อดีตสว.สมชาย แสวงการ สรุปรวมพลังแผ่นดินฯครั้งที่ 2 ส่งกำลังใจทหาร สื่อสารให้คนไทย-ต่างชาติรับรู้ ผู้นำไทยไร้วุฒิภาวะ ด้าน “เพื่อไทย” ย้ำยึดที่ดินเขากระโดงกลับคืนมาเพื่อ รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ปัดเล่นงานพรรคภูมิใจไทย ขณะที่เก้าอี้รองประธานสภาที่ว่างลงรอเคาะในเร็วๆ นี้ ด้าน รทสช.ไม่กล้าหือท้าชิงเก้าอี้ ระบุปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาไปคุยกัน
ฃเมื่อวันที่ 3สิงหาคม นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ระบุว่า 2 ส.ค.2568 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นการนัดชุมนุมรวมพลังประชาชนที่รักชาติ จัดขึ้นเป็นครั้งที่2 เพื่อสนับสนุนการทำหน้าที่ของกองทัพในการปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยมีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร รับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออก เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ทำให้เกิดปัญหาข้อพิพาท จนนำไปสู่การสู้รบไทยกัมพูชา สร้างความสูญเสียชีวิตให้กับทหารและประชาชนจำนวนมาก และยังไม่เป็นที่ยุติ จากเสียพื้นที่บางส่วนให้กับกองกำลังทหารกัมพูชา ถึงแม้จะมีการยึดพื้นที่คืนมาได้ในหลายจุดก็ตาม แต่การที่รัฐบาลมีผู้นำที่ไร้วุฒิภาวะ เป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้การทำหน้าที่ของกองทัพมีปัญหาในหลายเรื่อง อาทิ การเจรจาที่มีต่างชาติเข้าแทรกแซง การหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ในเวลา24.00น ของวันที่28ก.ค.โดยฝ่ายไทยยังไม่ได้ดำเนินการทางยุทธวิธีในการควบคุมสถานการณ์การสู้รบและควบคุมพื้นที่อธิปไตยได้100% ฯลฯเห็นชัดถึงความอ่อนแอทางฝ่ายการเมืองการต่างประเทศ ทำให้กองทัพไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล
มอบสิ่งขอให้ทหารชายแดน
นอกจากนั้น ประชาชนที่เดินทางมาร่วมการชุมนุมได้ช่วยกันนำข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกึ่งสำเร็จรูป เครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค พร้องร่วมบริจาคเงิน เพื่อส่งมอบให้กองทัพภาคที่2 เพื่อส่งต่อให้กับทหารที่ชายแดนและพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยอยู่ตามศูนย์อพยพ กว่าแสนคน โดยสิ่งของทั้งหมดได้ดำเนินการส่งมอบต่อเนื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันรุ่งขึ้น (3ส.ค.68)
สำหรับจำนวนประชาชนที่มาร่วมกันชุมนุมครั้งนี้ ใกล้เคียงกับการชุมนุมเมื่อ28 มิ.ย.68 แม้จะน้อยลงบ้างเนื่องจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาหลายจังหวัดไม่ได้เดินทางมาร่วม เพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยในแต่ละจังหวัดในเวลานี้ ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย รายงานว่า เมื่อเวลา18.00น มีผู้เข้าร่วมการชุมนุม 12,357 คน แต่หากนำตัวเลขจริงของผู้ชุมนุม ต้องคูณ2-3เท่า ก็น่าจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมจริงอยู่ในราว30,000-35,000คน ครับ การชุมนุมของพี่น้องประชาชน #รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ครั้งนี้ นอกเหนือจากการได้ช่วยกันส่งกำลังใจไปให้ทหารหาญได้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ยังเป็นการสื่อสารให้ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนที่ติดตามการถ่ายทอดสดทางรายการโทรทัศน์ Facebook live YouTube TikTok ig x ทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศให้พี่น้องประชนได้ติดตามอีกหลายล้านคน ครับ
ขอบคุณที่ปกป้องประเทศ
ขอบคุณทหารทหารหาญทั้ง3เหล่าทัพและตำรวจที่เสียสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่อปกป้องอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยไว้ให้พวกเราและลูกหลานสืบไป ขอบคุณพี่น้องประชาชนผู้รักชาติทุกท่าน ที่เข้าร่วมการชุมนุมอย่างสันติสงบปราศจากอาวุธ แสดงพลังรักชาติ สนับสนุนใจเป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพที่ทำหน้าที่สู้รบปกป้องบ้านเมือง ขอบคุณผู้มีจิตกุศลทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคสิ่งของและเงิน “จากแนวหลังสู่แนวหน้า”คณะได้ดำเนินการส่งให้กองทัพภาค2 แล้ว บางส่วน ในส่วนที่เหลือจะทยอยดำเนินการต่อเนื่องและจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบตามลำดับต่อไปครับ
เพื่อไทยเคาะรองประธานสภา
วันเดียวกัน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคน 1 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.เชียงราย และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง ว่า กำลังสรรหาและพูดคุยกันอยู่เพราะเราต้องดูความเหมาะสมด้วย ซึ่งเราต้องดูบุคคลที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดว่าจะเป็นโควตาของภาคไหน เราจะดูเรื่องของความเหมาะสมเป็นหลัก
นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทราบมาว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุระเบียบวาระดังกล่าวในวันที่ 7 สิงหาคมนี้เลย ฉะนั้น เราจึงจะต้องรีบหาบุคคลที่เหมาะสม โดยวันนี้ทีมคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรคจะมีการประชุมพูดคุยกัน เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมส่งให้ที่ประชุมส.ส.ของพรรคมีมติในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ และขอเรียนว่าโควตารองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นของพรรค พท.
รทสช.ไม่กล้าท้าชิง
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรีและโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ภายหลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากมีพฤติกรรมที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ว่า โควต้าดังกล่าวเป็นของพรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้ใหญ่คุยกันเรียบร้อย ฉะนั้นเราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลต้องเคารพในสัดส่วนของพรรค เราไม่เสนอชื่อใครหรือส่งใครลงชิงตำแหน่งดังกล่าวแข่งแน่นอน
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าบรรยากาศน่าจะเป็นเหมือนตอนเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ไม่มีปัญหาอะไร ที่ต้องเร่งเลือกรองประธานสภาผู้ปทนราษฎรคนที่ 1 เนื่องจากวันที่ 13-15 สิงหาคมจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2569 ในวาระ 2 และ 3 หากจะมีประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเพียงแค่ 2 คนก็เกรงว่าจะไม่ไหว เเพราะต้องมีการพิจารณากันเป็นเวลานานและดึก หากเราได้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ไวก็จะทำให้ภารกิจด้านการพิจารณางบประมาณเกิดความราบรื่น และทำให้งานด้านนิติบัญญัติไม่ได้สะดุด
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรค แถลงถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยว่า พรรคเพื่อไทยขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบนั้น เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนในระบอบประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะป้องหลักการดังกล่าวอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ประเทศของเรากำลังเผชิญสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สังคมไทยต้องการความร่วมมือ ความเข้าใจและความเป็นเอกภาพจากทุกภาคส่วน พรรคเพื่อไทยจึงขอความร่วมมือจากทุกกลุ่มทุกฝ่าย ให้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกที่อาจจะทำให้เกิดการซ้ำเติมต่อสถานการณ์ หรือขยายความขัดแย้งทางสังคมในช่วงเวลาที่เปราะบางนี้ พรรค พท.ในฐานะแกนนำรัฐบาลพร้อมรับฟังเสียงประชาชนทุกกลุ่ม แต่ขอให้ความเคลื่อนไหวตั้งอยู่บนฐานของความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และไม่กลายเป็นชนวนของความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงเวลาที่ประเทศเรานั้นต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างสูงสุด
ปัดทำร้ายพรรคภูมิใจไทย
รองโฆษกพรรค ยังแถลงกรณีการเดินหน้ายึดเขากระโดง ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคการเมืองบางพรรค เพราะเป็นเกมการเมืองว่า พรรคเพื่อไทยขอยืนยันต่อสังคมไทยอย่างชัดเจน ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด แต่เป็นการดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศบนหลักของกฎหมาย ความยุติธรรมและความโปร่งใส การดำเนินการในกรณีนี้เกิดจากกระบวนการทางกฎหมาย และการตรวจสอบที่ถูกต้องตามหลักนิติกรรม มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ย้อนหลัง การวินิจฉัยของศาล รวมทั้งการบังคับตามกฏหมายของหน่วยงานรัฐ ซึ่งทุกขั้นตอนเป็นไปโดยไม่เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด ไม่ใช่การใช้กลไกรัฐเพื่อจ้องเล่นงานบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เพื่อเป็นการทวงคืนสิ่งที่เป็นของประชาชนทุกคน
น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า หากละเลยในกรณีที่มีการรุกล้ำที่ดินของรัฐหรือถือครองโดยมิชอบแม้เพียงหนึ่งกรณี ก็อาจกลายเป็นบรรทัดฐานที่บั่นทอนหลักนิติธรรมในประเทศ พรรคไทยขอยืนยันว่าเราจะไม่ปล่อยให้ทรัพยากรของชาติ เป็นเครื่องมือของผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นใครหรืออยู่ฝั่งใดทางการเมือง ท้ายที่สุดขอย้ำว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังคงมุ่งมั่นทำงานด้วยความรอบคอบ จริงใจและโปร่งใส เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ ทุกความเคลื่อนไหว ทุกการตัดสินใจล้วนผ่านการคิด วิเคราะห์และฟังเสียงจากหลายภาคส่วนอย่างรอบด้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี