สว.ปัดคว่ำงบ’69
เตรียมพิจารณา1-2ก.ย.นี้
“สว.พิสิษฐ์”โต้ข่าว“วุฒิสภา” เล็งคว่ำงบฯปี’69 เผยเตรียมพิจารณา 1-2 กันยายนนี้ ยันไม่มีการข่มขู่ให้ลงมติใดๆ แล้วแต่เอกสิทธิ์แต่ละคน ด้าน“วิสุทธิ์”ดักคอวุฒิสภาไม่มีสิทธิ์โหวตคว่ำงบฯ’69 ทำได้แค่เห็นชอบหรือไม่เท่านั้นเชื่อไร้ปัญหา ต้องจบในเดือนหน้า
เมื่อวันที่ 21สิงหาคม2568 นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) แถลงถึงการประชุมวุฒิสภาว่า วุฒิสภาจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ในวันที่ 1-2 ก.ย.นี้ โดยกำหนดเนื้อหาการพิจารณาออกเป็น 4 ภัยคือ 1.ภัยเศรษฐกิจ เช่น หนี้ครัวเรือนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น รายได้ประชาชนลดลง ราคาสินค้าเกษตรกรตกต่ำ 2.ภัยความมั่นคง เช่น ความขัดแย้งตามแนวชายแดนระหว่างไทยกัมพูชา ความไม่สงบในศาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.ภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัย ภัยแล้งที่เกิดซ้ำซาก รวมถึงสารพิษที่ออกจากโรงงานอุตสาหกรรมและ4.ภัยทางสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด พนันออนไลน์ บุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน ซึ่งหากดูจากร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่าไม่ได้สะท้อนการแก้ปัญหาทั้ง 4 ด้านเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ของวุฒิสภา จะสรุปประเด็นและข้อสังเกตต่างๆรายงานภายในวันที่ 25-26 สิงหาคมนี้เพื่อส่งให้ประธานวุฒิสภา บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมต่อไป โดยสว.จะพิจารณาทั้ง 3 วาระรวดอย่างเร่งด่วนและอยู่ภายใต้กรอบของระยะเวลาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 ที่กำหนดให้พิจารณาภายในระยะ 20 วัน
“ขอยืนยันว่ากรณีที่มีการกล่าวหาว่าวุฒิสภาจะมีมติคว่ำร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะการพิจารณาพรบ.ครั้งที่ผ่านมาถือเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกวุฒิสภาแต่ละคนมาโดยตลอดไม่มีการบังคับขู่เข็ญหรือใช้อำนาจใดๆ ในการลงมติ” นายพิสิษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการอย่างไรกับคนที่ กล่าวหา นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ตนขอตอบในฐานะส่วนตัว ซึ่งตนเคยอ่านวลี วลีหนึ่งที่บอกว่า Imagination is more important than knowledge. ซึ่งตนไม่เคยเข้าใจประโยคนี้ถ่องแท้เท่าวันนี้ คือจินตนาการสำคัญกว่าการเรียนรู้ ผู้ที่กล่าวหา ตนคิดว่าหากจะพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือมโนสำคัญกว่าข้อเท็จจริงที่ตนแจ้งไป ส่วนการที่จะไปตอบโต้อะไรต่างๆ ตนคิดว่าไม่มีความจำเป็น
เมื่อถามว่า ในวุฒิสภาไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ไม่มี ย้ำว่าใครจะโหวตอย่างไร ถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าววุฒิสภาเตรียมโหวตคว่ำร่างพระราชบัญญัต(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569ว่า ตนทราบจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า มีการนำเสนอไปสู่วุฒิสภา เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวุฒิสภามีหน้าที่พิจารณาให้เสร็จสิ้นภายใน 20 วัน โดยใน 20 วันนี้วุฒิสภาก็ต้องมีการพิจารณาให้จบ มีหน้าที่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปแปรญัตติ หรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น และหากครบเวลา 20 วัน วุฒิสภายังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ ก็ถือว่าวุฒิสภาเห็นชอบตามสภาผู้แทนราษฎร หาก สว.ให้ความเห็นชอบก็ทูลเกล้าฯแต่ถ้าไม่เห็นชอบก็จะส่งกลับมายังสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 วรรค 4 ซึ่งจะสามารถบรรจุลงระเบียบวาระให้สภาผู้แทนราษฎรได้โหวตอีกครั้งหนึ่ง และหากผลการโหวตเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ก็ถือว่างบฯ นั้น ได้ผ่านการพิจารณาแล้ว สามารถทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย และประกาศเป็นกฎหมายได้
ดังนั้น จึงไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ เพราะวุฒิสภามีหน้าที่นำไปพิจารณา อย่างไรในเดือนหน้าก็ต้องจบตามหลักการ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะมีแนวทางการปฏิบัติของทั้งสองสภาอยู่แล้ว สำหรับแนวโน้มไม่เห็นด้วยนั้น ก็ไม่เป็นไร วุฒิสภาไม่มีสิทธิ์โหวตคว่ำอะไร ส่วนกังวลว่าจะเป็นเกมการเมืองถูกนำไปอภิปรายโจมตีหรือไม่นั้น วุฒิสภามีหน้าที่แค่ให้ความเห็นชอบกับการพิจารณาหรือไม่ จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้นไม่ได้เลย
เมื่อถามถึงการประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 20ส.ค.ที่หลายคนมองว่าเป็นการชิงปิดประชุมก่อนเพื่อป้องกันองค์ประชุมล่ม ประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า ตนฟังข่าวก็ตกใจ เพราะมีการเขียนว่ารองประธานสภาคนที่หนึ่งปิดหนีการนับองค์ประชุม แต่เมื่อวานนี้ ไม่มีการนับองค์ประชุม เพราะเราได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง ซึ่งทุกคนได้เห็นแล้วว่า มีกว่า 165 มาตรา และมีการลงมติตลอดเวลา
“เมื่อวานนี้สภาฯทำงานกันหนักมาก ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ทุกคนทั้งทุ่มเทกันเต็มที่ ปัญหาคือบางมาตรามีคนแปรญัตติ ขณะที่บางมาตรา ไม่มีการแปรญัตติ และมีคนอธิบายเพียง 1-2 คนเท่านั้น เหนื่อยกันมาก แทบจะหาทางออกไปทานข้าวไม่ได้ บางคนที่ไปห้องน้ำก็บ่นว่า กลับมาแทบไม่ทัน เพราะมีการกดออกตลอด” นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เมื่อจบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การขนส่งรางไป เราก็มองว่าเยอะแล้ว เพราะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมอีก ไปไกลมากแล้ว แต่ทุกคนยังสู้อยู่ ก็สงสารว่าทุกคนเหนื่อยมาก พิจารณาไปถึง 39 มาตราจาก 54 มาตรา ตนจึงเดินไปบอกกับประธานในที่ประชุมว่า ขออนุญาตปิดการประชุม เพราะวันนี้ทำงานหนักมากแล้ว นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่สส.มุสลิม จะต้องประกอบศาสนกิจ หรือการละหมาด จึงขออนุญาตตนว่า ต้องออกไปตั้งแต่ 17.00 น. ตนจึงขอไว้ว่า ขอให้ถึง 18.00 น. แต่เมื่อถึงเวลากว่า 18.40 น. ก็ยังพิจารณาไม่เสร็จ ดังนั้น จึงมองว่าเขาควรประกอบศาสนกิจ ซึ่งได้ทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว จึงเดินไปบอกประธานเองว่า ขอปิดการประชุม ให้ทุกคนได้พักบ้าง เพราะหนักกันมาทั้งวัน
“ขอบคุณฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ การปิดประชุมเมื่อวานนี้ ไม่ใช่เพราะประธานอยากปิด แต่ผมเป็นคนไปร้องขอ เพราะหากขาด สส.มุสลิมไป 30-40 คน ก็จะเป็นปัญหาเรื่ององค์ประชุมอีก แม้ว่าฝ่ายค้านอยากจะให้พิจารณาต่อ แต่ทุกคนก็เห็นว่า เราทำงานทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ชิงปิดกันองค์ประชุมไม่ให้ล่ม ผมมองว่าผลลัพธ์นั้น คุ้มค่า ย้ำว่า ไม่มีการเล่นการเมือง ฝ่ายค้าน และรัฐบาลไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน” ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
เมื่อถามว่า หากรอบหน้าฝ่ายค้านชิงขอนับองค์ประชุมก่อนเวลาช่วงเย็น จะเป็นปัญหาหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่า ฝ่ายค้านคงไม่ได้เล่นเกมอะไร ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวานนี้ มีการลงคะแนนร้อยกว่าครั้งถือว่าหนักที่สุดแล้ว เราทำกันอย่างเต็มที่ เพราะอยากให้กฎหมายตั๋วร่วมไปถึงพี่น้องประชาชน ให้ได้ใช้ 20 บาทตลอดสาย และเป็นความหวังของประชาชนรากหญ้า ที่จะใช้รถไฟฟ้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี