วันที่ 22 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีนักการเมืองคนสำคัญรวมถึงครอบครัวของนายทักษิณ อาทิเช่น นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลังและน.ส.พินทองธา คุณากรณ์วงศ์ ลูกสาวคนกลางของนายทักษิณ เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมฟังคำพิพากษาด้วย
ภายหลังนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลยกฟ้องนายทักษิณ โดยใช้เหตุผลหลากหลายเหตุผล และการพิสูจน์ของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ตามฟ้อง โดยเรื่องนี้จากการสัมภาษณ์ที่เกาหลีใต้ศาลได้ใช้หลักการในการชั่งน้ำหนักตัววัตถุพยาน ศาลเชื่อว่ามีการสัมภาษณ์จริงที่นั่น แต่บทสัมภาษณ์มีมากกว่าที่ปรากฏอยู่ภายในคลิปวิดีโอซึ่งเป็นบางส่วนและมีถ้อยคำตรงกัน เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ จึงไม่ใช่หน้าที่จำเลยที่ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าเป็นการตัดต่อหรือไม่ เพราะส่วนนี้เป็นหน้าที่ของโจทก์ แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้พิสูจน์ให้ชัดเจนว่าไม่ได้ตัดต่อ ซึ่งศาลรับฟังด้วยความระมัดระวังและเห็นว่าน่าเชื่อว่ามีการสัมภาษณ์ แต่การสัมภาษณ์ดังกล่าวจะสามารถตีความและรับฟังได้ว่าหมายถึงบุคคลตามมาตรา 112 หรือไม่นั้น ศาลพิจารณาประกอบด้วยหลักไวยากรณ์ ตามหลักไวยากรณ์ มีประธาน กริยาและกรรม ซึ่งศาลท่านมองว่าประธานเป็นบุคคลที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นบุคคลตามมาตรา 112 แม้จะมีสรรพนามว่า"เขา" ซึ่งพยานบางปากนำมาตีความพิจารณาโดยใช้หลักอะไรของพยานแต่ละคนก็ตามศาลเห็นว่ารับฟังได้น้อยมากไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากพยานที่เป็นพยานความเห็นมีอคติ ซึ่งฝั่งจำเลยก็พิสูจน์ว่าพยานความเห็นเคยแสดงออกทางเมืองอย่างไรบ้างในอดีต มีใครให้การแบบขัดแย้งและไม่เป็นกลางในชั้นสอบสวนและชั้นศาลบ้าง บางถ้อยคำก็นึกคำขึ้นเอาเองว่าตัวนายทักษิณ น่าจะพูดแบบนั้น เพื่อให้แปลความว่าหมายถึงบุคคลตามมาตรา 112
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ศาลยังใช้พจนานุกรมของต่างประเทศ ว่าความหมายตามที่ปรากฎในคำฟ้องหมายถึงอะไรบ้าง ตนไม่ขอลงรายละเอียดในส่วนนี้ แต่รับฟังได้ว่าความหมายดังกล่าวไม่ได้หมายถึงพระมหากษัตริย์ เมื่อเป็นเช่นนั้นองค์ประกอบความผิด องค์ประกอบภายนอก จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 และองค์ประกอบที่เป็นการกระทำต้องทำให้เข้าใจว่าหมายถึงบุคคลใด
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ศาลยังเห็นว่าพยานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ของฝ่ายจำเลย มีความรู้ และเชี่ยวชาญ ได้แปลความและพยานที่จำเลยอ้างทั้งหมดและตั้งแต่ต้นนายทักษิณก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นอยู่แล้ว จึงเป็นภาระการพิสูจน์ของฝ่ายโจทก์ ทั้งเรื่องของการนำคลิปวิดีโอมา การแปลความ น่าเชื่อถือหรือไม่ และเรื่องการสอบสวนในอดีตว่ามีความเป็นมาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่ามีความกังวลใจที่อัยการยื่นอุทธรณ์ในชั้นต่อไปหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า คดีนี้ศาลยกฟ้อง การอุทธรณ์เป็นหน้าที่ของอัยการซึ่งเป็นโจทก์จะพิจารณาว่ามีประเด็นอะไรที่จะอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งการจะอุทธรณ์ประเด็นใดบ้าง มักจะอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย ถ้าข้อกฎหมายยังเห็นไม่ตรงกันก็อาจจะอุทธรณ์ได้ แต่เรื่องนี้ข้อเท็จจริงค่อนข้างชัดเจนแล้ว ตนยืนยันว่าไม่กังวลถ้าจะมีการอุทธรณ์ ทางทีมทนายความก็มีหน้าที่แก้อุทธรณ์ “อย่างที่ตนได้บอกไป การอุทธรณ์ไม่ใช่จะสักแต่จะอุทธรณ์อย่างเดียว ต้องดูว่ามีสาระสำคัญหรือข้อกฎหมายที่ควรจะอุทธรณ์หรือไม่ ตนทำคดีการเมืองมาหลายเรื่องก็ไม่เห็นว่าจะมีการอุทธรณ์ทุกเรื่อง เดี๋ยวสังคมก็ไปกดดันว่าจะต้องให้อัยการอุทธรณ์เหมือนกับที่กดดันให้ดำเนินคดีนายทักษิณ และความเห็นของสังคมที่ทำลายและแย่งชิงอำนาจซึ่งตนไม่อยากใช้คำว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะนี่คือปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบัน ตนจึงไม่อยากให้ศาลตกเป็นเครื่องมือของความขัดแย้ง”
เมื่อถามว่าภายหลังจากศาลพิพากษายกฟ้อง นายทักษิณมีท่าทีอย่างไรบ้าง นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณทีมทนายความ พร้อมบอกว่าหลังจากนี้จะได้ทำคุณประโยชน์และทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ ส่วนบรรยากาศในช่วงการฟังคำพิพากษา นายทักษิณมีท่าทางเรียบเฉยและใช้สมาธิในการฟังคำพิพากษาของศาล และเมื่อศาลอ่านถึงท่อนที่ว่าพยานโจทก์ไม่มีนำหนักเพียงพอ นายทักษิณยิ้มและดีใจซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ตกเป็นจำเลยอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อกล่าวหานี้ที่ตนมองว่าเป็นข้อกล่าวหาที่นำมาเล่นงานนายทักษิณและเจ้าตัวก็ตกเป็นเหยื่อ ตอนนี้ก็ถือว่าได้พิสูจน์ตัวเองและเดินเข้าสู่กระบวนการอย่างเต็มที่ซึ่งผลก็ออกมาตามที่ทุกคนเห็นในวันนี้
เมื่อถามว่า การยกฟ้องครั้งนี้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐานหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนพูดได้เต็มปากในฐานะทนายความของนายทักษิณว่า ศาลได้นำคำถามค้านของจำเลยไปพิจารณาประกอบกับพยานของโจทก์จำนวนมาก ตนนึกย้อนกลับไปก็ดีใจว่าได้ทำเต็มที่แล้ว และหลายคนจับตามองว่าสิ่งที่เป็นสาระสำคัญคืออะไร ซึ่งตนอาจจะเปิดเผยในอนาคตอันใกล้
เมื่อถามว่าคดีนี้เกี่ยวกับมาตรา 112 เช่นเดียวกับ คดีมาตรา 112 ที่ประชาชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโดนมาตรานี้เล่นงานเช่นเดียวกัน จะมีการนำไปเปรียบเทียบกันหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า มาตรา 112 เป็นที่จับตาหรือไม่ ตนมองว่าเรื่องที่จับตาเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ประเทศไทยอยู่ได้เพราะการเมือง พยายามทำให้การเมืองเป็นปัญหา การฟ้องคดี 112 ก็เป็นส่วนหนึ่ง และผู้มีอำนาจรัฐก็นำมาตรานี้มาใช้กับผู้เห็นต่าง “ตนไม่ได้หมายความว่าผู้ที่โดนคดี 112 ทุกคนจะต้องได้รับความเห็นใจ แต่ตนอยากให้แยกการกระทำของแต่ละคนที่มีการโต้แย้งในสภาว่าเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย เป็นเรื่องของการตีความ ซึ่งตนมองว่าส่วนใหญ่มาตรา 112 ถูกนำมาใช้ในทางการเมือง
เมื่อถามว่าหลังจากนี้นายทักษิณจะสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตอนนี้ข้อหานี้ยกฟ้องแล้ว ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ คำสั่งขออกนอกประเทศหลังจากนี้ทีมทนายความจะยื่นคำร้องเพิกถอนในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน ส่วนการเดินทางไปในช่วงนี้หรือไม่นั้น นายทักษิณคงไม่เดินทางไปในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าการเตรียมพยานหลักฐานก่อนหน้านี้ นายทักษิณได้บอกอะไรเพิ่มเติมกับทีมทนายความหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้บอกอะไรกับทีมทนายความ แต่ใส่ใจทุกเรื่องทั้งการสืบพยานที่ได้เป็นคนลุกขี้นมาซักค้านพยานทุกปากด้วยตนเองอย่างละเอียดว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าภายหลังจากนี้มีอะไรอยากฝากถึงสังคมว่าภายหลังจากที่ยกฟ้องแล้วสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ สังคมจะกังวลว่าจะมีการหลบหนีก่อนที่จะนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณยืนยันว่าจะเข้าฟังการนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 อย่างแน่นอน บุคคลที่ชอบคิดว่านายทักษิณจะหนี หรือเอาผลประโยชน์เข้าครอบครัว ตนคงไม่กราบวิงวอนบุคคลเหล่านี้ให้เลิกคิด เพราะเป็นไปได้ยาก ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักจะอาศัยกินบุญเก่า คิดว่าตนพูดแล้วจะมีคนฟังหรือเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง อันนี้อยู่ที่สติปัญญาของบุคคลในสังคม และอยากฝากบุคคลในสังคมให้ใช้สติปัญญาในการรับฟังบุคคลกลุ่มนี้ด้วย ที่ผ่านมาก็พิสูจน์อยู่แล้วว่านายทักษิณไม่ได้หลบหนีและสู้คดีดังกล่าวมาโดยตลอด.
ขณะที่ระหว่างที่นายทักษิณ เดินทางลงบันไดศาล มีสีหน้ายิ้มแย้ม และพูดเบาๆ ว่า ยกฟ้อง ก่อนขึ้นรถยนต์เบนท์ลี่ สีดำ ทะเบียน ฐฐ 267 เดินทางกลับ โดยมีมวลชนเสื้อแดงประมาณ100คนโห่ร้องด้วยความดีใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี