2ส.ค.ชุมนุมใหญ่
อนุสาวรีย์ชัย-ส่งใจช่วยทหาร
“จตุพร” เผย รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เลื่อนชุมนุมใหญ่ 2 สิงหาคมนี้ อนุสาวรีย์ชัยฯส่งใจช่วยกองทัพ ลั่นรมว.การต่างประเทศ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำงานภายใต้คำสั่งของบุคคลอื่น อาจเพลี่ยงพล้ำการสื่อสารต่อเวทีโลกเหตุสู้รบ’ไทย-กัมพูชา’‘ภูมิธรรม’โยนถามประชาชน เหมาะหรือไม่ชุมนุมเวลานี้ ขณะ‘ไทย-กัมพูชา’ยังปะทะกันอยู่ บอกประเทศต้องการความสามัคคีของคนในชาติ“จิรายุ” วอนแกนนำผู้ชุมชุมนัดชุมนุม27ก.ค.ขอพักศึกในไว้ก่อน
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แกนนำกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมทางการเมือง ที่เรียกตัวเองว่า คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย (คปท.) เข้าพบตำรวจนครบาล เพื่อยื่นหนังสือขออนุญาตจัดการชุมนุม
โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาตามแนวชายแดน ปัจจุบันมีการเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น และมองว่าเวลานี้คนไทยควรรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว และเชื่อว่าคนไทยทุกคนทราบว่าต้นเหตุของปัญหาเกิดจากอะไร ส่วนจะเกี่ยวข้องกับ 2 ตระกูลหรือไม่ ขอไม่ชี้นำ ส่วนกรณีมีหลายฝ่ายมองว่า รมว.ต่างประเทศ เพลี่ยงพล้ำในการสื่อสารต่อเวทีโลก ซึ่งเป็นเหตุทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ส่วนตัวเชื่อว่าแต่ละคนมีภาระหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งตัวเองนั้นรู้จักกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รมว.ต่างประเทศเป็นอย่างดี ทราบว่าลักษณะการทำงานยังไม่รอบคอบและอยู่ภายใต้การควบคุมสั่งการของบุคคลอื่น ซึ่งต่างกับการบริหารงานของกัมพูชาที่สั่งการแบบเบ็ดเสร็จด้วยคนเพียงคนเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมองว่าเป็นปัญหาระหว่างประเทศ จึงต้องการที่จะรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อส่งกำลังใจไปให้กับกองกำลังแนวหน้าและต่อจากนี้อีก 1 สัปดาห์จะมีกิจกรรมเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของรัฐบาล ก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 2ส.ค.ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และภายในวันนั้นจะมีการส่งมอบสิ่งของให้กับกองทัพอีกด้วย
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กระบุว่า ประกาศ เนื่องจากสถานการณ์สู้รบ ในแนวชายแดน ทวีความรุนแรงขึ้น คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ขอเลื่อนการแสดงพลังแผ่นดิน ส่งใจไปแนวหน้า จากวันที่ 27ก.ค.68 เป็นวันเสาร์ที่ 2สิงหาคม2568 อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เช่นเดิม
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่จะนัดชุมนุมกันในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ว่า เหมาะสมหรือไม่ อยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่จะมาชุมนุมว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายหรือไม่ เวลานี้ประเทศต้องการความสามัคคีของคนในชาติ และเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมีลักษณะ บุกรุก รุกล้ำ สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตประชาชน มันมีลักษณะเกิดภาวะรุนแรงขึ้น จะพัฒนาไปสู่ภาวะสงครามได้ ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นการปะทะกัน โดยใช้อาวุธหนักที่รุนแรง เราได้พิทักษ์รักษาพื้นที่ของเรา ไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาและรักษาอธิปไตยของประเทศชาติอย่างเข้มข้น ซึ่งทางกองทัพเข้าใจเจตนาร่วมกัน ได้คุยกับทุกเหล่าทัพแล้ว ดังนั้นในระหว่างนี้ขอประชาชนช่วยแสดงความเห็นและบอกหน่อยว่า อย่าเพิ่งมาใช้ความต้องการทางการเมือง มาทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพในประเทศ เพราะเรากำลังจะสู้กับภัยรุกรานจากภายนอก วันนี้ต้องรวมพลังช่วยกันเพื่อสร้างกำลังและแก้ปัญหาของประเทศ
ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย จะจัดการชุมนุมว่า ขอวิงวอนว่า อย่าปล่อยให้ศึกในไปผสมศึกนอก จะทำให้เรื่องศึกใหญ่ไทย-เขมร จะปิดจบยาก วันนี้คนในชาติต้องร่วมแรงร่วมใจกันสามัคคีเพื่อเดินหน้าประเทศไทย เพราะวันนี้ ศึกนอกใหญ่หลวงนัก ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาสร้างศึกในให้เขมรหัวเราะเยาะเย้ยประเทศไทย วันนี้จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะทำให้บ้านเมืองบอบช้ำไปกว่าเดิม ทำให้ภาพของคนสั่งยิงใส่โรงพยาบาล ยิงประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์อย่างฮุนเซน มีอิทธิพลปลุกคนลงถนนไล่รัฐบาล ทั้งที่ประเทศต้องการความสามัคคี พักศึกในสู้ศึกนอก เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์เรามีเหนือกว่า อย่าเป็นเครื่องมือให้เขาใช้ความแตกแยกของคนไทยกันเอง เป็นอาวุธทำร้ายเรามากกว่านี้เลย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมข้อความลงบนเฟซบุ๊ก“เทพไท – คุยการเมือง”ระบุว่า แพทองธาร จงหยุดปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ท่ามกลางความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สาเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มาจากความขัดแย้งของผู้นำประเทศ จากตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนเซน จึงนำมาซึ่งสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างประเทศ ความขัดแย้งและความรุนแรง มี สส.พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า“ในสภาวะคับขันเช่นนี้ ผมเห็นว่า ทุกหน่วยงานของประเทศควรร่วมมือกันตอบสนองต่อสถานการณ์ เพื่อให้ชาติสามารถก้าวผ่านวิกฤตไปได้อย่างมั่นคง เช่น ศาลรัฐธรรมนูญควรพิจารณายุติระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เพราะในยามที่ประเทศกำลังเผชิญภาวะสงคราม ผู้นำซึ่งมีอำนาจเต็มย่อมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกประเทศ” สมาชิกพรรคเพื่อไทย กำลังใช้โอกาสความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จากการกระทำของผู้นำประเทศ จนลุกลามมาเกิดเป็นการปะทะและใช้อาวุธใช้ความรุนแรง ยังเรียกร้องให้ผู้นำประเทศที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กลับมาทำหน้าที่สั่งการทหารอีก ซึ่งสาเหตุความขัดแย้งระหว่างประเทศ เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศของนายกฯแพทองธาร จึงไม่มีเหตุผลใดให้ศาลยกเลิกคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะประเทศไทยในตอนนี้ จะมี น.ส.แพทองธาร ปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ ก็มีค่าเท่ากัน และตอนนี้การปกป้องประเทศปกป้องอธิปไตยของชาติ ให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไทย อย่าให้นางสาวแพทองธารออกมาเป็นปัญหาของการทำหน้าที่ของกองทัพไทย ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ควรให้ น.ส.แพทองธาร อยู่เฉยๆและไม่ควรเรียกร้องให้ศาลยกเลิกคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร อีกเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี