‘วีระ’เตือนรัฐบาลเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ระวังเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ ปูดกลางสภาฯ‘ซ่อนหนี้รัฐ’ผ่านสถาบันการเงิน เฉพาะกิจกว่า 1 ล้านล้านบาท ชี้ไม่มีสิทธิ์พิจารณารายการนอกงบประมาณรายจ่าย
15 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา16.20น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน3.78ล้านล้านบาท วาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่3
นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบฯปี69 ในมาตรา 29 งบประมาณรัฐวิสาหกิจว่า มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณมารวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ21 แห่งที่ของบมา ตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แต่ฝากว่ารัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา รัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนี้ หรือจะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
สำหรับกรณี บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ราว40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป ถือเป็นบทเรียนที่สำเร็จที่สามารถจัดการแก้ไขรัฐวิสาหกิจไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณรัฐได้
ทั้งนี้ ตนยังติดใจรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ,ธนาคารออมสิน ,บรรษัทประกันสินเชื่อธนาคารขนาดย่อม(บสย.) ,ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(SME) และรัฐวิสาหกิจอีก 3 แห่ง คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.), การทางพิเศษแห่งประเทศ(กทพ.)และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) ซึ่งในงบประมาณรายจ่ายรัฐวิสาหกิจ มีตัวเลขที่ขอมา ไม่ควรมองข้าม 4 รายการ คือ 1.ธกส. ของบฯรายจ่ายสูงที่สุด 20,203 ล้านบาท 2.บสย. ของบฯรายจ่าย 8,834.64 ล้านบาท 3.ธนาคารออมสิน ของบฯรายจ่าย 1,517 ล้านบาท และ 4.SME แบงค์ ที่ของบฯรายจ่ายมา278 ล้านบาท
นายวีระ กล่าวว่า ตนอยากตั้งคำถามว่า ทำไมต้องให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้ ในเมื่อมีผลประกอบการ มีกำไร และไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งการของบประมาณเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนตามมาตรา 28 และมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ที่เกิดจากหน่วยงานของรัฐดำเนินกิจกรรม มาตรการและโครงการ โดยที่รัฐบาลรับปากว่าจะชดเชยค่าใช้จ่าย หรือการสูญเสียรายได้ให้ในอนาคต แต่รัฐบาลกลับเอางบประมาณที่จัดสรรให้รัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆที่มีลักษณะธุรกรรมแตกต่างกัน เอามารวมไว้ในที่เดียวกัน ผมอยากบอกว่าไม่ควรทำแบบนี้ เพราะเป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยมในการจัดทำงบประมาณ เพื่อปกปิดการดำเนินการของรัฐบาลที่ใช้เงินนอกงบประมาณ ด้วยนโยบายกึ่งการคลังที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)และ กทพ. ที่ได้รับการจัดสรรงบแบบเดียวกันนี้ ทั้งที่รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งนี้มีผลประกอบการที่มีกำไร ไม่ควรมาของบประมาณในลักษณะแบบนี้อีกต่อไป
นายวีระ กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่เป็นปัญหาขณะนี้ ล่าสุดรัฐบาลตกลงจะมีการใช้งบประมาณ 47,000 ล้านบาท เพื่อให้ธกส. จ่ายสำรองไปก่อนเพื่อช่วยเหลือชาวนา ทำให้ ธกส.ต้องแบกรับภาระตามมาตรา 28 เพิ่มเติม และต้องทำตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งที่มียอดคงค้างที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณจ่ายคืนถึง 9 แสนล้านบาท เป็นข้อมูลที่น่าตกใจ เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ ที่เป็นรายการนอกงบประมาณด้วยนโยบายกึ่งการคลังในขณะนี้ ที่มียอดคงค้างทั้งสิ้น 1,077 ล้านล้านบาท พูดง่ายๆสภาฯพิจารณางบประมาณรายจ่าย ทั้งที่ท่านไม่มีสิทธิ์พิจารณารายการนอกงบประมาณรายจ่ายเป็นมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท
“ถ้าพูดแบบไม่ต้องเกรงใจ รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยเฉพาะ ธกส., ออมสิน และบสย.ได้แล้ว และในปี69 เราเป็นห่วงงบประมาณรายจ่าย แต่ปีงบประมาณหน้า 2570 งบฯที่เกี่ยวข้องรัฐวิสาหกิจจะกระโดดจาก 4.2 แสนล้านบาท ขึ้นเป็น 5.9 แสนล้านบาท และรายการที่เป็นงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ ปีนี้เราตั้งงบฯชำระหนี้แค่ 3.6 แสนล้านบาท แต่ที่น่าตกใจว่าในปี 70-72 เราจะต้องชำระหนี้ภาครัฐรวมเป็นเงิน 5.1 แสนล้านบาท ถ้าเรายังไม่จัดการ การบริหารนอกงบประมาณอย่างจริงจัง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างมาก” นายวีระ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี