กต.พร้อมตอบโต้กัมพูชา ทุกภาคส่วน ทุกระดับ ทุกเวที ทั้งพหุภาคี ทวิภาคี เพื่อให้เห็นว่าไทยจริงใจ
วันที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (รมว.กต.) แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ห้องแถลงข่าว กต. ว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปให้คณะทูตต่างประเทศ และองค์การต่างประเทศ ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอยืนยันว่า สิ่งที่ กต.บรรยายสรุปเมื่อวาน(4ส.ค.)เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และมีหลักฐานในทุกๆด้านอย่างชัดเจน ซึ่งได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีจากคณะทูต ทำให้มิตรประเทศของเราได้เข้าใจไทยเรามากยิ่งขึ้น เข้าใจบทบาทภาระหน้าที่ และการตอบโต้ในสิ่งที่เราถูกกระทำมาดีอยู่แล้ว และเมื่อวานนี้ เราก็มีหลักฐานที่ชัดเจน มากยิ่งขึ้นก็ทำให้มิตรประเทศมีเสียงตอบรับที่ดี สิ่งหนึ่งที่ตนย้ำเตือนอยู่ตลอดเวลา และได้พูดกับมิตรประเทศทุกครั้ง คือ ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ไม่ได้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการแต่อย่างใด เราได้เรียกร้องให้กัมพูชาหันมาใช้กลไกทวิภาคี ที่เราและกัมพูชาอยู่ร่วมกันมาโดยตลอด ตั้งแต่แรกเริ่มของการมีปัญหาระหว่างกัน กลไกลตรงนี้มีอยู่สามองค์กร ที่มีความสำคัญ ในขณะเดียวกันทั้งสองประเทศไทยและกัมพูชา เป็นมิตรประเทศกัน เป็นสมาชิกของอาเซียนร่วมกัน ก็ยังมีข้อตกลงทวิภาคีระหว่างกัน ที่จะต้องแก้ไขปัญหา การกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดนโดยสันติวิธี อย่างจริงใจ เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้ไทยเราได้ดำเนินการมาโดยตลอด จึงอธิบายให้ทางคณะทูตได้เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเป็นฝ่ายถูกละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน เราก็จำเป็นที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ทั้งหลายของเรา เราไม่เคยใช้การรุกราน สิ่งที่เราใช้อยู่ตลอดเวลาก็คือ การตอบโต้อย่างเหมาะสม และได้สัดส่วนของภัยคุกคามที่เราได้รับ เรามีความจริงใจและตั้งใจจริงที่จะมีการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี เราได้ในสิ่งที่เราได้ คือเขากลับมา ให้ความสำคัญกับการเจรจาทวิภาคีระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ก็ทำให้เราได้แล้วในสิ่งที่ต้องการ ขณะเดียวกันหลังจากที่เราได้ ก็จะมีสงครามข่าวสาร คือมีการปล่อยข้อความข่าวสารที่บิดเบือนออกมาโดยตลอด
“ผมอยากขอให้พวกเรา สื่อมวลชน และพี่น้องประชาชน บริโภคข่าวสารอย่างดีและมีวิจารณญาณในการพิจารณา เพราะข่าวสารที่ส่งออกมาล้วนแล้วแต่ค่อนข้างบิดเบือน อย่างเช่นเมื่อเช้าวันนี้ก็มีข่าวเรื่องที่ประเทศไทยมีแผนลอบสังหารผู้นำกัมพูชา ผมคิดว่าเป็นอะไรที่น่าเกลียดมาก เราไม่เคยคิดถึงขนาดนั้นเลย แล้วเมื่อเช้านี้อธิบดีกรมสารนิเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผม ผมจึงได้สั่งการให้ตอบโต้ทันที ซึ่งก็ขอบคุณอธิบดีกรมสารนิเทศที่และโฆษก กต.ที่ได้ตอบโต้ข่าวนี้อย่างชัดเจน เราไม่เคยมีความคิดประเภทนั้น อันนี้เป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งไม่สอดคล้องกับกฎบัตรของสหประชาชาติ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ และเราก็ไม่เคยทำในสิ่งที่ไม่เป็นไปตามกลไก หรือไม่ได้ทำอะไรที่อยู่นอกเหนือจากกฎบัตรสหประชาชาติเลย“
รมว.กต. กล่าวต่อว่า จากที่ตนได้ชี้แจงให้คณะทูตเมื่อวานนี้ เราได้แสดงให้เห็นว่าความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งด้านกระทรวงกลาโหม กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมมือกันเพื่อส่งออกข่าวสารที่ถูกต้อง ที่มีหลักฐานอย่างชัดเจนไปยังทั่วโลก โดยใช้กลไกที่เรามีอยู่ ทั้งกลไกของสถานทูต ทวิภาคีทั่วโลก เราก็ได้มีการรณรงค์แสดงความชัดเจน ซึ่งสถานทูตต่างๆก็จัดกิจกรรมที่จะเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้องนี้ออกไป และขอขอบคุณคณะสื่อมวลชนที่ได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับคณะผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เข้าร่วมประชุมในฟอรั่มต่างๆ รวมทั้งการพบปะหารือทวีปภาคี ก็ได้ใช้โอกาสเหล่านั้นได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเหมือนกับที่ผมได้ชี้แจงกับทางคณะทูตเมื่อวานนี้ทุกประการ ซึ่งในส่วนของทวิภาคีก็เป็นแบบนั้น ส่วนของพหุภาคี ในทุกๆกรอบท่านทูตที่นิวยอร์ก ที่เจนีวา และท่านทูตทุกแห่งที่เป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศ เราก็ได้ดำเนินมาตรการนโยบายที่สอดรับกัน เป็นไปตามที่ผมได้ชี้แจงกับคณะทูตเมื่อวานนี้ทุกประการ จะเห็นได้ว่าเราทำงา
นอกจากนั้น ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 นี้ ผมจะมีการประชุมออนไลน์กับสถานทูตทุกแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีความสำคัญ ในการชี้แจงให้ประชาคมโลกได้เข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้เรามุ่งเน้นไปที่การใช้สงครามจิตวิทยาและสงครามข่าวสาร ซึ่งเราเองก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำแบบนั้น แต่ที่ผ่านมากัมพูชามีการใช้สงครามข่าวสารที่บิดเบือนอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น เราก็จะตอบโต้ในทุกๆภาคส่วน และในทุกระดับ ในทุกเวที ทั้งพหุภาคี ทวิภาคี ในทุกๆด้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่า เรามีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา เรามีความจริงใจที่จะใช้กลไกลของสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ
และนอกจากนั้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ในเรื่องของการทำสงครามข่าวสารการบิดเบือนข้อมูล การใช้เฟคนิวส์ เราได้มีการพูดคุยกันไปแล้วในการประชุมสมัยพิเศษของอาเซียน ที่บุตจายา มาเลเซีย ซึ่งทางเราก็เรียกร้องให้กัมพูชามี commitment ต่อข้อหารือที่เราได้ตกลงกันไปแล้ว
ในกรอบของสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่ผ่านมาอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษก กต. ก็ได้อธิบายให้สื่อมวลชนต่างประเทศ ได้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเราเป็นประเทศที่ใช้การแก้ไขปัญหาอย่างสันติมาโดยตลอด การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเชลยศึก ของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยได้ใช้มาตรการเชิงรุกโดยตลอด หลังจากที่เราได้พบตัวพลรบของกัมพูชา ที่ปะทะกับเราแล้วตกค้างอยู่ในดินแดนที่เราต่อสู้กัน เราก็ได้จับตัวไว้ ซึ่งวันแรกที่เราทราบข่าว เราก็ให้สถานทูตของเราที่เจนีวาติดต่อ เพราะฉะนั้นการที่ ICRC เดินทางมาตรงนี้ ก็เป็นนโยบายเชิงรุกที่สำคัญของเรา เพราะเราจริงใจและยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าเราเปิดกว้างและแสดงให้เห็นว่าเราจริงใจ ในเรื่องที่เราเคารพต่ออนุสัญญาเจนีวาฉบับที่สาม ซึ่งภายใต้อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่สามมีข้อบทที่อนุญาตให้ปล่อยตัวเชลยศึกได้เมื่อสภาวะการขัดแย้งกันทางอาวุธหยุดสิ้นลง ไม่ใช่แค่การหยุดยิง ตราบใดที่เรายังไม่มีความมั่นใจว่าบุคคลเหล่านี้จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่เป็นปฏิปักษ์ กลับประเทศเรา เราก็ยังมีสิทธิ์ที่จะควบคุมตัวเฉลย ดังนั้นเราดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมายระหว่างประเทศทุกประการ
รมว.กต. กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี)ที่มาเลเซีย ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สองของการพบหารือของฝ่ายเลขานุการ ของคณะกรรมการ จีบีซี เป้าหมายที่เราต้องการเห็นก็คือเรื่องของการหยุดยิงถาวร และกลไกในการตรวจสอบ มีขั้นตอนในการหยุดยิงที่โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับตามที่ได้มีการหารือกันไว้ ของแม่ทัพในพื้นที่ ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญเพราะว่าผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในบริเวณชายแดน มีความรู้ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน และจะเจรจากันขนาดไหน เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าการเจรจาทวิภาคีสองฝ่ายระหว่างไทยกับกัมพูชา ภายใต้การอำนวยความสะดวกของมาเลเซีย ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน ดังนั้น ทางกองทัพ และกระทรวงกลาโหม จะเป็นกลไกหลักในการพูดคุยกัน เพื่อให้เกิดการหยุดยิงที่ถาวร มีกลไกตรวจสอบและดำเนินการที่โปร่งใสและเป็นที่เข้าใจกันทุกฝ่าย
“เมื่อวานนี้รัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซียก็โทรศัพท์มาหาผม อยากชวนผมไปนั่งคุยกันรวมกับทางฝ่ายกัมพูชา ซึ่งผมก็เรียนท่านไปว่า ผมยินดีและขอบคุณที่ฝ่ายมาเลเซียได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และพยายามให้เราเข้าไปร่วมในขบวนการ แต่ผมคิดว่ากลไกของจีบีซีในขณะนี้มีความสำคัญที่สุด และอยากเห็นการทำงานการเจรจากันภายใต้กรอบของทวิภาคี ภายใต้กลไกของจีบีซี ดำเนินการไปให้ได้มากที่สุด ตกลงกันได้ แล้วค่อยมานั่งพูดคุยกันในเรื่องอื่นๆต่อไป เพราะฉะนั้น ตอนนี้ประเด็นสำคัญที่สุดคือทการพูดคุยกันในกรอบของจีบีซี ซึ่งท่านรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ก็เห็นพ้องและขอบคุณที่ผมได้แนะนำ อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ฝากท่านรัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซีย ว่าหลังจากที่เราได้ในสิ่งที่เราต้องการแล้ว กัมพูชาก็ได้มีการใช้สงครามข่าวสารมากขึ้น จึงได้ฝากท่านรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ช่วยหาทาง กำหราบ หรือทำให้ฝ่ายกัมพูชาลดทอนการใช้สงครามข่าวสารให้น้อยลง หรือไม่ควรใช้เลยเพราะว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และไม่ทำให้การเจรจาจีบีซีเป็นไปในทิศทางที่ดี
นายมาริษ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้ต้อนรับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ โดยได้พูดคุยกันในหลายหลายเรื่อง ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน ซึ่งไทยกำลังทำงานร่วมกับมิตรประเทศทั้งหลาย เพื่อหาทางลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา หาทางที่จะแชร์ซัพพลายเชน และแวลูเชน เพื่อสร้างกลไกร่วมกัน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้มาตรการทางด้านภาษี เพื่อรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าการร่วมมือในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งสร้างสรรค์ จะทำให้ทั้งประเทศไทยและนิวซีแลนด์ สามารถร่วมมือกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเพื่อประโยชน์ของสองประเทศร่วมกัน
“ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังให้ความสำคัญ กรณีทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตอยู่ตามบริเวณชายแดน จากเหตุการณ์ประทับกัน โดยไทยได้เรียกร้องมาโดยตลอดว่าให้ทางฝ่ายกัมพูชาได้เข้ามาเก็บศพหรือร่างของทหารกัมพูชากับคืนไปสู่ครอบครัว เพื่อเป็นการให้เกียรติ และเป็นการให้ความเคารพในศักดิ์ศรีของทหารและพลเรือนของทุกประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เราต้องสื่อสารออกไปให้กัมพูชาได้รีบดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามในตอนท้าย ว่า เรื่องแผนลอบสังหารผู้นำกัมพูชา ซึ่งเป็นสงครามข่าวสารที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีการประชุมจีพีซี ทาง กต. จำเป็นจะต้องประท้วงไปยังกัมพูชาหรือไม่
นายมาริษ กล่าวว่า กต.ได้มีการประท้วงในเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เช้า และอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ ก็ได้ชี้แจงข่าวนี้ไปแล้ว ส่วนแผนการฟ้องผู้นำกัมพูชา ก็จะเป็นไปตามที่ทางคณะรัฐมนตรีเราได้สั่งการ โดยจะมีคณะทำงานเพื่อมาดูร่วมกัน เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ในส่วนของ กต.ก็มีบทบาทในการแนะนำกฏบัตรสหประชาชาติ หรือกฎที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งมีรายละเอียดปีกย่อยเยอะ ดังนั้น เราจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี