เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นายเพน โบนา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย โดยระบุว่า "กัมพูชายังคงปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาอย่างเคร่งครัด พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาการวางทุ่นระเบิดใหม่" นั้น
ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกเช่นเคย เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุกำลังพลไทยเหยียบกับระเบิดตั้งแต่ 16 ก.ค.68 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 5 ครั้ง (รวมการปะทะในพื้นที่ปราสาทตาควาย) เป็นพื้นที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (T-MAC) เคยเก็บกู้และเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัยตั้งแต่ปี 2563- 2565 โดยไม่เคยตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ห้วง 15 ก.ค. - 12 ส.ค.68 กองทัพบกได้รับรายงานการตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 ในสภาพใหม่และพร้อมใช้งาน ภายในเขตอธิปไตยไทย ทั้งในจุดเกิดเหตุที่กำลังพลได้รับบาดเจ็บ และจากการตรวจพบในพื้นที่ตามแนวชายแดน รวมทั้งสิ้น 41 ทุ่น สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชายังคงใช้ทุ่นระเบิดเป็นอาวุธคุกคามฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง
โฆษกกองทัพบก ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามลอบทำร้ายฝ่ายไทย ผ่านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตประเทศไทย อีกทั้งยังมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายแสดงให้เห็นทหารกัมพูชาถือพวงทุ่นระเบิด PMN-2 ไว้จำนวนมาก บริเวณด้านหน้าปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
สำหรับประเด็นที่หัวหน้าโฆษกรัฐบาลกัมพูชาอ้างถึงข้อตกลงการประชุม GBC เรื่องการห้ามเคลื่อนย้ายกำลังหรือลาดตระเวนเกินจุดประจำการนั้น กองทัพบกยืนยันว่าหน่วยทหารของไทยยังไม่มีการเพิ่มเติมกำลัง ส่วนการดำเนินการต่างๆ ก็อยู่ภายในขอบเขตดินแดนประเทศไทย แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่มีเจตนาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการลักลอบนำทุ่นระเบิดเข้ามาวางในขอบเขตดินแดนประเทศไทย เพื่อมุ่งหวังทำร้ายฝ่ายไทย จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้ง รวมถึงการบิดเบือนข่าวสารด้วยการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ
ซึ่งมีข้อสังเกตว่า หากฝ่ายกัมพูชาจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ควรแสดงออกที่ชัดเจนด้วยการตอบรับข้อเสนอฝ่ายไทย กรณีการร่วมกันแก้ปัญหาทุ่นระเบิด เมื่อครั้งการประชุมเวที GBC ที่ผ่านมา
เชื่อว่าการให้ข้อมูลเท็จของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องการแอบนำทุ่นระเบิดมาใช้คุกคามฝ่ายไทยนั้น อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในสายตาชาวโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกอนุสัญญาออตตาวา เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนในการเก็บกู้ทุนระเบิดจากนานาประเทศต่อปีเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่กลับนำเงินเหล่านั้นมาใช้ผิดวัตถุประสงค์
ทั้งนี้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้กลุ่มประเทศผู้สนับสนุนเงินทุนให้แก่กัมพูชาสำหรับใช้ดำเนินงานด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ โดยเฉพาะการที่กัมพูชาแอบนำทุ่นระเบิดเหล่านั้นมาเป็นอาวุธ ทำร้ายฝ่ายไทย ซึ่งก็เป็นหนึ่งในภาคีสมาชิกอนุสัญญาออตตาวาเช่นกัน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี