เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 9 ส.ค.2568 ว่า ทหารไทยลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา เหยียบทุ่นระเบิดเป็นครั้งที่สาม ส่อถึงสมรภูมิรบครั้งใหม่ใกล้เวลาเปิดศึกกันอีกครั้ง
อีกทั้งกล่าวว่า ผลการเหยียบทุ่นระเบิดฝังใหม่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ศรีสะเกษนั้น ทหารยศสิบเอกข้อขาซ้ายขาด ส่วนพลทหาร 2 นายบาดเจ็บหนัก และเป็นการเหยียบทุ่นระเบิดหลัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ เจรจายุติสู้รบไม่มีเงื่อนไขกับนายกฯ ฮุน มาแนต เมื่อ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การประชุมจีบีซี ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา กัมพูชายังไม่ยอมรับข้อตกลงเก็บกู้ทำลายทุ่นระเบิด กระทั่งทหารไทยลาดตระเวนชายแดนแถบภูมะเขือต้องโชคร้ายพลาดไปเหยียบเมื่อ 9 ส.ค.
นายจตุพร คาดว่า การเหยียบทุ่นระเบิดล่าสุดนี้ จะส่งผลให้การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ส่อไม่ยุติลงเด็ดขาด เพราะโอกาสปะทะครั้งใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ โดยการวางทุ่นระเบิดใหม่นี้ ชี้ชัดว่า กัมพูชาไม่สนใจอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้าม ใช้ สะสม และให้ทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่กัมพูชาลงสัตยาบันด้วย
"สถานการณ์ชายแดนยังไม่นิ่ง จึงยังวางใจไม่ได้ ส่วนกองทัพสองประเทศต่างเตรียมการเคลื่อนกำลังพลประชิดชายแดนกันเต็มที่ สิ่งสำคัญกัมพูชาไม่เคยเหยียบทุ่นระเบิดเหมือนฝั่งไทยเลย ดังนั้น แทบคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่า ใครเป็นคนวาง"
ส่วนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดใหญ่ที่สุดในไทย ถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของสมเด็จฮุน เซน นั้น แม้สมเด็จฮุน เซน บอกได้นำใบปริญญาทิ้งโถส้วมไปแล้ว แต่มหาลัยแห่งนี้ได้ผลิตบัณฑิตรับใช้ประเทศในตำแหน่งใหญ่โตมาแล้วมากมาย ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ควรไปใส่ใจกับคำพูดสมเด็จฮุน เซน เพราะตอบโต้ด้วยอารมณ์สะใจ ประชดประชันแบบฉับพลัน และขาดการยั้งคิด
สิ่งสำคัญและน่าสนใจคือ ปรากฎข่าวลือจะยึดทรัพย์สมเด็นฮุน เซน ที่ฝากไว้ในไทย ถึงที่สุดแล้วเชื่อว่าไทยคงไม่กล้าทำ เพราะจะกระทบกับทรัพย์สินนักธุรกิจการเมือง ที่ไปฝากซุกเงินไว้ในกัมพูชาเป็นจำนวนมากกว่าทรัพย์สินของสมเด็จฮุน เซน ฝากไว้ในไทย
"ถ้าไทยอยากรู้ว่า คนไทยเป็นใครบ้าง ซึ่งเป็นคนสนิทและแพลมชื่อให้รู้กันแล้วว่า นำทรัพย์สินไปฝากที่กัมพูชา ดังนั้น ให้ยึดทรัพย์อังเคิล (สมเด็จฮุน เซน) ในไทยก็จะได้รู้กัน แต่รักษาการนายกฯ จะกล้าหรือเปล่า ที่จะเปิดเผยความจริงว่า ใครปล้นชาติไปจำนวนเท่าใด แล้วนำไปฝากฟอกในกัมพูชา และเราจะได้หูตาสว่างมากยิ่งขึ้น"
อีกทั้งเชื่อว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่กล้ายึดทรัพย์สมเด็จฮุน เซน ที่ฝากซุกไว้ในไทยอย่างแน่นอน ซึ่งไม่แตกต่างจากการฟ้องคดีอาชญากรสงครามในศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะหวั่นกระทบลุลามถึงการอุ้มฆ่าคนไทยในสงครามยาเสพติดช่วงต้นปี 2546 รวมทั้งกรณีกรือเซะ ตากใบ และเรื่องราวความเหี้ยมโหดอื่นจะประเดประดังเข้าใส่
"ดังนั้น ความสัมพันธ์เชิงบุคคลของไทยคงตัดกันไม่ขาดกับสมเด็จฮุน เซน เพราะมีผลประโยชน์มาเกี่ยวพ่วงกันอยู่ จนทำให้ความตรึงเครียดชายแดนเป็นลักษณะยื่นหมูยื่นแมวกันไป แต่คนไทยนั่งโง่กันอยู่แบบนี้ จึงเชื่อว่า ไทยไม่กล้ายึดทรัพย์สมเด็จฮุน เซน เพราะกลัวถูกตอบโต้จนเรื่องแดงขึ้นประจานเช่นกัน"
นายจตุพร ย้ำว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีความสุ่มเสี่ยง ขอคนไทยกลับบ้านเข้าพื้นที่อย่าประมาทกับการปะทะรอบใหม่ เพราะคำมั่นสัญญาตามตัวหนังสือที่ลงนามยอมรับการเจรจายุติศึกกัน คงไม่มีความหมายกับความจริงใจต่อกัน ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นในสมรภูมิรบของสองชาติชายแดนติดกัน ดังนั้น บาดแผลสู้รบญาติทหารสูญหาย และเสียชีวิตจำนวนมากอาจก่อหวอดร้องหาพาศพกลับบ้าน
อีกทั้งกล่าวว่า จากนี้ไปจะเห็นความบ้อท่าของรัฐบาลที่ไม่ได้เรื่องมากขึ้น โดยเฉพาะการปล่อยข่าว ทักษิณ ชินวัตร ผู้อาสาเป็นเสมียนประเทศ จะรอดคดีทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คดีชั้น 14 ในทางการข่าวแล้ว แทบไม่มีคุณด้านบวกกับทักษิณเลย รวมถึงคดีถอดถอนนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร ศาลจะลากยาวต่อ หรือในสัปดาห์หน้าจะกำหนดวันวินิจฉัย ย่อมเป็นไปได้ทั้งสิ้น
"แต่ถ้าลากเวลาออกไป ผลลัพธ์ตามมา ยิ่งจะเกิดความเสียหาย หากผลออกมารอดเร็ว ประชาชนจะได้คิดอ่านปฏิบัติการรุกจบเร็วได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่รอดโดยลากเวลาให้ช้าไป บ้านเมืองยิ่งเสียหาย ซึ่งเราไม่สนใจจะรอดหรือไม่รอด เพราะทุกผลลัพธ์นั้น ภาคประชาชนมีแบบไว้เลือกเดินอยู่แล้ว"
นายจตุพร เชื่อว่า จากนี้ไปสถานการณ์ประเทศทุกด้านมืดมนไปหมด ยิ่งพรรคการเมืองใหญ่เปิดศึกแย่งชิงและแตะสกัดผลประโยชน์กันทุกฝ่าย ดังนั้น โอกาสได้นายกฯ ใหม่ จะเป็นใครก็ตาม ย่อมลุ่มๆ ดอนๆ ขาดเสถียรภาพ ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ จึงต้องเฝ้าดูกันทีละตอน
ส่วนการยุบสภานั้น คาดว่าพรรคเพื่อไทยไม่กล้า เพราะเสียเปรียบทางการเมือง ถ้ายุบก็แพ้ ส่วนนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ หากไม่รอดคดีศาล รธน. แล้วผลักดัน นายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นเป็นนายกฯ สถานการณ์รัฐบาลก็ง่อนแง่นอยู่ดี และยิ่งวนมาทำลายเสมียนประเทศให้ย่อยยับเร็วขึ้น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี