ต้องยอมรับว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญสถานการณ์รุมเร้าหลายด้านในช่วงเวลาเดียวกัน จนกลายเป็น วิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งภัยความมั่นคงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา ปัญหาภัยธรรมชาติจากพายุฝนหนักเกิดน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ต่อเนื่อง และโจทย์ทางเศรษฐกิจรอบด้านทั้งปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องรวมถึงกรณีภาษีสหรัฐที่ขีดเส้นตายภายใน 1 สิงหาคมนี้
วิกฤตความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา
เหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ บริเวณรอบ 3 ปราสาทพระวิหาร จนมีผู้เสียชีวิต 9 ราย และทหารไทยถูกกับระเบิดจนพิการเพิ่มอีกหลายราย เป็นสัญญาณบานปลายของข้อพิพาทพรมแดนที่เคยคุกรุ่นยาวนาน โดยรัฐบาลสั่งปิด 3 ปราสาทหลักและ 4 ด่านชายแดนชั่วคราวเพื่อป้องกันความสูญเสียเพิ่มเติม
รัฐบาลถูกจับตาว่าทั้งในมิติการทหาร การทูต และความร่วมมือกับอาเซียนเพื่อระงับเหตุโดยเฉพาะเมื่อเกิดความไม่ไว้วางใจว่ากัมพูชากำลังใช้สถานการณ์ในไทยเพื่อประโยชน์เชิงต่อรอง โดยรัฐบาลยังคงยืนยันการใช้แนวทางเจรจาผ่านช่องทางทวิภาคีและอาเซียน แต่แรงกดดันในประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความเด็ดขาดและคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนชายแดนอย่างเป็นรูปธรรม
และหลังยิงปะทะเดือดต่อเนื่องมา เป็นวันที่ 5 ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม การประชุมเจรจาของทั้งสองประเทศไทยและกัมพูชา ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเชียในฐานะประธานอาเซียน ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในเมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย โดยมีตัวแทนสองชาติมหาอำนาจใหญ่ ทั้งสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีข้อตกลงให้หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข มีผลหลังเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคมนั้น เบื้องต้นทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง ก่อนถึงเส้นตายเที่ยงคืนปรากฏว่าได้เกิดเหตุยิงถล่มกันอย่างหนักส่งท้าย ต่างฝ่ายได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
และวันที่ 29 กรกฎาคม โดยทางกองทัพภาคที่2ได้สรุปพบว่าแนวชายแดนได้มียิงปะทะหลายจุดฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พบการก่อกวนและการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในหลายพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้กลับตามสถานการณ์ จึงทำให้"รัฐบาลไทย"ได้ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำปกป้องอธิปไตยทุกตารางนี้
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีกัมพูชายังคงมีการยิงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาละเมิดข้อตกลงให้หยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขว่าได้มีหนังสือประท้วงไปที่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และส่งหนังสือให้สหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ได้มีการประชุมหารือระหว่างพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กับ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ได้ข้อสรุป 7 ข้อ หยุดยิง,ห้ามใช้กำลังต่อประชาชนคนไทย,หยุดเพิ่มเติมกำลัง,ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง, ฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกในการนำทหารกัมพูชาที่ได้รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกจากพื้นที่การรบ,จัดตั้งชุดประสานงานเพื่อแก้ปัญหาตลอดแนวชายแดน,ให้กำลังทุกส่วนลดการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ
จากนี้ไปต้องจับตาและเฝ้าระวังต่อไป เพราะหลายฝ่ายต่างเห็นว่าสถานการณ์โดยรวมยังไม่น่าไว้วางใจกับทางกัมพูชา แต่ในส่วนกำลังทหารไทยในพื้นที่อธิปไตยบริเวณชายแดน ยังคงกำลังต่อไป ส่วนประชาชนที่อพยพอยู่ศูนย์พักพิงก็ยังไม่สามารถกลับเข้าภูมิลำเนาได้ทันที ต้องดูสถานการณ์ก่อน
สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การเยียวยา ฟื้นฟูกับผู้ประสบภัยจากปัญหาสงครามชายแดน ที่ต้องสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ รวมทั้งบ้านเรือน โรงพยาบาล ที่พังเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่กัมพูชา และต้องไม่ลืมเหตุการณ์ปะทะกันครั้งนี้ ได้มีทหารกล้าของไทย ต้องพลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทยหลายนายจะต้องดูแลครอบครัวของวีรบุรุษทหารกล้าเหล่านั้นด้วย
ภัยธรรมชาติ ฝนถล่ม น้ำท่วมซ้ำเติมภาคเหนือ
ในปีนี้ประเทศไทยยังไม่ถูกพายุลูกใหญ่ถล่มเต็มๆ เพิ่งเจอพายุแค่ลูกเดียว คือพายุ“วิภา”ซึ่งเป็นเพียงหางพายุฟาดพัดถล่มในพื้นที่ภาคเหนือส่งผลกระทบทำให้จังหวัดในภาคเหนือตอนบน ต้องเผชิญน้ำท่วมฉับพลันหลายอำเภอ ถนนถูกตัดขาด พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายวงกว้างเข้าพื้นที่ชุมนุมเขตเทศบาลเมือง อย่างเช่น จ.น่าน พะเยา แพร่ สุโขทัย โดยเฉพาะที่ทอ.แม่สาย จ.เชียงราย เจอมวลลำน้ำแม่สายไหลทะลักท่วมซ้ำซากไหลเข้าในเขตชุมนุมหลายชุมชน
เรื่องนี้เกิดเสียงวิจารณ์รัฐบาลในเรื่องแผนรับมือภัยพิบัติที่ยังไม่ทันการณ์และศักยภาพระบบเตือนภัยที่ไม่เข้าถึงประชาชนในหลายพื้นที่ แม้รัฐบาลเร่งส่งกำลังทหารและอาสาสมัครเข้าช่วย แต่ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจชุมชนและเกษตรกรรม อาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อมด้านเศรษฐกิจฐานรากทันที
วิกฤตเศรษฐกิจ: จับตาเส้นตายดีลภาษีกับสหรัฐ
อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ คือ การเจรจาการค้ากับสหรัฐ ที่กำหนดเส้นตายปรับอัตราภาษี 1 สิงหาคมนี้ จับตาให้ดีว่าประเทศไทยจะได้ปรับอัตราภาษีเท่าประเทศในภูมิภาคนี้ไม่เกินร้อยละ20 หรือไม่ เนื่องจากสหรัฐมีท่าทีเพิ่มภาษีสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนจากไทย หากไทยไม่ยอมลดมาตรการบางอย่างที่สหรัฐ มองว่าละเมิดกติกาการค้าโลก หากเจรจาล้มเหลว จะกระทบการส่งออกที่เป็นเสาหลักเศรษฐกิจ และอาจกระทบห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมในประเทศทันที ท่ามกลางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
โดยล่าสุดนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง หัวหน้าทีมไทยแลนด์ ระบุถึงการเจรจามาตรการภาษีสหรัฐฯหลังไทย-กัมพูชา มีการเจรจาหยุดยิงว่า วันนี้สหรัฐฯได้เปิดทางให้เจรจาต่อแล้วซึ่งจะมีการพูดคุยต่อเนื่อง เชื่อว่าทำทันแน่ ส่วนผลสรุปข้อตกลง เราจะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่จะไม่มีการยื่นข้อเสนอไปใหม่แล้ว
"ขณะนี้เหลือเวลา 3 วัน ซึ่งอาจประกาศก่อนวันที่ 1 สิงหาคมก็ได้ อยู่ประมาณนี้ และคิดว่าเราไม่ควรจะโดน 36% แน่นอน"รมว.คลัง ย้ำ
เรื่องนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก รัฐบาลต้องเดินเกมระมัดระวังให้เสร็จสิ้นก่อนขีดเส้นตาย โดยเตรียมมาตรการรองรับผู้ส่งออกและผู้ประกอบการ SMEs พร้อมหาแนวทางยืดหยุ่นเงื่อนไขกับสหรัฐเพื่อรักษาตลาดส่งออกสำคัญ
ถึงวันนี้ รัฐบาลเจอความท้าทาย ความซับซ้อนของปัญหาหลายด้านพร้อมกัน หากรัฐบาลตอบสนองล่าช้า หรือผิดพลาด จะเกิดความไม่พอใจสะสม ภัยความมั่นคงชายแดนอาจบานปลาย หากเกิดการยั่วยุ ความไม่จริงใจของกัมพูชา อาจเหตุปะทะรุนแรงซ้ำ รัฐบาลเร่งสื่อสารสถานการณ์ให้ประชาชนรับรู้ต่อเนื่องและสร้างความมั่นใจ
ส่วนความเสียหายจากน้ำท่วม รัฐบาลเร่งเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภายใน 7-14 วัน พร้อมใช้จังหวะนี้ผลักดันแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานน้ำอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ในการเจรจาภาษีกับสหรัฐ จะกดดันเศรษฐกิจและรายได้ภาครัฐ เร่งเจรจาสหรัฐ พร้อมเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกและอุตสาหกรรมในประเทศกรณีเลวร้าย รักษาเสถียรภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้เกิดการแตกแถว
สถานการณ์ขณะนี้ รัฐบาลยังมีเสถียรภาพเสียงในสภาระดับหนึ่งแม้จะเสียงปริ่มน้ำ แต่ยังไม่มีแรงสั่นคลอนบีบให้ถึงขั้นยุบสภา มีฐานเสียงประชาชนยังรอการแก้ปัญหาเศรษฐกิจภาพรวมจากรัฐบาล จะต้องวัดใจกับทีมเศรษฐกิจและทีมความมั่นคง จะประคับประคองสถานการณ์
รัฐบาล‘แพทองธาร’ที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ วิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งภัยความมั่นคง ภัยธรรมชาติและโจทย์เศรษฐกิจสำคัญภาษีทรัมป์ การตอบสนองเชิงรุก รวดเร็วและสื่อสารกับประชาชนอย่างโปร่งใส จะเป็นตัวแปรสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่น หากจัดการได้ดี รัฐบาลจะอยู่รอดและใช้โอกาสนี้เสริมความชอบธรรมในการบริหาร แต่หากจัดการล่าช้า ขาดความชัดเจน และ บกพร่องในการแก้ปัญหา อาจกลายเป็น“จุดเริ่มต้นความเสื่อมศรัทธา”และนำไปสู่แรงกดดันทางการเมืองในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว
- ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี