ให้กำลังใจทหาร
คปท.วางคิวเดินสายหลายจุด
ก่อนรวมพลชุมนุมใหญ่2ส.ค.

คปท.กางโปรแกรมเดินสายให้กำลังใจทหาร ตำรวจ ทั้งสัปดาห์ ก่อนชุมนุมใหญ่ 2 สิงหาคม ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้านเพื่อไทยขอร้องให้เลื่อนไปก่อน อย่าทำชาวบ้านสับสน

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง กทม. เครือข่ายคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยของชาติไทย ได้จัดแถลงข่าวยืนยันการการจัดชุมนุมในวันที่2ส.ค.นี้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจทหารและประชาชนจากกรณีที่ทหารกัมพูชา เปิดปฏิบัติการทางทหารอย่างไร้มนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้มีทั้งศึกนอกศึกใน แต่หลายคนบอกว่าต้องจัดการศึกนอกเสียก่อน แต่ถ้าเราดูบทเรียนในประวัติศาสตร์ ถ้าไม่จัดการศึกใน ให้เสร็จสิ้นเราแพ้ศึกนอกแน่ วันนี้เราจะไปไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราจะตีแผ่ความจริงให้พี่น้องประชาชนทราบให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ว่าเหตุการณ์เฉพาะหน้า ทหารกับประชาชนจะเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างไร ประชาชนด้วยกันจะเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนด้วยกัน นี่คือประเด็นสำคัญการร่วมกันปรากฏตัวตนแสดงรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนครอบครัวทหารออกมาแสดงพลังปรากฏตัวให้ทหารไทย ประเทศไทย และสหประชาชาติได้เห็นว่า เราคนไทยเป็นหนึ่งเดียว หัวใจดวงเดียวกัน รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” นายนิติธร กล่าว

รวมพลังสนับสนุนทหาร

ด้าน นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า การชุมนุมวันที่ 2 ส.ค.นี้ มีเป้าหมายที่ชัดเจน เรารู้สถานการณ์ดีว่าอะไรควรมาก่อนมาหลัง แต่เรามาร่วมกันชุมนุมเพื่อที่จะส่งกำลังใจให้กับทหาร ที่ทำหน้าที่อยู่ชายแดน ฉะนั้นเราจะส่งกำลังใจไปให้ทหาร และประชาชนที่ได้รับการเดือดร้อนจากสงคราม การชุมนุมของเราครั้งนี้เพื่อจะรวมพลังของประชาชนทั้งประเทศเพื่อให้การสนับสนุนการทำงานของทหารให้เป็นไปอย่างราบรื่น และในภาวะที่รัฐบาลเห็นมีข้อจำกัดอยู่หลายเรื่อง เราจะเข้าไปเสริมในการทำงานตรงนั้น ประชาชนที่อยู่แนวหลังจะช่วยทหารที่อยู่ในแนวหน้ามีกำลังใจที่เข้มแข็งและสามารถบรรลุภารกิจของพวกเราร่วมกันได้เพื่อรักษาอธิปไตย

ย้ำชุมนุมส่งให้กำลังใจทหารกล้า

ขณะที่นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า การชุมนุมวันที่ 2 ส.ค.กำหนดไว้เพื่อดำเนินการส่งให้กำลังใจทหารกล้าที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องอธิปไตยไทยตลอดแนวชายไทย-กัมพูชาซึ่งปรากฏความสูญเสีย สถานการณ์จะจบเร็วหรือยืดเยื้อขึ้นอยู่กับพวกเราทั้งหลายในประเทศ ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้เราจะทราบเหตุที่ทำให้เกิดสงคราม เพราะผลประโยชน์ของคนสองตระกูลข้ามชาติ และคนที่บั่นทอนกองทัพคือฝ่ายการเมือง ตั้งแต่รัฐบาล นายกฯ และรัฐมนตรีหลายคน ตนจึงมี3ข้อดังนี้ 1.จึงเชิญชวนจะออกมาแสดงพลังปรากฏตัวร่วมเป็นกำลังใจให้กองทัพทำหน้าที่เต็มประสิทธิภาพ

พร้อมเปิดรับบริจาคส่งไปแนวหน้า

นายสมชาย กล่าวต่อว่า 2.เราต้องเป็นแนวหลังในการส่งความช่วยเหลือให้เมื่อเกิดการรบ ทหารจะมีขวัญกำลังที่ดี คือ แนวหลังส่งกำลังบำรุง ฉะนั้นพวกเราจะไปรวมศูนย์เพื่อเปิดรับบริจาคกัน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้ง ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภค บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นม อาหารเครื่องกระป๋องทั้งหลาย และ3.เราต้องพูดคุยให้ประชาชนทราบสถานการณ์ที่ถูกบิดเบือนอยู่ขณะนี้และเรียกร้องความรับผิดชอบ ของการไม่ทำหน้าที่ของรัฐบาลการทำหน้าที่ของสภาและเรียกร้องให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นว่าเกิดจากใครจนมาถึงวันนี้ นอกจากนี้ขอเชิญชวนทุกคนติดธงชาติไทยทุกบ้าน เพื่อสื่อสารให้ทหารไทยได้รับรู้ว่าเขาไม่ได้รบอย่างโดดเดี่ยว เขามีประชาชนคนไทย 67 ล้านคนเป็นกำลังหนุน

กางโปรแกรม‘รวมพลังแผ่นดิน’

ขณะที่ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.หนึ่งแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ได้โพสต์ถึง กำหนดการ “รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย” จะเดินทางไปให้กำลังใจทหาร ตำรวจ ดังนี้ วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองบัญชาการกองทัพไทย (แจ้งวัฒนะ) วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพอากาศ (ดอนเมือง) วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพเรือ (ฝั่งธน) เวลา 13.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปทุมวัน) วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบก (แยก จปร. ราชดำเนิน) และ วันที่ 2 สิงหาคม 2568 “ส่งกำลังใจ รวมพลังแผ่นดิน จากแนวหลังสู่แนวหน้า” เวลา 12.00 - 21.00 น. ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เพื่อไทยวอนอย่าชุมนุม

นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ไปในแนวเดียวกันคือ ให้คปท.เลื่อนการชุมนุม ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

โดยนายวรชัย ตั้งข้อสงสัยว่าคนกลุ่มนี้ทำงานรับใช้ใครกันแน่เพราะหากชุมนุมขับไล่รัฐบาลจะเท่ากับช่วยกัมพูชาทางอ้อมหรือไม่

ส่วนนายอนุสรณ์ อ้างว่า ในห้วงเวลานี้ ประเทศชาติและประชาชนกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤตด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะกรณีข้อพิพาทไทย–กัมพูชาในพื้นที่จังหวัดชายแดน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย และสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชนจำนวนมาก สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน เป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ แต่การเลือกช่วงเวลาไม่เหมาะสมเช่นนี้ อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่บริหารจัดการได้ยากลำบากเพิ่มขึ้น ต่อบรรยากาศโดยรวมของประเทศ แทนที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทหารตำรวจ จะได้ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่พิพาท ถ้าต้องจัดแบ่งกำลัง จัดทรัพยากรมาดูแลม็อบในช่วงเวลาเดียวกันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง