‘พลังประชารัฐ’ จวก ‘รัฐบาลเป็ดง่อย’ บี้เปิดรายละเอียดเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’ แนะเปลี่ยนงบกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นงบฯพยุง หวั่น ศก.ไทยไม่ฟื้นตัว
7 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ นำทีม สส.พรรคพลังประชารัฐ อาทิ นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และนายสุธรรม จริตงามสส.นครศรีธรรมราช แถลงถึงผลการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกา
โดยนายชัยมงคล เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐขอโอกาสในการชี้แจงและสอบถามถามถึงรัฐบาล กรณีภาษีสหรัฐฯเป็นที่ทราบกันว่าไทยต้องเสียภาษีนำเข้า 19% ไม่ต่างจากประเทศในอาเซียน ยกเว้นลาวและเมียนมา ภาษีสหรัฐฯ ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างยิ่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เราดีใจที่ประเทศไทยได้อัตราภาษี 19% แต่การได้มาเราอยากทราบข้อเท็จจริง อยากรู้เบื้องหลังซึ่ง พรรคพลังประชารัฐได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคว่า กรณีการเจรจาภาษีต้องไม่เอาความมั่นคงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่หลังจากการเจรจากลับไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาจากรัฐบาล ไม่ว่าจะกรณีการนำความมั่นคงเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือสินค้าส่งออกจากสหรัฐฯ ไทยอาจจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อภาคการเกษตร มีรายการสินค้าใดบ้างที่เราให้ 0% กับสหรัฐฯ เรื่องนี้รัฐบาลต้องรีบมาประกาศ และทำความเข้าใจกับประชาชน
นายไชยมงคล กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวรัฐธรรมนูญมาตรา 178 กำหนดไว้ว่ารัฐบาลต้องนำเรื่องเข้าสู่สภาฯเพื่อพิจารณาภายใน 60 วัน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรเปิดเผยคือ ข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนและ สส.รับทราบ รัฐบาลควรโปร่งใส ไม่ใช่กระทำเพื่อจะรักษาอำนาจของรัฐบาลเพียงประการเดียว แต่ควรคำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งจะกระทบในวงกว้างด้วย ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า ทีมวิชาการได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ ภาษีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนในภาคเกษตรทั้งระยะสั้นและระยะยาว เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่เราจำเป็นต้องศึกษาร่วมกันและหาทางปกป้องผลประโยชน์ของคนในชาติ
ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ย้ำว่าอย่าเอาความมั่นคงเข้าไปแลกกับการเจรจาการค้า เนื่องจากจะเกิดผลเสียหายต่อประเทศชาติ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมายืนยันว่า ขั้นตอน กระบวนการ และข้อยุติในการเจรจาที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีการเอาเรื่องความมั่นคงไปแลกเปลี่ยน ขอให้ยืนยันด้วยตัวรัฐบาลเอง สำหรับการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯมี 2 ฝั่ง เราส่งไปสหรัฐฯและมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ฝั่งที่เราส่งออกอัตราภาษี 19% เราไม่ติดใจ แต่ปัญหาเรื่องการนำเข้าทีมเจรจาแจ้งข้อมูลว่า มีสินค้า 11,000 รายการ กำหนดอัตราภาษี 0% ซึ่งจะลามไปถึงสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปและจะมีผลกระทบต่อเกษตรกรของไทย
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า ตนหาข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ตพบว่า ราคาข้าวโพดในไทยเทียบกับราคาข้าวโพดของสหรัฐฯสหรัฐฯ นำส่งโดยเรือ รวมค่าเรือ-ค่าประกันภัยถึงเมืองไทยแล้ว ของไทยยังแพงกว่า 0.5 เท่า ขณะที่ราคาเนื้อหมู นำส่งทางเรือและอยู่ในห้องเย็นแล้วหมูไทยยังแพงกว่า 1 ใน 3 ฉะนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าจะทำให้เกิดความเดือดร้อนและทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างมากอย่างแน่นอน สำหรับเรื่องข้าวโพด เท่าที่ฟังจากนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุถึงการดูแลปกป้องคุ้มครองเกษตรกรในไทย จะใช้ระบบโควตาในการนำเข้าข้าวโพดกับสหรัฐฯ ในส่วนที่ประเทศไทยใช้และเราไม่สามารถปลูกได้พอเพียง
“โควตาที่พูดถึงอยู่ในฝัน อยู่ในใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือเป็นโควตาที่ทีมเจรจา มีข้อตกลงจากทีมเจรจาของทรัมป์เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต้องนำเสนอให้ประชาชนรับทราบว่าการเจรจายังไม่จบ การปกป้องเกษตรกรในประเทศยังไม่ได้คุยกับสหรัฐฯ เลย” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า เวลานี้มีกระบวนการปรับตัวที่จะต้องเกิดขึ้นในประเทศ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ การนำเข้าสินค้าเกษตรในอัตราภาษี 0% จะต้องนำเข้าโดยเสรีหรือจะมีโควตา รัฐบาลจะมีงบประมาณในการที่จะเข้าไปช่วยดูแลอย่างเกษตรกรอย่างไร
นายธีระชัย ยังกล่าวถึงข้อขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า อย่าคิดว่าแรงงานกัมพูชาจะกลับมาในวันนี้หรือพรุ่งนี้ อย่าคิดว่าการค้าขายชายแดนจะฟื้นคืนเหมือนเดิมได้โดยเร็ว จึงขอเสนอแนะว่างบประมาณที่รัฐบาลตั้งเอาไว้ 157,000 ล้านบาท และมีการอนุมัติไปแล้วในหลายเรื่องแต่กลับไม่มีความเร่งด่วน รัฐบาลต้องกลับไปทบทวนโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ควรจะชะลอไว้ก่อน แล้วเอาเงินเหล่านี้มาใช้ในเรื่องที่มีความเร่งด่วนมากกว่า สรุปแล้วเปลี่ยนงบกระตุ้นเศรษฐกิจไปเป็นงบพยุงเศรษฐกิจ ไม่เช่นนั้นแล้วการฟื้นตัวของไทยอาจจะกลายเป็นเข่าอ่อนและไม่มีใครพยุง เรื่องการดูแลผลกระทบในเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา งบที่มีอยู่สามารถจะใช้ดูแลภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารได้
ขณะที่นายชัยมงคล กล่าวเสริมว่า เราติดใจเรื่องความโปร่งใสของรัฐบาล อาจจะโพนทะนาว่า 19% คือความสำเร็จตนเองไม่เชื่อเพราะความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่โทรหานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ย้ำว่าการเจรจาเราล้าหลังเพื่อน รัฐบาลจะมาตีกินไม่ได้
“รัฐบาลต้องชี้แจงเหตุผลกับประชาชน ภาษีนำเข้า 0% กระทบกับครัวเรือนอย่างมาก วันนี้รัฐบาลอ่อนแอเปรียบเสมือนเป็ดง่อย ในสภาฯ และการบริหารราชการแผ่นดินก็มีปัญหา ส่วนบุคคลทั้งนายกฯ สส. และรัฐมนตรีก็กำลังจะมีปัญหา ฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรสร้างมะเร็งร้ายให้แพร่ขยายไป ควรทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมา พรรคพลังประชารัฐขอเรียกร้องให้ทำเช่นนั้น” นายชัยมงคล ระบุ.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี