เขมรยังตั้งแง่‘กู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ’
‘จีบีซี’ไฟเขียว13ข้อ
ห้ามเคลื่อนย้ายเสริมกำลัง
ต้องหยุดยิงอาวุธทุกประเภท
ตั้งผู้สังเกตการณ์ติดตามผล
จว.ชายแดนไม่มีปะทะ“มทภ.2”เมิน“ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 โจมตี ย้ำ จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย ชี้ ไม่อยู่ในความคิดลอบสังหารผู้นำเขมร ย้ำผู้ว่าฯ คุมเข้มทุกพื้นที่จับตาสายลับ-โดรนสอดแนม ด้าน “บิ๊กเล็ก”บินถกจีบีซีไทย-เขมร เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงเน้น “หยุดยิงอาวุธทุกประเภท-ห้ามเสริมกำลัง-ตั้งคณะติดตามผลนำโดยมาเลย์-หยุดปล่อยเฟกนิวส์-ห้ามโจมตีพลเรือน- ปล่อยเชลยต่อเมื่อยุติใช้กำลังอย่างสมบูรณ์” แต่เขมรไม่รับ2เงื่อนไข “ร่วมกู้ทุ่นระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ” รอไปถกจีบีซีรอบหน้า โยนผู้ว่าฯจว.ชายแดนพิจารณาให้ปชช.กลับภูมิลำเนาเดินหน้าจัดถก RBC ในอีก 2 สัปดาห์นำไปสู่การปฎิบัติ จากนั้นเดือนกย.ถกจีบีซี วิสามัยติดตามผล
เมื่อวันที่ 7สิงหาคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ของวันนี้ ไม่มีรายงานเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในทุกพื้นที่ 7จังหวัดชายแดน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 7 จังหวัด รวมทั้งฝ่ายปกครอง ทั้งระดับอำเภอ ตำบล ผู้ใหญ่บ้าน เร่งสำรวจความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบและแจ้งลูกบ้าน หากพบว่ามีความปลอดภัย สามารถกลับภูมิลำเนาได้ ส่วนพื้นที่ใดยังไม่ปลอดภัย ให้ระบุชัดเจน เพื่อให้ประชาชนชะลอการเดินทางกลับภูมิลำเนา ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนยังบินรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่เสี่ยง ขอให้แจ้งตำรวจหรือฝ่ายปกครองได้ทันที
มทภ.2รับมอบโดรนลาดตระเวน
ที่กองบัญชาการกองทัพบกพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ให้สัมภาษณ์หลังรับมอบอุปกรณ์โดรนลาดตระเวน เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นำโดย นายปานเทพพัวพงษ์พันธ์ เพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้าว่า อุปกรณ์ที่ได้มอบให้วันนี้เป็นความจำเป็น ซึ่งเราจะเห็นว่าเป็นการรบสมัยใหม่ ไม่มีเวลาไปจัดซื้อจัดหาตามระบบราชการ ก่อนจะเข้าสู่ระบบงบประมาณต้องใช้เวลานาน พวกเราได้อุปกรณ์เหล่านี้จากกลุ่มพลังเพื่อแผ่นดิน ยามเฝ้าแผ่นดิน และประชาชนทั่วประเทศ ที่ได้มีส่วนร่วมปกป้องประเทศชาติในโอกาสนี้
สำหรับสิ่งของเหล่านี้ตนจะรีบนำไปให้ทหารแนวหน้า ใช้ป้องกันตัวเองลาดตระเวน การรักษาเขตแดนประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องกองทัพอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของประเทศไทย ถ้าความมั่นคงไม่มี คนไทยก็อยู่ยาก ไม่ใช่เรื่องทหาร แต่เป็นเรื่องของคนไทยทั้งประเทศ ขอบคุณคนไทยที่มีความคิดทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้ทหารแนวหน้าได้รับทราบว่ามีคนไทยแนวหลัง ส่งกำลังใจและอุปกรณ์ที่จำเป็นมาให้ต่อเนื่อง จะทุ่นแรงน้องๆเป็นอย่างดี จากการที่ตนไปเยี่ยมทหารหน้าแนวขวัญกำลังใจดีนอกจากนี้ตนประสานหน่วยในพื้นที่สอบถามความต้องการในสิ่งที่ขาดแคลน ซึ่งสิ่งที่จำเป็นคืออุปกรณ์เทคโนโลยี และเครื่องนุ่มห่ม เป็นของใช้สิ้นเปลืองในช่วงหน้าฝน
ย้ำทหารหน้าแนวตรึงกำลังห้ามประมาท
พลโทบุญสินยังได้ประเมินท่าทีเขมรหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือจีบีซีว่า ในความคิดตนคิดว่าน่าจะไปในทิศทางที่ดี ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทยปัจจุบันอยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องปกติที่ต้องคุยกัน เช่นการหยุดยิงซึ่งเราคุยกันอยู่แล้ว และสถานการณ์ต่อจากนี้เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดิน ไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เปรียบเทียบกับท่าทีขอบกัมพูชาแล้ว เราต้องประกบไว้แบบนี้
ย้ำผวจ.จว.ชายแดนตื่นตัวเฝ้าระวัง
ถามถึงกรณีกองกำลัง BHQ หรือองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน สายลับกัมพูชาที่เข้ามาสอดแนมในไทย และมีการจับกุมได้ที่จ.บุรีรัมย์ พลโทบุญสินกล่าวว่า เราต้องสืบสวนต่อตามขั้นตอนว่าข้อเท็จจริงคืออะไรมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ซึ่งทุกพื้นที่ตนไม่ประมาท และเรียนผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือ กอ.รมน.จังหวัด ตื่นตัวเฝ้าระวังร่วมกัน ส่วนคนที่ตำรวจจับกุมได้ที่บุรีรัมย์ มาจากกองกำลัง BHQ ใช่หรือไม่ ต้องรอการชี้แจงจากตำรวจ พร้อมยืนยันว่า ทหารหน้าแนวมีขวัญและกำลังใจดีพร้อมปกป้องอธิปไตย เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน
ห่วงทุ่นระเบิดมีอีกอื้อจี้เขมรเก็บกู้
“สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้กังวลอะไร หากคุยกันเข้าใจก็ไม่มีอะไร แต่หากคุยกันแล้วไม่เข้าใจก็พร้อมปกป้องอธิปไตยของเราต่ออย่างไรก็ตาม เราประเมินความจริงใจของกัมพูชาอยู่ เราไม่ประมาท”มทภ.2กล่าว และว่า ส่วนที่ทหารไทยวางรั้วลวดหนามใหม่ที่ช่องอานม้า หลังกัมพูชาเข้ามาตัดรั้วลวดหนามที่เราวางไว้นั้น คนกัมพูชาเข้ามาทำคอนเทนท์ เจ้าหน้าที่ให้ออกจากพื้นที่ไป พร้อมวางรั้วลวดหนามใหม่ เพื่อป้องกันฐานที่มั่นของเรา ในอนาคตจะมีกิจกรรมลักษณะนี้อยู่เรื่อยๆหรือไม่ มองว่าไม่มีปัญหา เราต้องห้ามอย่างเด็ดขาด แต่ข้อดีคือเขาไม่ได้นำอาวุธขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าทุ่นระเบิดในพื้นที่ยังมีจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ประสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ต้องประสานกัมพูชาเก็บกู้
เมินเขมรขอไทยงดใช้F16ออกรบ
ส่วนการเก็บศพของทหารกัมพูชา จากที่ตนลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ยังเห็นอยู่แต่ได้ประสานกับทางกัมพูชาแล้วให้มาเก็บศพไป ซึ่งกัมพูชาตอบรับมาแล้ว ยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาต้องมาเก็บเองเราจะไม่เก็บให้ เพราะกระทบต่อมลภาวะทางอากาศของทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา แต่หากเขาไม่ยอมเก็บเราก็มีมาตรการในการดับกลิ่น
ถามถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน โพสต์ข้อความไม่อยากให้ไทยใช้ F-16ปฎิบัติการและขอร้องนานาชาติไม่ให้ขายเครื่องบินรบให้กับไทย พลโทบุญสินกล่าวว่า เป็นเรื่องของเรา เขาขอ ไม่ให้ใช้ก็ไม่เป็นไรแต่เราจะใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของเรา ส่วนข่าวการลอบสังหารสมเด็จ ฮุนเซน และฮุนมาเนตนั้น เป็นข่าวที่ออกมาจากสื่อของกัมพูชา เราไม่ได้ปฏิบัติอยู่แล้ว
โต้ล้ำแดนซัดเขมรลอบมาวางทุ่นระเบิด
พลโทบุญสินยังชี้แจงกรณีฝ่ายกัมพูชาออกมากล่าวหาทหารไทยรุกล้ำดินแดนของกัมพูชาว่า ทหารไทยไม่เคยรุกล้ำออกนอกเขตแดนไทย มีแต่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทย หลังฝ่ายกัมพูชาเข้ามาวางทุ่นระบิดในเขตพื้นที่ของไทย จนทำให้กำลังพลฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บ พร้อมยืนยันว่าฝ่ายไทยทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยอยู่ในเขตพื้นที่ของไทย ไม่เคยรุกรานใคร
ปิดฉากถกจีบีซีไฟเขียว13ข้อตกลง
ที่ประเทศมาเลเซีย ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชาสมัยวิสามัญ วันที่สี่ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดย 2 ฝ่ายเห็นพ้องแนวทางการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ร่วมจัดทำกับฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯกัมพูชา
จากนั้นพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.เตียเสรย-ฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา ได้ร่วมลงนามบันทึกผลการประชุม ซึ่งมีรายละเอียดตามที่ทั้งสองฝ่ายหารือและตกลงกันตลอด3 วันที่ผ่านมา ด้วยความหวังให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาคลี่คลาย นำมาซึ่งสันติภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกของประชาชนสองประเทศ รวมถึงไทยสนับสนุนการใช้กลไกทวิภาคีพูดคุยอย่างมีประสิทธิภาพ
เห็นพ้องหยุดยิง-ไม่เพิ่มกำลังทหาร
สำหรับข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี 2. รักษาสถานการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย 3. ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา
4. ไม่ทำการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดนเขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน 5. ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี
ส่งคืนเชลยศึกต่อเมื่อยุติกำลังโดยสมบูรณ์
6. การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: ปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมการขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย จะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ 7. กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์
8. เห็นชอบให้เพิ่มเรื่องการปฏิบัติ ดังนี้ 8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่ 8.2 จัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (RBC)ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้จบลง 8.3 ดำรงช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ9.งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม
จัดคณะสังเกตการณ์โดยมาเลย์จับตาหยุดยิง
ส่วนที่ 2 กลไกตรวจสอบการหยุดยิง 10. ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยมาเลเซีย 11. เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดย RBC จะพบกันเป็นประจำ และส่งรายงานให้ GBC ตามสายการบังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย 12.ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่มีมาเลเซีย เป็นผู้นำ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำประเทศไทย และกัมพูชา ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว
ส่วนที่ 3 การประชุม GBC 13. ให้จัดการประชุม GBC หนึ่งเดือนหลังวันที่ 7 สิงหาคม 2568 (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง
มาเลย์-อาเซียนหนุนข้อตกลงหยุดยิง
จากนั้น พล.อ.ณัฐพลแถลงว่าช่วงเช้าที่ผ่านมาพบกับดาโตะเซอรี อันวาร์อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งมีพลเอก เตียเซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชาเข้าร่วมด้วย การหารือเป็นไปอย่างฉันท์มิตร โดยนายกฯมาเลเซียยินดีที่เห็นการหยุดยิงและความคืบหน้าที่ดีในการหารือกรอบจีบีซีไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิบัติตามการหยุดยิง
ทั้งนี้นายกฯมาเลเซียยืนหยัดชัดเจนว่าได้หารือกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆแล้ว และเห็นตรงกันว่าการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทย มาเลเซียจะเพียงช่วยประสานงานให้ทั้งสองฝ่ายหารือเพื่อแก้ปัญหากันเอง โดยมีอาเซียนสนับสนุน นอกจากนี้ นายกฯมาเลเซียยินดีที่การประชุมเจบีซี ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันเรื่องของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ที่นำโดยผู้ช่วยผู้ทหารมาเลเซีย และประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนเท่านั้น โดยสหรัฐฯกับจีนจะไม่เข้าร่วม แต่ยินดีสนับสนุนตามที่ไทย-กัมพูชา เห็นสมควร
พล.อ.ณัฐพลยังกล่าวขอบคุณมาเลเซียที่เป็นคนกลางและช่วยประสานงานให้การประชุมครั้งนี้ผ่านไปเรียบร้อย โดยมีสหรัฐฯและจีน ร่วมสังเกตการณ์เช่นเดียวกับการประชุมพิเศษเมื่อ 28 กรกฎาคม 2568 โดยเป็นระดับเอกอัครราชทูต
แฉเขมรยังเสริมกำลัง-ส่งโดรนสอดแนม
การประชุม GBC ครั้งนี้ เป็นการติดตามประเด็นที่ผู้นำไทยและกัมพูชาได้หารือเมื่อ 28 กรกฎาคม ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงให้หยุดยิง และตนย้ำในที่ประชุมว่า ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ฝ่ายไทยปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้นำทั้งสองเห็นชอบร่วมกัน เรื่อการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่พบว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดหยุดยิงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งไทยใช้ความอดทนอดกลั้นที่สุด และตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น แม้ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนสงบ แต่กัมพูชายังเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ และยังใช้อากาศยานไร้คนขับ เข้ามาสอดแนมในพื้นที่ของไทย เป็นการยั่วยุและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน
อีกทั้ง ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวบิดเบือน ไม่ช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาและฟื้นฟูความสัมพันธ์
“สำหรับการประชุม GBC ครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบาย แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ตกลงกันไว้ การกระทำที่ละเมิดการหยุดยิงที่กล่าวมาข้างต้น อาจเป็นการดำเนินการโดยพละการของหน่วยงานในพื้นที่ ดังนั้นเจตนารมณ์ของตนที่เข้าประชุมวันนี้คือการหารือกับฝ่ายกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงใจและสุจริตของทั้งสองฝ่าย เพื่อหาแนวทางทำให้การหยุดยิงเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อนำสันติภาพและความสงบมาสู่ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ของคนสองประเทศ กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ”พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ตั้งผู้สังเกตการณ์ติดตามผล-ห้ามยั่วยุ
และว่า ส่วนผลการประชุมสำคัญครั้งนี้ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันคือ 1.ตกลงยึดมั่นเรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ต้องครอบคลุมอาวุธทุกประเภท และคงกำลังไว้ในที่ตั้งเดิมนับตั้งแต่วันที่หยุดยิง โดยไม่มีการเสริมกำลังเพิ่มเติม2.ให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวคือผู้ช่วยทูตทหารประเทศอาเซียนประจำประเทศไทยและกัมพูชา นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียเข้าไปสังเกตการณ์พื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยจะไม่มีการข้ามแดน และประสานงานกันใกล้ชิด คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC และ GBC ในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดการหยุดยิงโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
3.ทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นการยั่วยุ ทั้งทางทหารและการให้ข้อมูลบิดเบือน หรือข่าวเท็จเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศอำนวยการพูดคุย เพื่อหาทางออกโดยสันติ 4.ปฏิบัติตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยช่วงเฉพาะหน้าจะเก็บร่างผู้เสียชีวิตส่งกลับประเทศ และประกอบพิธีอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ส่วนการส่งกลับเชลยศึกตามหลักกฎระหว่างประเทศ จะให้ส่งกลับทันทีที่มีการยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 โดยระหว่างนี้ตนได้ยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ให้การดูแลบุคคลเหล่านี้ตามหลักกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน
เขมรไม่รับ2เงื่อนไข ‘กู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ
พล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า 5.ทั้งสองฝ่ายจะรักษาช่องทางการพูดคุย และใช้กลไกทวีภาคีที่มีอยู่แก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นไม่ให้บานปลาย โดยหลังจากนี้จะจัดประชุม RBC ภายในสองสัปดาห์ เพื่อประสานการปฎิบัติตามสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ จะประชุม GBC อีกครั้งใน 1 เดือนข้างหน้า เพื่อติดตามความคืบหน้าการผลประชุมครั้งนี้ และตนยังหยิบบกอีก 2 ประเด็นสำคัญ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ โดยขอให้การประชุมครั้งนี้เน้นเฉพาะการหยุดยิงก่อนและขอให้นำไปหารือในการประชุม GBC ครั้งต่อไปคือ
1.ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความตึงเครียด จนนำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน เรื่องนี้ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะ และพื้นที่อื่นตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย 2.ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ หรือออนไลน์สแกรม ซึ่งส่งผลต่อประชาชนคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง
ย้ำต้องจริงใจร่วมมือจึงจะเกิดผลรูปธรรม
“ผมขอย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือและเห็นพ้องกันวันนี้ จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของสองฝ่าย ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นให้ความร่วมมือ และการพูดคุยอย่างสุจริตใจและจริงใจต่อไป บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดไทยและกัมพูชา เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันย้ายหนีจากกันไม่ได้ เราเป็นสมาชิกของครอบครัวอาเซียนด้วยกัน หากทั้งสองประเทศแก้ปัญหาได้เร็ว จะนำสันติภาพมาสู่พื้นที่ชายแดน และประชาชนสองประเทศ กลับมาใช้ชีวิตสงบสุขอีกครั้ง“ พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรอบเวลาติดตามข้อตกลงหยุดยิง และจะพิจารณาให้ประชาชนกลับบ้านอย่างไร พล.อ.ณัฐพลระบุว่า การประชุม GBC วันนี้ ตนและรมว.กลาโหมกัมพูชาลงนามบันทึกการประชุมไปแล้ว ซึ่งจะเป็นกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า และจะลงรายละเอียดภายในกรอบที่ได้ตกลงกัน และหลังจากนั้นอีก 1 เดือน จะประชุม GBC วิสามัญ เพื่อติดตามผล
ให้ผู้ว่าฯพิจารณาส่งคนกลับบ้าน
“แต่ในกรณีที่เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ มีการปะทะกันเกิดขึ้น จะประชุม GBC วิสามัญ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว” พล.อ.ณัฐพล กล่าวสำหรับประชาชนที่จะกลับภูมิลำเนา ปัจจุบัน ศบ.ทก. กำหนดให้ผู้ว่าฯแต่ละจังหวัดประสาน ผบ.หน่วยทหารในพื้นที่ได้โดยตรง เพราะสถานการณ์แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน จังหวัดใดมีความพร้อมสามารถกลับภูมิลำเนาได้ แต่สิ่งที่กองทัพห่วงคือปัจจุบันมีกระสุนและจรวดที่ฝ่ายกัมพูชายิงมาตกในชุมชน อาจยังหลงเหลืออยู่ จึงเร่งสำรวจ ดังนั้นประชาชนที่กลับภูมิลำเนาแล้ว หากพบเห็นวัตถุระเบิดดังกล่าวให้แจ้งหน่วยทหารและตำรวจในพื้นที่ เพื่อเข้าไปเก็บกู้
ชี้นิมิตหมายดีถ้าจริงใจปฎิบัติ
เวลา 17.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปสมัยวิสามัญ (GBC) ว่า ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่สามารถพูดคุยและเห็นพ้องร่วมกันในข้อตกลงที่มีการหารือกันในที่ประชุม ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่หากมีความจริงใจจริงจังในการปฏิบัติเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วง ก็ให้การหยุดยิงนั้นสามารถเกิดผลโดยสมบูรณ์ รวมถึงเรื่องต่างๆก็จะเป็นไปตามข้อตกลง
ฮึ่มถ้าเขมรละเมิดฟ้องอาเซียน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการละเมิดข้อตกลงจะมีกลไกใดรองรับหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทั้งหมดนี้มีกระบวนการรองรับ แม่ทัพทั้งสองฝ่ายต้องคุยกัน ซึ่งจะมีผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทยและผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศกัมพูชา และผู้ช่วยทูตทหารของมาเลเซียสังเกตการณ์ดูแล ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ต้องเกิด ถ้าไม่เกิดอาเซียนก็ต้องเข้ามาช่วยเป็นพยานให้ เป็นเรื่องที่กฎหมายระหว่างประเทศจะดำเนินการ
ถามว่าต้องมีการทบทวน เพื่อยกเลิก MOU43 หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน MOU43ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อันนี้เป็นเรื่องการหยุดยิง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุบานปลายจนปะทะกัน ฉะนั้น MOU43 เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าจะคุยเรื่องนี้ต้องไปคุยอีกระดับหนึ่งตามกฎหมายทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี