‘ภูมิธรรม’ใช้ก.ม.ไทยฟันแพ่ง-อาญา
ฟอง‘ผู้สั่งการเขมร’
เพื่อให้มีชนักติดหลัง
ศบ.ทก.ตั้ง‘บุ๋ม-ปนัดดา’
โฆษกฯชน‘มาลี’เฟคนิวส์
ม.รามถอนปริญญา‘ฮุนเซน’
รัฐบาลมอบ 7 รมต.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม 12 ศูนย์พักพิง 4 จว. เก็บข้อมูลกำหนดแผนเยียวยารอบ 2 กรณีบ้านเรือน ไร่นา สัตว์เลี้ยงก่อนชงครม. ด้าน “ภูมิธรรม” ควง “มาริษ” ไปศรีสะเกษ 9 สิงหาคม ดูความเสียหายจุดที่ยังมีปัญหาเยียวยา ลั่นฟ้อง “ผู้สั่งการกัมพูชา” ทำผิดก.ม.แพ่ง-อาญาของไทย ให้มีชนักติดหลัง ลั่นต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ ขณะที่ “บิ๊กเล็ก” เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ชน “มาลี”ชอบปล่อยเฟกนิวส์ โวไทยเครดิตดี ตปท.เชื่อถือข้อมูล ส่วนที่เขมรไม่รับ 2 เงื่อนไข “กู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ” ไว้ป้องกันตัวเอง แต่จะนำไปหารือถกจีบีซีรอบต่อไป ศบ.ทก.สรุปผล GBC ภาพรวมสำเร็จการเจรจา หวังฝ่ายกัมพูชา จริงใจในภาคปฏิบัติ รับสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังเฝ้าระวัง หลังพบเขมรตรึงกำลัง-เคลื่อนอาวุธ-โดรนบินบางพื้นที่
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ รับฟังแนวทางกำหนดการเยียวยารอบสอง ที่เกี่ยวข้องกับบ้านเรือนเสียหายรวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร ปศุสัตว์ โดยการตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่พักพิงชั่วคราวทั้งหมด 12 แห่ง ใน 4 จังหวัด รัฐมนตรีจะรับฟังแนวทางเพื่อมอบความช่วยเหลือ ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 9-10 สิงหาคมนี้
รบ.ส่ง7รมต.ลุย4จว.ชายแดน
โดยวันที่ 9 สิงหาคม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ วันที่ 10 สิงหาคม มี 6 รัฐมนตรี ลงเก็บข้อมูลและเยี่ยมเยียนผู้พักพิง โดย 1. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ 2. นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ 3. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ 4. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ 5. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ 6. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และพร้อมเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา ซึ่ง 7 รัฐมนตรีที่ลงพื้นที่จะสรุปข้อมูลกลับมา เพื่อกำหนดแนวทางการเยียวยารอบที่สองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทางการเกษตร ปศุสัตว์และในส่วนของบ้านเรือนของประชาชนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“อ้วน-มาริษ”ไปศรีสะเกษตรวจความเสียหาย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ วันที่ 9 สิงหาคมว่า จะเดินทางไปพร้อมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ จะลงพื้นที่ไปดูสถานที่ที่ได้รับความเสียหาย เช่น ปั๊มน้ำมัน เนื่องจากมีการระบุว่ายังไม่ได้รับการดูแล และหากสามารถเข้าพื้นที่ได้จะเข้าไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งตนสั่งเจ้าหน้าที่ทหารขอให้ทำหน้าที่อย่างเข้มงวดเช่นเดิม ส่วนอื่นถ้าไม่มีปัญหาอะไรไม่ต้องให้การต้อนรับใดๆทั้งสิ้น ให้ว่าไปตามเนื้อผ้า
มอบมทภ.2ถกผวจ.ก่อนให้คนกลับบ้าน
นอกจากนี้ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามที่มีกระแสข่าวว่า ไม่ได้รับงบประมาณเยียวยาดูแลประชาชน รวมถึงจะลงพื้นที่รพ.สต.ชำเม็ง ต.ธงชัย จ. ศรีสะเกษ เพื่อให้ รมว.การต่างประเทศไปเห็นข้อเท็จจริง จะได้นำเรื่องไปพูดคุยในวงเจรจาได้เป็นรูปธรรม ทั้งนี้า จะลงไปดูศูนย์อพยพที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก แม้มีบางส่วนทยอยกลับบ้านแล้ว แต่ขอย้ำว่ายังไม่มีประกาศให้เดินทางกลับบ้าน เนื่องจากขณะนี้ได้ให้กองทัพภาคที่ 2 ไปหารือผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาว่ามีความพร้อมหรือไม่ ให้ยึดความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก หากปลอดภัยก็ให้กลับบ้านได้เลยโดยจะพิจารณาเป็นพื้นที่ไป
ลุยฟ้องเขมรทำผิดกม.ไทยต้องรับผิดชอบ
ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงความคืบหน้าคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมยกร่างคำฟ้องกัมพูชาว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นเราสามารถดำเนินการฟ้องได้ภายใต้กฎหมายในประเทศ ซึ่งเมื่อฟ้องแล้วจะเป็นชนักติดหลังไป หากเขาพร้อมมาเคลียร์ ก็มาได้ หากไม่มาเคลียร์ก็ถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดทั้งอาญาและแพ่งโดยศาลไทย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่ ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งต้องให้กรมสนธิสัญญา กฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียด ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดต่อประเทศ และต้องทำให้กัมพูชามารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์ไทยมีอำนาจฟ้องหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ถือว่าเป็นความเห็น และเป็นคนละประเด็น สิ่งที่รัฐบาลต้องการทำให้เห็นคือ กัมพูชาทำผิดกระบวนการยุติธรรมของไทย ทำให้เสียหาย มีคนเสียชีวิต เราต้องฟ้องตามกระบวนการของไทย
ถามอีกว่า หากถูกดำเนินคดีที่ไทย ผู้ที่มีอำนาจฝั่งกัมพูชาก็ไม่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องรอให้กระบวนการเริ่มต้น และดูว่าถึงขั้นไหน เพราะเจตนาของไทยคือฟ้อง ส่วนจะไปถึงขั้นไหนก็ว่ากันไป
ไม่พึงศาลโลกเล็งใช้อินเตอร์โพลได้
ถามว่าจะไม่ใช้รูปแบบของศาลระหว่างประเทศใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไทยประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ส่วนกระบวนการจะเป็นอย่างไร ก็ไปดูตามนั้น แต่ขณะนี้เราสามารถใช้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ได้ และอีกหลายอย่าง ซึ่งมีกระบวนการยุติธรรมอยู่ ยืนยันเมื่อมีความเสียหาย ก็เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องฟ้อง ไม่ใช่เกมการเมือง หรือการสร้างบรรยากาศอะไร สิ่งที่ดำเนินการก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไป ส่วนการเจรจาก็ยังคงอยู่ การสร้างกระแสทางการเมืองมากดดันอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาของเรา
เมื่อถามว่า กรณีฟ้องผู้สั่งการได้ลิสต์รายชื่อแล้วหรือไม่ว่าจะฟ้องใครบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมว่าไป
“บิ๊กเล็ก”โวสื่อนอกให้เครดิตไทยกว่าเขมร
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ความสำเร็จครั้งนี้ขอมอบให้ทีมงานฝ่ายเลขา ข้าราชการจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ทหารจากทุกเหล่าทัพ หลังเสร็จประชุม ไทยและกัมพูชาต่างแยกกันแถลงข่าว ตนสังเกตสื่อที่ไปรอทำข่าวส่วนใหญ่มารอฟังการแถลงของฝ่ายไทย แสดงให้เห็นว่าเครดิตของไทย เรื่องการเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือในสื่อนานาชาติ ดังนั้น ตนจะยึดถือแนวทางนี้ต่อไป และยึดรายละเอียดตามเอกสารที่ลงนามร่วมกัน
ลั่นตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงใช้ความจริงสู้
“ผ่านมาเราใช้ความจริงสู้กับเฟกนิวส์ ซึ่งเท่าที่ผมดูมา มันได้ผล และได้คุยกันว่า การแถลงของเราจะไม่ร่วมแถลงกัมพูชา ผมแอบคิดว่าสื่อจะสนใจใคร เพื่อประเมินผลปฏิบัติที่ผ่านมา จากการที่สอบถามสื่อที่ติดตามไปทำข่าวที่มาเลเซียเห็นได้ว่า สนใจฟังไทยแถลงข่าว แสดงว่าเครดิตของไทยในการเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงน่าเชื่อถือกับสื่อต่างประเทศ ผมจะยึดแนวทางนี้ต่อไป ให้ตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริง เอาความจริงมาสู้ ในระยะยาวมั่นใจว่าเห็นผลแน่นอน”พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ยันเขมรร่วมมือดี-แม้ปัดกู้ระเบิด-สแกมเมอร์
พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สิ่งที่ประสบความสำเร็จในการประชุมครั้งนี้คือ ก่อนหน้านี้ กัมพูชาไม่ยอมเข้ามาพูดคุยแบบทวิภาคี แต่การประชุมครั้งนี้ กัมพูชาเข้ามาพูดคุย ถือเป็นเป้าหมายที่เราทำสำเร็จเรื่องหนึ่ง แต่ก็ยังมีคนสงสัยว่าเราเชื่อใจกัมพูชาได้หรือไม่ ตนก็ขอเรียนว่าจะใช้แนวทางเดิม คือ ความมีวุฒิภาวะและดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงความเห็นร่วมกันของนานาชาติ ใช้เป็นกรอบกับกัมพูชา ซึ่งในการประชุมกองเลขาจีบีซี กัมพูชาให้ความร่วมมือ อาจจะมีบางข้อเสนอของเราที่เขายังไม่ยอมรับคือ เก็บกู้ทุ่นระเบิดและเรื่องสแกมเมอร์ และมีบางข้อที่เราเองก็ไม่รับข้อเสนอของเขา
ย้ำไทยขอแค่ผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว
พล.อ.ณัฐพลกล่าวด้วยว่า หลังเจรจาจีบีซี จะมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งต่างกับทีมผู้สังเกตการณ์ที่มีผู้ช่วยทูตทหารในอาเซียน เป็นเรื่องที่ไทยขอไว้ก่อน เราขอแค่ผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวเท่านั้น เพื่อไม่ให้มีกองกำลังจากนอกประเทศเข้ามาในไทย ขอให้ประชาชนไว้ใจได้ และเรามองว่ายังไม่จำเป็นต้องให้ผู้ช่วยทูตทหารในอาเซียน เพราะถ้าถึงขั้นนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ เราขอศึกษารายละเอียดกฎหมายของแต่ละประเทศก่อน ยืนยันว่าอะไรก็ตามที่ไม่อยู่ในอำนาจของตนก็จะไม่ทำ ส่วนเรื่องใดที่เกินอำนาจจะนำเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะสมัยที่ตนทำ ศบค. โดนไปหลายคดี ตนอยากให้สถานการณ์คลี่คลายเพื่อให้ ศบ.ทก.จบภารกิจโดยเร็ว ไม่ควรอยู่นาน
ให้มทภ.2คุยผู้ว่า4จว.เคาะส่งคนกลับบ้าน
ส่วนการพิจารณาให้ประชาชนในศูนย์อพยพกลับภูมิลำเนานั้น พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ตนประสานแม่ทัพภาคที่ 2 ให้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัดมาคุยว่า หากสถานการณ์เหมาะสมจะให้ประชาชนกลับภูมิลำเนา โดยให้เร่งดำเนินการ แต่หากมีจังหวัดใดที่แม่ทัพภาคที่ 2 ยังห่วงใย ก็ขอความร่วมมือให้ประชาชนยังอยู่ในศูนย์อพยพก่อน
ยังห่วงจรวดตกค้างในพื้นที่เร่งเก็บกู้
ถามย้ำเรื่องการให้ประชาชนกลับบ้าน ทางพื้นที่ตัดสินใจได้เอง โดยไม่ต้องรายงาน ศบ.ทก.ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ใช่ เพราะ ศบ.ทก.อนุมัติและเห็นชอบไปตามนี้แล้ว แต่ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจเอง เพราะต้องเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดประสานทหารในพื้นที่ที่จะรู้ถึงความปลอดภัยว่า จะกลับบ้านได้หรือยัง สิ่งที่ยังเป็นห่วงคือ การที่กัมพูชาระดมยิงอาวุธมายังฝั่งเรา และมีลูกจรวดบางส่วนที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ เรากังวลว่าประชาชนกลับไปแล้วอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจจะเป็นลูกหลานที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เข้าไปเก็บเข้าไปหยิบก็ บาดเจ็บ ถึงเสียชีวิต ตรงนั้นเป็นเรื่องที่เสียใจ เพราะเราพยายามดูแลสถานการณ์มาจนถึงวันนี้ ฝ่ายทหารถึงขอประเมินอีกนิด และเร่งเข้าไปตรวจพื้นที่ว่ามีลูกจรวดหรือกระสุนปืนใหญ่ หรือวัตถุระเบิดอะไรที่ยังคงตกค้างในพื้นที่ ตรงนี้ต้องขอความเห็นใจประชาชน ไม่ใช่ว่าเราไม่มั่นใจสถานการณ์ แต่เราไม่มั่นใจความปลอดภัยของประชาชน แต่เมื่อพื้นที่ใดที่ทหารตำรวจมั่นใจถึงจะกลับได้
ใช้กับระเบิดเป็นเครื่องป้องกันตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า 2 ข้อเสนอที่กัมพูชายังไม่ตอบรับคือ ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด และเรื่องความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ กัมพูชาให้เหตุผลอย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่ได้ให้ แต่เราพอทราบ เพราะเขายังอาศัยกับระเบิดเป็นเครื่องป้องกันเขาอยู่ ตนรู้สึกว่า ที่เขาพูดเพราะยังไม่ไว้ใจฝ่ายเรา ตนถึงได้บอกว่า การเจรจาของฝ่ายเลขานั้นยากมาก กัมพูชาไม่ไว้ใจฝ่ายไทย ฝ่ายไทยก็ไม่ไว้ใจกัมพูชา ฉะนั้น การตกลงเพื่อให้ได้ข้อยุติ สื่อมวลชนก็จินตนาการเอาแล้วกันว่าความยากขนาดไหน ไม่ได้เป็นการพูดคุยทั่วไป จึงขอชื่นชมและขอบคุณฝ่ายเลขามากๆ ที่บรรลุข้อเสนอของเราและได้ข้อสรุปที่เหมาะสมในสถานการณ์อย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมจีบีซีครั้งต่อไป เราก็จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมรับ ซึ่งตอนแถลงข่าวหลังประชุมวันที่ 7 สิงหาคม ตนแถลงประเด็นนี้ด้วย พูดให้นานาติรับทราบ
2 ข้อนี้ฝ่ายกัมพูชาไม่รับ
ตั้ง“บุ๋ม ปนัดดา”โฆษกศบ.ทก.ชน“เจ้มาลี”
พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ขออนุญาตเปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาเพิ่มเติมคือ น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี บอกตรงๆว่าจะมาปะทะกับพล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา อย่างน้อยความได้เปรียบ ตนมั่นใจคือ สวยกว่าแน่นอน โฆษก ศบ.ทก. เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ฉะนั้นขอเปิดตัว น.ส.ปนัดดาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งการทำงานของ น.ส.ปนัดดาปัจจุบันก็ทำงานอยู่ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยตนขอความกรุณา น.ส.ปนัดดาให้ช่วยตอบโต้ทางออนไลน์ ซึ่งตนและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลให้กับ น.ส.ปนัดดาในการที่จะแถลงข่าว เพราะฉะนั้นนับแต่วันนี้เป็นต้นไป น.ส.ปนัดดาคือโฆษก ศบ.ทก.
ด้านน.ส.ปนัดดากล่าวว่า ที่ตัดสินใจมาทำหน้าที่ เพราะเราอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสาก็อยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน เป็นสื่อกลางที่สามารถคุยกับสื่อ ประชาชน และทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง รวมถึงการสื่อสารกับต่างประเทศว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยของเรา ทั้งนี้ ฝ่ายทหารได้คุยกันว่า ถ้าจะหาโฆษกมาชนกับกัมพูชาได้มันที่สุดก็น่าจะเป็นตน ก็เลยยินดีที่จะมาช่วยงานเพื่อประเทศไทยของเรา
ลั่นเป็นคนตรงชัดเจนไม่กลัวเฟกนิสว์
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเอาอยู่หรือไม่กับพล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา น.ส.ปนัดดากล่าวว่า ตนไม่กลัวเรื่องเฟกนิวส์ อยู่แล้ว เพราะเราเป็นคนตรง ชัดเจนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ตนเชื่อว่าสื่อไทยเองก็รู้จักตนเป็นอย่างดี และเราทำงานด้วยกันมานาน จะรู้ว่าตนชัดเจนแค่ไหน ดังนั้น กับฝั่งนั้น เขาพูดอะไรมา พวกเราไม่ค่อยให้ราคาเขาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เราจะสร้างความเชื่อมั่น ข่าวที่ออกมาจะไม่มีเฟกนิวส์ กลั่นกรองก่อนนำเสนอ น.ส.ปนัดดา กล่าวว่า ใช่ จะไม่มีว่ายิงหรือเปล่า อันนั้นใช่หรือเปล่า อันนี้ใช่หรือเปล่า แต่จะเป็นข่าวที่เป็นจริงเท่านั้น ที่จะลงในเพจนี้ และก็ขอฝากไว้ด้วย
เขมรตรึงกำลังชายแดน-เคลื่อนอาวุธ
วันเดียวกัน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลประชุม ศบ.ทก.ว่า ในส่วนของความมั่นคงภาพรวมสถานการณ์ชายแดนที่ผ่านมา เราตรวจพบกัมพูชาตรึงกำลังที่ชายแดน พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งไทยต้องตรวจตราติดตามใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการเข้าข่ายยั่วยุบางจุด โดยทหารไทยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หน่วยปฏิบัติการได้ใช้มาตรการตอบสนอง และควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการเฝ้าระวัง ตรวจตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่เสี่ยง
นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่อยากให้ประชาชนทราบ คือผลประชุมจีบีซี ไทยเขมรลงนามร่วมกันสองฝ่ายใน ประเด็นหลัก 13 ข้อ ที่สำคัญต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ฝ่ายเราประเมินว่าการประชุมได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายประเด็นที่ฝ่ายไทยยืนยันและผลักดันขับเคลื่อนมาโดยตลอด หลักๆของการประเมินแล้วเราเห็นการเห็นพ้องต้องกันในการหยุดยิง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ตรงนี้เต็มๆ จะสามารถกลับไปภูมิลำเนาและใช้ชีวิตได้อย่างปกติต่อไป
ย้ำถกจีบีซีภาพรวมประสบความสำเร็จ
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวต่อว่า สรุปภาพรวมจากการประชุม GBC แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับแรกการหารือของฝ่ายกองเลขานุการของทั้งสองประเทศถือ ว่าประสบความสำเร็จในการเจรจาและได้บรรลุข้อตกลงทุกข้อตามที่ทั้งสองฝ่ายต้องการ อีกระดับหนึ่งคือระดับของการประชุม GBC ถือว่าประสบความสำเร็จสองฝ่ายได้ร่วมลงนามข้อตกลง และข้อที่สุดท้ายที่เราต้องติดตามต่อไปคือการปฏิบัติตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแน่นอนวิงวอนและภาวนาว่าฝ่ายกัมพูชาจะแสดงความจริงใจในการปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆเหล่านี้ ซึ่งเราต้องติดตามกันต่อไป
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศน์ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศเป็นประธานประชุมออนไลน์กับเอกอัครราชทูต เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวร และกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกเรื่องสถานการณ์ไทย - กัมพูชา โดยชี้แจงและยืนยันกับทูตให้สะท้อนกับประชาคมโลกว่า ในการเจรจา และการเดินหน้าไทยจะยึดมั่นข้อเท็จจริง กฎหมาย หลักสากล ความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว และยังคงจะรักษาอธิปไตยโดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ขอให้ประชาชนคนไทยมั่นใจว่าทีมไทยแลนด์ ทุกแห่งกำลังทำงานอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะสื่อสารกับประชาคมโลกในช่วงจังหวะสำคัญนี้ เพื่อเน้นย้ำจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคี และยังคงเดินหน้าปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด อย่างจริงใจ และสุจริตใจ
ม.รามฯเพิกถอนปริญญาฮุนเซน
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ออกแถลงการณ์ เรื่อง เพิกถอนปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สมเด็จ ฮุนเซน มีเนื้อหาระบุว่า ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง พิจารณารอบด้านแล้ว มีมติให้เพิกถอนปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ ของสมเด็จ ฮุนเซน ด้วยเหตุผลว่า มีท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐไทยอย่างชัดแจ้ง สนับสนุนส่งเสริมให้ใช้กำลังอาวุธอย่างรุนแรงอย่างไร้มนุษยธรรมต่อประชาชนชาวไทย เป็นเหตุให้ทหารและพลเรือนไทยต้องบาดเจ็บล้มตาย บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเสียหายอย่างประเมินค่ามิได้ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการรุกล้ำอำนาจอธิปไตยของไทย นำไปสู่การปะทะกันตามแนวพรมแดนของทั้งสองประเทศ พฤติกรรมสวนทางกับคำประกาศเกียรติคุณที่สมเด็จ ฮุนเซน เคยได้รับการยกย่องเชิดชูจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถ้าปล่อยให้ฮุนเซน ถือครองสิทธิในปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ดังกล่าวต่อไป ย่อมทำให้สังคมไทยเข้าใจผิดในเจตนารมณ์การมอบปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ ที่ได้เคยดำเนินการมาแล้ว เมื่อพฤติกรรมของผู้ได้รับมอบปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เปลี่ยนแปลงไป คำประกาศเกียรติคุณดังกล่าวย่อมสมควรจักต้องถูกลบล้างไปด้วย ซึ่งทำได้ทางเดียวเท่านั้นคือ เพิกถอนปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่ได้เคยมอบให้ฮุนเซน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี