พท.วอนศาลเลื่อนพิจารณาไป6ด.
คดีคลิป‘ฮุนเซน’
อ้างเหตุการณ์ประเทศไม่ปกติ
ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญนัดถก13ส.ค.
‘อิ๊งค์’ปิดปากไม่ตอบปมไขก๊อก
ลุ้นระทึก คาด 13 สิงหาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคลิปเสียง “ฮุนเซน” ด้าน“อิ๊งค์”ไม่ตอบ ไขก๊อกพ้นเก้าอี้นายกฯก่อนจะมีคำตัดสิน ขณะที่เพื่อไทยวอนเลื่อนการตัดสินออกไปก่อน อ้างเหตุการณ์ไม่ปกติ
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีการพิจารณาคำร้องของ สว.ให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯฮุนเซน เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้เวลานางสาวแพทองธาร ส่งเอกสารที่แจ้งภายใน 15 วันและขยายเวลาให้ส่งคำชี้แจง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก 15 วันและครั้งที่ 2 อีก 5 วัน ซึ่งวันสุดท้ายของการส่งคำชี้แจงคือวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2558 โดยนายกรัฐมนตรีได้ทรงคำชี้แจงในวันดังกล่าว
นายสมชัย ระบุว่าโดยปกติศาลรัฐธรรม นูญจะมีการประชุมในวันพุธ ดังนั้น วันพุธที่ 6 สิงหาคม ควรจะมีความคืบหน้าหรือ มีการนัดหมายว่าจะวินิจฉัยคดีดังกล่าวในวันใด แต่จนถึงวันนี้ 12 สิงหาคม ยังไม่ปรากฏข่าวใด ๆ
ล้นศาลถกคดีคลิปอังเคิล
พร้อมระบุเหตุผลว่ามีทั้งเป็นข้อเท็จจริงและการคาดเดา คือ
1. วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 ศาลไม่สามารถนัดประชุมได้ เนื่องจากวันที่ 4-9 สิงหาคม 2568 ตุลาการศาลรัฐธรรมจำนวน 5 คน ได้แต่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ /นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม / นายนภดล เทพพิทักษ์ / นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยเจริญกุล มีภารกิจ นำคณะผู้อบรมหลักสูตร “ข้าราชการศาลฯ ระดับอำนวยการ รุ่นที่ 1” ได้ศึกษาดูงานที่ประเทศอินเดีย
2. คาดเดาว่า การนัดหมายวินิจฉัยน่าจะมีขึ้นในการประชุมวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 และวันที่นัดหมายอาจเป็น 20 หรือ 27 สิงหาคม 2568 ไม่ควรล่าช้ากว่านั้น เพราะคดีนี้เป็นคดีสำคัญและไม่ควรปล่อยให้ประเทศอยู่ในภาวะมีแต่นายกรัฐมนตรีรักษาการนานเกินไป
3. การดึงเวลาให้ล่าช้าออกไป อาจเป็น การเปิดโอกาสให้นางสาวแพทองธาร ตัดสินใจลาออกเอง ซึ่งจะทำให้ตัวเองยังมีอนาคตทางการเมือง และ ศาลอาจจะรู้สึกสบายใจมากกว่าที่ไม่ต้องวินิจฉัย เนื่องจากผู้ถูกร้องเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เมื่อไม่มีสถานะเป็นรัฐมนตรีแล้วก็สามารถจำหน่ายคดีทิ้ง ไม่ต้องวินิจฉัยให้เป็นประเด็นอะไรอีก
นายสมชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “รอดูพรุ่งนี้ จะมีวันนัดหรือไม่”
เพื่อไทยอ้อนเลื่อนไปก่อน
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการประชุมศาลรัฐธรรมนูญประจำสัปดาห์ในวันที่ 13ส.ค.ที่อาจจะพิจารณานัดฟังคำวินิจฉัยคดีถอดถอนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีคลิปสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่า อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญชะลอการพิจารณาคดีดังกล่าวไว้ก่อน พร้อมทั้งให้ยกเลิกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อให้กลับมามีอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ในช่วงภาวะวิกฤติทั้งปัญหาสงครามชายแดน กรณีภาษีการค้าสหรัฐฯ และแก้ปัญหาภายในประเทศต่างๆทั้งการปราบยาเสพติด คดีเขากระโดง ควรหยุดคดีนายกฯไว้สัก 6เดือน เมื่อแก้ปัญหาต่างๆผ่านไปแล้ว ค่อยนัดตัดสินคดีอีกครั้ง การมีนายกฯตัวจริงบริหารประเทศในภาวะวิกฤติย่อมเป็นผลดีต่อประเทศมากกว่ากว่านายกฯรักษาการแน่นอน ที่การบริหารงานไม่ราบรื่น
อย่างไรก็ตามหากศาลรัฐธรรมนูญเดินหน้าพิจารณาคดีนายกฯ และคำวินิจฉัยออกมาในทางลบต่อพรรคเพื่อไทย ก็มีแผนสำรองคือ ผลักดันนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่ถ้ายังมีการต่อต้านนายชัยเกษมอย่างหนัก จนยื้อต่อไม่ไหวจริงๆ คงต้องยุบสภา จึงอยากให้การเมืองนิ่งที่สุด เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้ แต่เชื่อว่า สถานการณ์คงไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้น ยังมั่นใจศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยนายกฯไม่มีความผิด เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่นายกฯจะลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน ก็ไม่เป็นความจริง เป็นข่าวลือ ในพรรคไม่เคยคุยกันเรื่องนี้
‘อิ๊งค์’ไม่ตอบลาออกปมคลิปเสียง
ที่ท้องสนามหลวง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ถึงกระแสข่าวการลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยน.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่หันมายิ้มให้สื่อมวลชน และกล่าวว่า “คิดถึงนะคะ” ผู้สื่อข่าวพยายามถามอีกว่าอยากชี้แจงกระแสข่าวนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ไม่ตอบคำถามดังกล่าวและได้เดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชน เพื่อไปขึ้นรถเดินทางออกจากสนามหลวง
ด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม เตรียมลาออกหากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะส่งผลกระทบกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ไม่มี วันนี้นายกรัฐมนตรีเองก็ยังมาร่วมทำบุญตักบาตร และยืนยันว่าทางพรรคไม่ได้กังวล และไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ และยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยเสียกำลังใจ และกำลังใจยังดีอยู่ ก่อนทำท่ายกนิ้วโป้ง 2 ข้าง
ไม่ยุบสภาหลังผ่านงบ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยทางเฟซบุ๊กว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม 2568 เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าจะผ่านการเห็นชอบในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 โดยไม่มีปัญหาใดๆ ก่อนส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา
ที่ผ่านมามีสื่อบางรายวิเคราะห์ว่าหลัง พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภาแล้ว รัฐบาลอาจทำการยุบสภา ขอเรียนในฐานะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยได้ยินแนวคิดนี้จากบุคลากรสำคัญ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคแต่อย่างใด ดังนั้น การวิเคราะห์ว่าจะมีการยุบสภาหลังผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณ จึงเป็นเพียงการมโนที่ปราศจากข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิงครับ
สว.พร้อมพิจารณาร่างพรบ.งบ
นายอลงกต วรกี สมาขิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 คนที่1 วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ69 ซึ่งสภาฯ เตรียมพิจารณาวาระสองและวาระสาม ในวันที่ 13-15 ส.ค. นี้ว่าจะมีการติตามขณะเดียวกันในส่วนของกมธ.ของวุฒิสภา ยังมีการพิจารณาเนื้อหาและรายละเอียด โดยเชิญหัวหน้าส่วนราชการเข้ามาชี้แจงรายละเอียด และสว.มีหน้าที่ทำข้อสังเกต โดยวันที่ 13 ส.ค.นี้ กมธ.ของวุฒิสภา ได้เชิญหน่วยงานมหาดไทยเข้ามาชี้แจงในรายละเอียด ทั้งนี้การพิจารณารายละเอียดของสว.ไม่สามารถตัดหรือเปลี่ยนแปลงได้มีหน้าที่เพียงตั้งข้อสังเกต หากพบว่างบบางตัวมีความแปลก เช่น งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตั้งงบไว้สูงเพื่อใช้ทวงหนี้ผู้ที่ผิดนัดชำระเงินกู้ กยศ. หรือ งบประมาณบางหมวดที่เป็นเบี้ยหัวแตก งบการแก้ปัญหาทุจริตที่มีกระจายอยู่ในหน่วยงานต่างๆ เป็นต้น เมื่อถามว่า ฝ่ายกมธ.สภาฯ ปรับลดงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยสูงเป็นอันดับหนึ่ง มากถึง 2,148 ล้านบาทนายอลงกต กล่าวว่า เป็นปัญหาของรมว.มหาดไทย และเป็นปัญหาของพรรครัฐบาล ไม่เกี่ยวกับสว. เพราะสว.มีหน้าที่ให้ข้อสังเกต
ปัดมีกระแสข่าวจ้องคว่ำร่างงบ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สว. อาจไม่เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.งบฯ69 นายอลงกต กล่าวว่า ไม่มีไม่เห็นชอบแน่นอน ขอให้คิดดูว่า หากสว.ไม่เห็นชอบ จะใช้มูลเหตุอะไรไม่เห็นชอบ และส่วนตัวได้คุยกับหลายคนเห็นว่า หากสว.ไม่เห็นชอบกระบวนการต้องย้อนไปสส.อีก ดังนั้นสว.จะยื้อทำไม ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน หากสามารถนำเงินเข้าระบบได้เร็วเท่าไรยิ่งดี
“ความเห็นส่วนตัวของผมมองว่า ไม่มีเหตุผลยับยั้ง แต่มีข้อสังเกตได้ แต่ไม่ควรที่จะชะลอการผ่านงบประมาณในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ งบประมาณอนุมัติเร็ว เท่ากับจ่ายเร็ว ส่วนที่บอกว่างบประมาณกระจุกตัวบางจังหวัด เช่น อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ แต่งบเหล่านั้นกระจายตัวในพื้นที่” นายอลงกต กล่าว เมื่อถามย้ำว่า ข่าวลือที่ผ่านงบ นั้นไม่จริงใช่หรือไม่ นายอลงกต กล่าวว่า “ไม่ผ่าน ได้ประโยชน์อะไร เพราะเงินเข้าระบบช้า ทำให้สัคมมองว่าสว.ดึง ไม่มีประโยชน์”
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่างบจังหวัดอาจมีเงินทอนขึ้นได้ นายอลงกต กล่าวว่า “สว.ไม่มีอำนาจยับยั้ง ลด หรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ไม่เหมือนกับ สส.ดังนั้นเงินทอนจะอยู่ที่ไหน”เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าส่วนตัวไม่กังวลใช่หรือไม่ นายอลงกต กล่าวว่า เป็นเรื่องของสส.ไมใช่เรื่องที่สว. กังวล เพราะสว.ต้องรอพิจารณาจากสส. ดังนั้นความกังวลคือ สส.และหน่วยงาน สว.มีหน้าที่ตั้งข้อสังเกต หากหน่วยงานท่ีมาชี้แจงตอบไม่ได้ สว.ทำได้แค่ตั้งสังเกต และนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมวุฒิสภา ช่วงวันที่ 25-26 ส.ค.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี