‘สว.พันธ์ใหม่’หนาว
จ่อถูกฟ้องฐานปลอมลายเซ็น
ปมล่าชื่อชงประธานวุฒิ
สั่ง136สว.หยุดทำหน้าที่
‘หมอเปรม’โวยวิชามาร
กดขี่คนยืนข้างประชาชน
ขู่ “สว.อิสระ” จ่อโดนฟ้องอาญา ดาบสอง ฐานปลอมลายเซ็น ชง “ปธ.วุฒิฯ” ส่งศาลฟัน “136 สว.คดีฮั้ว” ด้าน “เปรมศักดิ์” จวกยับ “สว.ตัวตึง” ใช้สารพัดวิชามาร ขู่กดดันถอนชื่อในคำร้องส่งศาล รธน.ฟัน 136 สว.เอี่ยวคดีฮั้ว ซัดใช้อำนาจในเงามืด กดขี่คนยืนข้างปชช. ถามกลับประธานวุฒิฯ ทำไม2มาตรฐาน ตรวจสอบช้า ที‘มุ้งใหญ่สีน้ำเงิน’เร่งด่วนจี๋
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มอิสระ เข้าชื่อจำนวน 21 คน ยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของสว.ทั้ง 136 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 113 และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ สว.ทั้ง 136 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จากคดีฮั้วการเลือก สว.และต่อมาพบปัญหามีการปลอมลายเซ็น จนถึงขั้นไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน รวมถึงมีสว.บางส่วนที่เข้าชื่อ ได้ถอนรายชื่อออกไป โดยอ้างว่าเข้าใจคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญ จนส่งผลให้เสียงในการเข้าชื่อไม่ถึงกึ่งหนึ่งในการยื่นเรื่องกังกล่าวต่อประธานวุฒิฯนั้น
จ่อฟ้องสว.อิสระปลอมลายเซ็นต์
ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงของวุฒิสภา เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ถือเป็นการปลอมรายชื่อ สว. เป็นเอกสารเท็จที่ยื่นต่อประธานวุฒิสภาฯ ขอให้ส่งศาลฯ ดำเนินการกับ 136สว. โดยฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมดำเนินการตรวจสอบแล้ว หากพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารจริง จะมีการฟ้องอาญาในเรื่องนี้ โดยการไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป
‘หมอเปรม’โวยสว.ถูกบีบให้ถอนชื่อ
ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างอยู่ต่างประเทศว่า ตนได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 7ส.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อสว. เพื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของสว.ทั้ง 136 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 113 และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ สว.ทั้ง 136 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จากกรณีที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลางชุดที่ 26 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สรุปสำนวนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเข้าข่ายขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 โดยได้รับแจ้งรายว่า รายชื่อในคำร้องไม่ครบทำให้ตกไป
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา โดยนาวาตรีและ น.ส.นันทนานันทวโรภาส เป็นช่วงที่ตนไปดูงานประเทศมาเลเซียกับ ปปช.จึงไม่ได้ร่วมยื่นคำร้องด้วย แต่ได้ประสานเพื่อน สว.ยื่นเรื่องถึงประธานวุฒิสภา รายชื่อตอนยื่นครบแล้ว 21คน ครบ1ใน10 สามารถยื่นได้ แต่ได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาภายหลัง ต้องระงับคำร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรายชื่อ สว.ไม่ครบ 1 ใน10 เพราะมีสว.ที่ลงชื่อแล้วมาถอนชื่อในภายหลัง ซึ่งการถอนชื่อครั้งนี้มีเบื้องหลังแน่นอน แม้จะอ้างเหตุผลอะไรก็ตามแต่อยากให้ประชาชนได้ติดตามเหตุผลลึกๆ ที่แท้จริง
ขู่ฟ้องดำเนินคดี-เหิมงัดใช้’วิชามาร’
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนได้รับทราบจากสว.หลายคนที่ร่วมลงชื่อในกลุ่มสว.อิสระว่า มีความพยายามจากจาก สว.ที่มีรายชื่อถูกร้องเรียนได้โทรมาล็อบบี้ ให้ถอนชื่อ เพื่อให้จำนวนผู้ลงชื่อไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเชิงข่มขู่ว่า หากไม่ยอมถอนชื่อออก จะถูกฟ้องกลับถูกดำเนินคดี จะทำให้เสียประวัติถูกบันทึกเป็นคดีความภายหลังสว.บางรายที่เข้าชื่อถอดถอนถูกฝ่ายตรงข้ามร้องเรียนให้กรรมการจริยธรรมสว.ตรวจสอบในบเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลพอจะไปชี้แจงกลับถูกปฎิเสธไม่ให้นำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงอย่างไม่เป็นธรรม เสมือนเป็นการสร้างประเด็นให้หวาดกลัว หวั่นเกรงต่าง ๆ เพียงหวังให้ต้องยอมไปถอนชื่อออกเท่านั้น “มีการทำทุกวิถีทางเพื่อให้ สว.ถอนชื่อ ก่อนหน้านี้ก็กดดันสร้างความลังเลให้ผู้ที่ยังไม่ลงชื่อไม่กล้าร่วมลงชื่อ ใครลงชื่อแล้วก็กดดันให้ถอนชื่ออีก ผมถือว่าเป็น “วิชามารทางการเมือง” ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อล้มคำร้องไม่ให้ครบตามจำนวน 20 รายชื่อและตกไปโดยอัตโนมัติ บางคนถึงขั้นโทรมาหาผม บอกว่า เขาถูกขู่ว่า ถ้าไม่ถอนชื่อจะมีของตามมา มีทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องส่วนตัว ถูกขุดขึ้นมาคุกคาม สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การเมืองแบบมีวุฒิภาวะ แต่คือการใช้อำนาจในเงามืด เพื่อกดขี่คนที่ยืนอยู่กับประชาชน แบบนี้ยังจะเรียกว่าการเมืองในระบบได้อีกหรือ”นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
ยืนข้างประชาชน-ใช้สิทธิ์ตรวจสอบ
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในวุฒิสภาจะมีสว.ที่ทำตัวเป็นขาใหญ่ใช้วิชามารทั้งกดดันในทางลับและทางแจ้ง มีขาใหญ่ในกลุ่มไลน์กลางสว. ซึ่งเป็นช่องทางติดตามข่าวสารหลักของ สว.ทุกคน ใช้การก่อกวนด้วยข้อความ เสียดสี เย้ยหยันและข่มขู่ในกลุ่มไลน์ บางคนโพสต์รูป ข้อความ เสียดสีแซะไม่หยุดวันละหลายครั้ง ใครไม่ถอนชื่อก็โดนกดดันอย่างหนัก ขู่ว่าจะมีคดีความตามมา คนที่ทนไม่ไหวก็ต้องถอย นี่มันคือการกดขี่เสียงข้างน้อยอย่างเลือดเย็น นี่คือเครื่องชี้วัดว่า มีแผนการล็อบบี้ไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เรื่องเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนขอตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาถึงสองมาตรฐานในการพิจารณาคำร้องว่า คำร้องของสว.สีน้ำเงินที่ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมและนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ถูกประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลในวันเดียวกันอย่างรวดเร็ว แต่พอเป็นคำร้องของ สว.กลุ่มอิสระให้ดำเนินการกับสว. 136 คนกลับถูกตรวจสอบอย่างยืดยาด ล่าช้าจนเปิดช่องให้การล็อบบี้อย่างเต็มที่กระทั่งมีการถอนรายชื่อออก การเลือกปฏิบัติเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา แต่ยัง ส่งสัญญาณอันตรายว่า ผู้มีอำนาจกำลังใช้กลไกในรัฐสภาเพื่อสกัดเสียงตรวจสอบ สว.กลุ่มอิสระแค่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องขอความชัดเจนจากศาล แต่วิธีที่พวกตนถูกจัดการ มันสะท้อนว่าฝ่ายเสียงข้างมากในวุฒิสภาบางกลุ่ม ไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตยใดๆเลย
ประกาศล่ารายชื่อยื่นถอดถอนต่อ
“การที่รายชื่อไม่ครบ 20คนนั้น ไม่ใช่ความผิดพลาดตามธรรมชาติ แต่เป็นการใช้วิชามารที่ชัดเจนในการจัดการกับสว.เสียงข้างน้อย ให้คำร้องตกไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่สว.อิสระก็ใช้สิทธิอย่างถูกกฎหมายเช่นเดียวกับสว.สีน้ำเงินทุกประเด็น เราจะไม่หยุดที่จะสู้ต่อ แม้ว่าจะมีการถอนชื่อและกดดันอย่างหนัก พวกผมพร้อมที่จะหาสว.มาทดแทน เพื่อให้เรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญโดยสมบูรณ์และได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นธรรม เพื่ออนาคตของการเมืองที่โปร่งใสและยึดมั่นในหลักนิติธรรมอย่างแท้จริง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของสว. 136 คน แต่เป็นเรื่องของระบบรัฐสภาไทยทั้งระบบ ถ้าเสียงข้างน้อยไม่มีที่ยืน วันหนึ่งประเทศนี้จะไม่มีที่ยืนสำหรับประชาชนเช่นกัน” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
DSIเร่งขอเอกสารคดีฮั้วเลือกสว.
มีรายงานความเคลื่อนไหวของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.ได้สืบสวนสอบสวนเส้นทางการ เงินบุคคลเกี่ยวข้องในขบวนการจัดฮั้ว ยังพบความผิดปกติของนิติกรรมทางการเงินในช่วงเวลาสำคัญ ทั้งก่อนการเลือก สว.ระหว่างการเลือกและหลังเสร็จสิ้นการเลือก สว. คณะพนักงานสอบสวนจึงทยอยออกหมายเรียกพยานสอบปากคำรวมกว่า 100รายและได้มีการประสานหนังสือไปยังวุฒิสภาเพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิด สว.อาทิ ผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาประจำตัว สว. เนื่องจากปรากฏเส้นทางการเงินถูกโอนกลับไปที่คณะบุคคลบางกลุ่มในขบวนการจัดฮั้ว จึงเตรียมออกหมายเรียกพยานลอตสุดท้ายมาสอบสวนปากคำนั้น
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษฯเผยว่าปัจจุบันครบระยะเวลา 2 สัปดาห์แล้ว ภายหลังจากที่ดีเอสไอได้ประสานหนังสือไปยังวุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับการแต่งตั้งกลุ่มผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ของสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ทั้ง 200 ราย เนื่องจากรายงานการสืบสวนสอบสวนและพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน พบว่ามีเส้นทางการเงินของคนใกล้ชิด สว.เหล่านี้ไปเชื่อมโยงกับกลุ่มคณะบุคคลที่อยู่ในขบวนการจัดฮั้วระดับประเทศ จึงต้องประสานเอกสารจากวุฒิสภา โดยเฉพาะรายชื่อและการกรอกประวัติส่วนตัวเพื่อนำมาตรวจสอบถึงที่มาที่ไป ก่อนพิจารณาเชิญมาสอบสวนปากคำในฐานะพยานเพื่อชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน แต่ในปัจจุบันนี้ดีเอสไอยังไม่ได้รับเอกสารจากวุฒิสภาครบถ้วน ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการประสานเร่งติดตามผลการขอเอกสารอย่างต่อเนื่อง และสอบถามถึงข้อติดขัดดังกล่าว
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษฯ ระบุอีกว่า สำหรับพฤติการณ์ที่พบความผิดปกติเรื่องเส้นทางการเงินของคณะทำงานคนใกล้ชิด สว. ยกตัวอย่างคณะทำงานจะได้รับเงินเดือน 15,000 บาท บางรายกลับโอนยอดเงินดังกล่าวให้กลุ่มบุคคลภาย นอกหมดทุกบาททุกสตางค์ ขณะที่บางรายอาจมีติดบัญชีไว้บ้าง จำนวน 1,000-2,000 บาท แต่จากการสืบสวนพบว่าส่วนใหญ่มีทั้งโอนตรงเข้าบัญชีและเอาเงินสดไปให้ ซึ่งมีความต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ก่อนเลือก สว.และหลังเสร็จสิ้นการเลือก สว.ไปแล้ว
แฉมียื้อ-อ้างพรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากนี้ มีรายงานความเคลื่อนไหวจากสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ว่าในการประสานขอเอกสารของดีเอสไอเกี่ยวกับการกรอกประวัติส่วนตัวของบรรดาผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาของ สว.ทั้ง 200 ราย เพื่อไปใช้ประกอบการสอบสวนในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.นั้น สมาชิกวุฒิสภา(สว.)เล็งเห็นว่าจะต้องมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของสว.ก่อนเพื่อขอมติการยินยอมในการให้หน่วยงานอื่นเข้าถึงข้อมูล เพื่อเป็นการป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตาม พรบ.พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA
กกต.แจ้ง14ก.ย.เลือกซ่อมแทนพิเชษฐ์
วันเดียวกัน สำนักงาน กกต.ได้พิจารณาและมีมติกำหนดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนุญมีคำวินิจฉัยให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สิ้นสุดสมาชิกภาพลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ในวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. หลังมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งโดยรับสมัครรับเลือกตั้ง ระหว่างวันพุธที่ 13 – 17 ส.ค. 2568 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย การเลือกตั้ง สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่7 ประกอบด้วย อำเภอแม่จัน (เฉพาะตำบลจันจว้าและตำบลจันจว้าไต้) อำเภอเชียงแสน อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงของ (เฉพาะตำบลครึ่ง ตำบลศรีดอนชัย ตำบลริมโขง ตำบลาบลเวียง ตำบลสถาน และตำบลห้วยซ้อ) และอำเภอเวียงแก่น
ทหารแห่เข้าอวยพรวันเกิด’บิ๊กป้อม’
ช่วงวันเดียวกัน ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดให้อวยพรในวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 80ปี ในวันที่ 11สิงหาคม2568 โดยช่วงเช้าพล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นตัวแทนผู้บัญชาการทหารบก รวมถึง พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่1 เข้าอวยพร รวมถึง ข้าราชการทหาร ตำรวจนักการเมือง ทยอยเข้ามาอวยพรต่อเนื่อง
โดย พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกล่าวว่า อายุ 80ปีแล้ว จะไปแข็งแรงเหมือนคนหนุ่มได้อย่างไร แต่ยอมรับว่ายังเป็นห่วงประเทศชาติและได้ลงพื้นที่ เยี่ยมเยือนประชาชน ที่ไม่อีโหน่อีเหน่อะไรแต่ได้รับความเดือดร้อน กับเหตุการณ์นี้ พร้อมให้กำลังใจทหารในแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี