วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ โพสต์ข้อความว่า สื่ออังกฤษเดอะเทเลกราฟเจาะลึกกลยุทธ์กองทัพไทยรบกัมพูชา ชี้ยุทธศาสตร์ "สงครามโดรน" ของกองทัพไทยทำลายความเชื่อเก่า ๆ หลายอย่างเดียวกับการใช้อากาศยานไร้คนขับในสมัยใหม่ ฉีกจาก "สงครามยูเครน-พม่า" - ทั้งยังทรงประสิทธิภาพในสมรภูมิเขตพื้นที่ร้อนชื้นและป่าเขา นักวิเคราะห์เผยในด้านนี้อาจเหนือกว่ากองทัพนาโต้เสียด้วยซ้ำ ย้ำชาติยุโรปต้องปรับตัวด่วน
สื่อเทเลกราฟของอังกฤษได้รายงานข่าวการปะทะกันระหว่างกองทัพไทยกับกัมพูชาบริเวณพรมแดน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา กระทั่งมีข้อตกลงหยุดยิงจากการเจรจาที่ประเทศมาเลเซียวานนี้ (28) โดยสื่ออังกฤษได้วิเคราะห์ถึงกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ฝ่ายไทยได้ใช้ในสงครามครั้งนี้ ผ่านหัวข้อข่าวที่ว่า Thailand adopts Ukraine-style drone warfare to strike Cambodian forces แปลเป็นไทยได้ว่า "ไทยปรับใช้โดรนสงครามในแบบของยูเครน เพื่อโจมตีทัพกัมพูชา"
นอกจากนี้ยังอธิบายเพิ่มเติมในโปรยด้วยโดยระบุว่า ในแง่นี้นักวิเคราะห์ถือว่ากองทัพไทย 'ล้ำหน้ากว่ากองทัพนาโต้มาก' ในการใช้โดรนแบบ 4 ใบพัด หรือ ควอดคอปเตอร์ (quadcopter) ในสนามรบ ขณะที่เนื้อข่าวระบุว่า
"โดรนแบบ 4 ใบพัดลำหนึ่งลอยนิ่งอยู่เหนือหลังคาโลหะ ก่อนจะปล่อยระเบิดลงมา วินาทีต่อมา เป้าหมายก็เกิดระเบิดขึ้นเป็นควันและเปลวไฟ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สงครามโดรนได้ขยายตัวจากสนามเพลาะที่เต็มไปด้วยโคลนตมในภาคตะวันออกของยูเครน มาสู่พื้นที่ชายแดนอันร้อนขื้นระหว่างไทยและกัมพูชา แต่แม้ภาพที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียอาจดูคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันที่สำคัญ
การใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ราคาถูกของยูเครนในช่วงแรก อย่างน้อยเป็นความพยายามที่จะลดช่องว่างกับ กองทัพรัสเซียซึ่งมีความเหนือกว่าอย่างมากทั้งในด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เช่นเดียวกับกลุ่มกบฏในพม่าที่ก้าวนำในการพัฒนาเทคโนโลยีโดรนในช่วงแรก ๆ แซงหน้ารัฐบาลทหารทหารพม่าที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์เหนือกว่า โดยกลุ่มกบฎในพม่าได้ทำการดัดแปลงสินค้าเชิงพาณิชย์ให้กลายเป็นอาวุธสังหาร
แต่ในเหตุการณ์ปะทะกันที่ชายแดนระหว่างไทย กับกัมพูชาครั้งนี้ สถานการณ์ถือว่ากลับกันอย่างสิ้นเชิง โดยไทยเป็นฝ่ายที่ครองความได้เปรียบด้านโดรนอย่างเด็ดขาด ทั้ง ๆ ที่มีศักยภาพทางทหารเหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา อย่างมหาศาล โดยการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีเฉพาะกิจของกลุ่มกบฏที่สิ้นหวัง ไปสู่การเป็นกำลังสำคัญของแสนยานุภาพทางการทหารสมัยใหม่นี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงการปฏิวัติของโดรนในสนามรบ และนักวิเคราะห์กล่าวว่า สิ่งนี้ควรเป็นสัญญาณเตือนให้โลกตะวันตกต้องตื่นตัว
ขอบคุณข้อมูล : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี