“เทพไท” ชี้อย่าจบที่ “พิเชษฐ์”ตกเก้าอี้คนเดียว! พบยังมี สส.อีกเพียบโยกงบประมาณเข้าพื้นที่ตัวเอง ผิด ม.144 ด้าน “อนุสรณ์” ชี้กรณี “พิเชษฐ์” ไม่ทำเพื่อไทยสะดุด เตรียมเคาะคนเพื่อไทยขึ้นเป็นรองประธานสภาคนใหม่
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “ผิด ม.144 ยังมีอีกหลายคน?” ระบุว่า...ผมต้องขอแสดงความเสียใจต่อ คุณพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง สส.เชียงราย และต้องพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1ไปด้วย ในข้อหาฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการแปรญัตติงบประมาณแผ่นดิน
‘เทพไท’ชำแหละผิด‘ม.144’อีกเพียบ
“คุณพิเชษฐ์ไม่ใช่สส.คนแรกที่ได้กระทำการเช่นนี้ ในอดีตที่ผ่านมามีนักการเมืองหลายคน ใช้โอกาสการเป็น สส.แสวงหาประโยชน์ หรือผลักดันงบประมาณลงพื้นที่ของตัวเอง หวังคะแนนเสียง หวังผลประโยชน์ส่วนตัว จนเป็นที่มาของการเขียนรัฐธรรมนูญ ปิดช่องว่างไม่ให้นักการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ”
แต่ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายจะเขียนปิดช่องว่างเช่นไรก็ตาม แต่ยังมีนักการเมืองพยามหาช่องทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจนได้ จะเห็นนักการเมืองหลายคน แย่งชิงกันเป็นกรรมาธิการงบประมาณประจำปี ซึ่งมีส่วนได้เสียกับการจัดสรรงบประมาณ สามารถนำงบประมาณลงในพื้นที่ได้ ต่อรองกับอธิบดีกรมต่างๆ หาโครงการ ผลักดันโครงการให้กับผู้รับเหมา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของนักการเมืองทั้งสิ้น
วันนี้นักการเมืองเลี่ยงการกระทำผิดมาตรา144ของรัฐธรรมนูญ ไปใช้ช่องทางอื่น โดยใช้วิธีการประสานงานภายในเพื่อหวังจะให้การจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่ของตัวเอง แล้วไปเขียนป้ายขอบคุณหน่วยงาน กรมต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนงบประมาณ เป็นการหาเสียง ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นการจัดสรรงบประมาณในลักษณะ มือใครยาวสาวได้สาวเอา
ซัดพฤติกรรมแบบนี้อยู่หลายพื้นที่
นายเทพไทระบุอีกว่าอยากให้บทเรียนของ คุณพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เป็นตัวอย่างของนักการเมืองอีกหลายคน ที่พยายามจะหาช่องทางจัดสรร หรือผลักดันงบประมาณ เพื่อประโยชน์ในเขตเลือกตั้งของตัวเอง ในจังหวัดของตัวเอง บางคนผลักดันไปแล้ว หวังที่จะให้บริวารพรรคพวก หรือบริษัทในเครือข่ายได้รับเหมา ประมูลงาน หรือไปประมูลโดยใช้วิธีการแอบอ้างว่า งบประมาณโครงการนี้ตัวเองเป็นคนผลักดันมา จึงห้ามไม่ให้ผู้รับเหมารายอื่นเข้ามาประมูล ข้าราชการก็เกรงใจ เพราะเป็นงบประมาณของสส.นำมา ก็ต้องให้สส.เป็นผู้รับเหมา จึงเห็นพฤติกรรมแบบนี้อยู่ในหลายพื้นที่
มีอีกเพียบอย่าจบที่‘พิเชษฐ์’คนเดียว
นายเทพไทยังย้ำว่า ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้จบอยู่ที่ คุณพิเชษฐ์ เพียงคนเดียว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปค้นหาหรือสืบเสาะดูเชื่อว่า ยังมีสส.อีกมากมายหลายคน ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้จับตาดูบุคคลที่ เข้าไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณเป็นประจำ ขอเป็นกรรมาธิการงบประมาณทุกปี ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่า เข้าไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณเพื่อประโยชน์อันใด หรือเข้าไปในฐานะเป็นมืออาชีพ ก็ต้องถามว่าเป็นมืออาชีพให้กับใคร ให้กับตัวเองหรือให้กับประชาชนกันแน่
“ขอแสดงความเสียใจกับคุณพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ซึ่งเป็นเพื่อนนักการเมืองร่วมสมัยกับผม ต้องถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พ้นจากตำแหน่งส.ส.และต้องพ้นจากรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1ไปด้วย รวมทั้งตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีก 10 ปี ถือว่าสาหัสสากรรจ์พอสมควร หวังว่าบทเรียนครั้งนี้คงไม่สูญเปล่า และต้องนำมาซึ่งการสะสางกระบวนการแอบอ้าง และฉกฉวยเอางบประมาณแผ่นดิน ไปใช้ประโยชน์เพื่อพื้นที่ของตัวเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ในกรณีของสส.คนอื่นๆด้วย”นายเทพไท ย้ำ
‘ดิเรกฤทธิ์’ซัดป.ป.ช.ดองทำผิดม.144
ด้าน นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีต สว.โพสต์ข้อความระบุว่า ปชช.ทั้งประเทศสงสัยคำว่า “โดยพลัน” ที่ ป.ป.ช. รับเรื่อง ครม. สส. และ สว. ทำผิดตาม รธน. ม.144 เพราะใช้เวลา 2 เดือนกว่ามาแล้ว ยังเก็บเรื่องตรวจเงื่อนไขการฟ้องไว้โดยไม่ส่งให้ศาล รธน. ตัดสิน “พจนานุกรมต้องนิยามคำนี้ใหม่ หรือไม่ต้องมีคนฟ้องเอาผิด ปปช. แล้วล่ะครับ”
พท.ชี้ปมพิเชษฐ์ย้ำสส.ระวังม.144
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ส่งผลให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 พ้นจากสส.เชียงราย และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา144วรรคสองว่า ในฐานะเพื่อน สส.ก็ขอแสดงความเสียใจกับนายพิเชษฐ์ที่ต้องถูกตัดสิทธิดังกล่าว
นายอนุสรณ์ระบุว่าเชื่อว่านายพิเชษฐ์และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายคงต้องไปเร่งอ่านคำวินิจฉัยฉบับเต็ม เพื่อทำความเข้าใจต่อไป ถ้าดูการปฎิบัติหน้าที่บนบัลลังก์ ถือว่านายพิเชษฐ์ตั้งอกตั้งใจปฎิบัติหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 อย่างเต็มที่ ถือว่าปฏิบัติหน้าที่ได้ดี แต่เมื่อมีปัญหาเรื่องมาตรา 144 วรรคสอง ก็ต้องยอมรับในคำวินิจฉัยและ สส.คนอื่นๆก็ต้องระมัดระวังในประเด็นนี้
เชื่อมั่นไม่ทำให้‘เพื่อไทย’สะดุด
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยคาดว่าคงใช้เวลาไม่นานในกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่ง ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ รวมถึงการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมแทนนายพิเชษฐ์ คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะในพื้นที่ดังกล่าวพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรทางการเมืองคุณภาพที่พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมอยู่พอสมควร คาดว่าก่อนที่ กกต. จะประกาศรับสมัครเลือกตั้งซ่อม คงจะมีความชัดเจนมากขึ้นโดยลำดับ
“กรณีของนายพิเชษฐ์ไม่ทำให้การทำงานของพรรคเพื่อไทยสะดุด จุดไหนที่ต้องเดินหน้าแก้ไข ก็เดินหน้ากันต่อไป ทั้ง ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 หรือการเลือกตั้งซ่อมสส.แทนนายพิเชษฐ์“ นายอนุสรณ์ กล่าว
พท.เคาะคนส่งสภาเลือกรองปธ.7สค.
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 พ้นจากตำแหน่ง สส.เชียงราย ว่า ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 จะมีการเลือกกันในสภา วันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา บรรจุวาระเรียบร้อยแล้ว เหตุที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากวันที่ 13-15 ส.ค.จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2569 ในวาระ 2 วาระ 3 หากมีประธานทำหน้าที่เพียงแค่ 2 คน คงไม่ไหว
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่าโดยตำแหน่งที่ว่างลง ทางพรรคเพื่อไทยตอนนี้ ยังไม่ได้คุยกันว่าจะเป็นใคร ต้องรอฟังสมาชิกพรรคก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับเพื่อน สส.ทุกคนอยู่ต่างจังหวัด ส่วนจะเป็นภาคเหนือ เหมือนนายพิเชษฐ์หรือไม่นั้น คงต้องรอให้มีการประชุมพรรควันที่ 5 ส.ค.ก่อน
เมื่อถามว่าหากพรรคเสนอนายวิสุทธิ์ ทำหน้าที่นั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ต้องฟังเพื่อนสมาชิกก่อน พรรคเพื่อไทยมีคนเก่ง มีความสามารถพร้อมทำหน้าที่หลายคน ให้รอฟังที่ประชุมพรรค และตนพร้อมสนับสนุนทุกคนในการทำหน้าที่ ตนขอเป็นตัวเลือกสุดท้าย หากไม่มีใครยอมเป็น
โฆษกพท.รับยังไม่ได้คุยผู้ใหญ่
นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 สิ้นสุดสมาชิกภาพ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี กรณีเห็นชอบงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 3 โครงการนั้นพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรต่อไปในตำแหน่งที่ว่างลงว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรคเลย สิ่งที่ต้องดำเนินตามกฎหมายคือนายพิเชษฐ์จะต้องหลุดออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน เมื่อเขตเลือกตั้งว่างลงก็จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ในส่วนของตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 1ก็จะต้องมีการสรรหาคนใหม่ เลือกกันใหม่ในสภาอีกเช่นกัน เชื่อว่าการสรรหารองประธานสภา คนที่1อาจจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งซ่อมด้วยซ้ำไป
ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯคนที่ นั้นยังคงจะต้องเป็นในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน ในกรณีครั้งที่ผ่านมา ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 2 ว่างลง จากการที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้พูดคุยกันและทราบมาว่าทางพรรครวมไทยสร้างชาติ ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งนี้ และส่งมาให้ทางพรรคเพื่อไทย จึงเป็นนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ดพรรคเพื่อไทย เข้ามารับตำแหน่งแทน
5ส.ค.ถกส่งลต.ซ่อม.-ชิงรองปธ.
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะหารือเมื่อใด นายดนุพร กล่าวว่า วันอังคาร ที่ 5 ส.ค. เนื่องจากเป็นการประชุมพรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้คนคงอยากจะรู้ เลือกตั้งซ่อมก็ส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่คนน่าจะอยากรู้ที่สุดคือตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 1 ที่ว่างลงว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นใคร ที่จะเข้ารับตำแหน่งนี้แทน คาดว่าวันอังคารที่ 5 ส.ค.น่าจะชัดเจนทั้ง 2 เรื่อง และก็ต้องดูว่าสัดส่วนตรงนี้ยังคงเป็นของภาคเหนืออยู่หรือไม่ เพราะนายพิเชษฐ์ ก็มาจากภาคเหนือ หากตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ยังคงเป็นของพรรคเพื่อไทย และคงจะต้องมีการพูดคุยกัน ถึงคนที่จะลงสมัครเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 ว่าจะเป็นใคร
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเสนอชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 นายดนุพร กล่าวว่า คงต้องพูดคุยกันก่อน ถ้ามองว่านายพิเชษฐ์มาในสัดส่วนของภาคเหนือ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า นพ.ชลน่าน ที่เป็น สส.น่าน ก็อาจจะมีสิทธิลงชิงตำแหน่งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี