลังเกิดเหตุ ใช้การชี้แจงข้อเท็จจริงกับต่างประเทศ แม้พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นอธิปไตยไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดและทำถนน แน่นอนเขมรต้องโต้แย้ง และปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้วางทุ่นระเบิด เพราะทุ่นระเบิดดังกล่าววางอยู่หน้าคูเลตที่เขมรเคยอยู่ก่อนปรับกำลังออกไป

พลตรีวินธัยยังย้ำอีกว่า การทำงานทุกระดับประสานงานกันอยู่แล้ว ทั้งประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม หรือ JBC ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบ ที่เปรียบเสมือนนักกฎหมายของงานด้านนี้ ซึ่งผบ. ทบ อยากให้ตัวแทนของทุกภาคส่วนร่วมประชุม JBC ด้วย จะมีทั้งผู้ปฏิบัติ ผู้วางแผนแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

เปิดตัวองค์ขาว-องค์ดำร่วมปรับทัพสู้ไอโอ

พลตรีวินธัยยังระบุถึงการประสานขอตำรวจปราบจลาจล และทหารพรานหญิง เพื่ออำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธมว่า ไม่ใช่ป้องกันเหตุ เพราะหวังว่าสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรมีเหตุการณ์ แต่ถ้าเกิดทะเลาะวิวาทจะกระทบความสัมพันธ์ ก็ต้องทบทวนมาตรการ แต่ขณะนี้เหตุการณ์ยังไม่เกิด ไม่อยากให้ไปโฟกัสตรงนั้น ขอให้มองเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวก โดยกองทัพภาคที่ 2 จะเป็นผู้ประเมินสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พลตรีวันชนะเดินทางมาร่วมหารือด้วย เมื่อสื่อมวลชนเห็นก็แซวว่า ให้ไปนั่งคู่กันเลย จะได้เป็นองค์ดำองค์ขาว จากนั้นพลตรีวันชนะ หรือเสธ.เบิร์ด เริ่มท่องบทในภาพยนตร์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชช่วงพระยาละแวกให้ฟังว่า “ถอยทัพกลับไปก็ดีแล้ว ละแวกก็หอกข้างแคร่ ดีร้ายจะลอบตลบหลังเราทีเผลอ” ก่อนกล่าวว่า ที่ผ่านมา พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. เดินทางพบกลุ่มประเทศในอาเซียน เพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ยืนยันจะให้ความร่วมมือเพื่อให้เหตุการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาจบลงอย่างรวดเร็ว

ตร.คุมฝูงชนสแตนด์บายพร้อมหนุนทหาร

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการเตรียมกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ไปประจำจุดพิพาทใกล้ประสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ เป็นเพียงเตรียมความเท่านั้น ตามการร้องขอจากทางกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ตำรวจเป็นหน่วยสนับสนุน กรณีมีการร้องขอมา โดยเฉพาะช่วงที่อาจมีประชาชนบางกลุ่มเดินทางไปชมปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหว เสี่ยงเกิดกระทบกระทั่งระหว่างคนสองประเทศ

ส่วนเหตุผลที่ไม่ใช้กำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ซึ่งดูแลแนวชายแดนโดยตรงนั้น เพราะปัจจุบันมีภารกิจอื่นอยู่ จึงเห็นว่าการใช้กำลังตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งใกล้ชิดประชาชน และรู้จักพื้นที่ดี น่าจะเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพมากกว่า