‘ดร.ณัฏฐ์’ชำแหละศาลรัฐธรรมนูญสั่ง‘แพทองธาร’แถลงการณ์ปิดคดีเร็วขึ้น แม้อ้างว่า‘บกพร่องโดยขาดประสบการณ์’ เกมเดียวกับทักษิณ‘บกพร่องโดยสุจริต’ ข้ออ้างมีน้ำหนักน้อย
25 สิงหาคม 2568 สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ถูกร้อง ให้แถลงการณ์ปิดคดี จากเดิมวันที่ 27 สิงหาคม 2568 มาเป็นวันที่ 25 สิงหาคม 2568 เร็วกว่าเดิม โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีระยะเวลาในการเขียนคำวินิจฉัยส่วนตัว ก่อนที่จะมีกำหนด นัดอ่านคำวินิจฉัยคดีนี้ ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ทำให้กระแสการเมืองร้อนแรง ประชาชนคนไทยและทุกฝ่ายจับจ้องว่า ผลคดีนี้ จะเป็นอย่างไร ซ้ำรอย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนคนดัง ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า ในการแถลงการณ์ปิดคดีของคู่ความในคดีรัฐธรรมนูญ ตาม พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง กำหนดให้คู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายมีสิทธิร้องขอให้มีการแถลงการณ์ปิดของตนได้ตามที่ศาลเห็นสมควรและภายในเวลาที่ศาลกำหนด โดยจะต้องทำเป็นหนังสือ มาตรา 67 วรรคสอง ตาม พรป.ฉบับเดียวกัน
การแถลงการณ์ปิดคดีในคดีรัฐธรรมนูญหรือคดีการเมือง เป็นการประมวลข้อเท็จจริงในปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาข้อเท็จจริง โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่าย จะกำหนดประเด็นจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่กล่าวหา พยานหลักฐานของแต่ละฝ่าย โดยประมวลเรื่องทั้งหมด เพื่อให้ฝ่ายของตนเองได้ประโยชน์จากข้อกล่าวหาและแนวทางคำชี้แจง โน้มน้าวจิตใจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีผลต่อแนวการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลในระบบไต่สวน
#การแถลงคดีคู่กรณีทั้งสองฝ่าย จะแถลงการณ์ปิดคดีหรือไม่ก็ได้
การหยิบยกข้อแถลงการณ์ปิดคดีเป็นการประมวลเรื่องทั้งหมดแต่ละฝ่าย น้ำหนักคดี ของคู่กรณีแต่ละฝ่าย จะไปเพิ่มน้ำหนักให้คู่กรณีแต่ละฝ่ายเพียงใด แม้จะใช้ความเก๋าประสบการณ์ของทีมทนาย แต่เป็นดุลพินิจเด็ดขาดของศาล ย้ำว่า เป็นดุลพินิจของศาล ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้ศาลจะต้องถือตามคำแถลงการณ์ปิดคดี
ภาษาชาวบ้าน เข้าใจง่ายๆ คือ เป็นการประมวลเรื่องข้อพิพาท เพื่อประโยชน์ฝ่ายของตนเอง เพื่อโน้มน้าวจิตใจของศาลให้เชื่อฝ่ายของตน ให้คดีฝ่ายของตนชนะ แต่เป็นดุลพินิจของศาล ศาลจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ แม้จะไม่แถลงการณ์ปิดคดีก็ตาม ไม่มีผลต่อการชั่งน้ำหนักในคดี
ยกตัวอย่าง ในคดียุบพรรคก้าวไกล ฝ่ายกฎหมายของพรรคก้าวไกล ไม่ได้แถลงการณ์ปิดคดีในศาล แต่กลับไปแถลงการณ์ปิดคดีผ่านสื่อมวลชน ภาษากฎหมาย ไม่เรียกว่า แถลงการณ์ปิดคดี เพราะข้อเท็จจริงที่ไปเปิดเผยไม่ได้เข้าสู่สำนวน ศาลไม่อาจหยิบมาวินิจฉัยในคดีได้ เพราะแถลงการณ์ปิดคดี จะต้องทำเป็น “หนังสือ”และ “ทำในศาล”เท่านั้น
#วิธีการ คู่กรณี ต้องทำเป็นหนังสือและยื่นต่อศาล ไม่ต้องแถลงการณ์ด้วยวาจาอีก
ตนขอชำแหละ เกมคดีทั้งสองฝ่าย ใครได้เปรียบ เสียเปรียบ
ฝ่ายผู้ร้อง พล.อ.สวัสดิ์ฯ สว.สีน้ำเงิน อาจเขียนคำแถลงการณ์ปิดคดีเพื่อให้เข้าเงื่อนไขข้อกฎหมายตรงตามข้อกล่าวหา เพราะมีพยานวัตถุ เป็นคลิปเสียงและคำแถลงรับต่อสื่อมวลชน กรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต เป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อนำข้อเท็จจริงบทสนทนาคลิปเสียงระหว่างระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร กับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และเป็นบิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อให้เข้าข้อกฎหมายว่า “ขาดคุณสมบัติ”ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)(5) ทำให้สถานะความเป็นรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(4) ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167(1)
ประเด็นความฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมปี 2561 ข้อกฎหมายใน ข้อ 6 ข้อ 8 ข้อ 17 และ ข้อ 27 ที่ออกตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 จะเป็นเชือกกล้วยมัดคอนางสาวทองธาร ชินวัตร โดยจุดตาย ข้อเท็จจริง เหตุการณ์พูดคุยตามคลิปเสียงบทสนทนา ในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 โดยมีผลต่อการยกเลิกประชุมสภาความมั่นคง ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคง และเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ในวันที่ 16 มิถุนายน ถัดมา ต่อมา นายฮุน เซน มาเปิดโปงปล่อยคลิปเสียง วันที่ 18 มิถุนายน 2568 โดยในวันดังกล่าว ผู้ถูกร้องออกมาแถลงรับทันควันและขอโทษประชาชนและแม่ทัพภาค 2
โดยศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานในคดีที่ 21/2567 นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และคำวินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดและผูกพันทุกองค์กร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคท้าย โดยศาลใช้หลักเกณฑ์ในการวินิจฉัย หลัก “วิญญูชนทั่วไป”ในการวางแนววินิจฉัยและตีความคำว่า ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในลักษณะกว้าง หลายนัยยะ ซึ่งการยกเลิกการประชุม สมช. วันที่ 16 มิถุนายน 2568 และเนื้อหาในคลิปสนทนา ที่ว่า มีปัญหา แม่ทัพภาค 2 อยู่คนละฝ่าย กับ “อังเคิล อยากได้อะไรให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ” จะเป็นทำให้พ้นจากเก้าอี้
โดยเฉพาะคดีนี้ คำว่า “เกรียติภูมิของชาติ” ข้อ 6 “เกียรติภูมิในตำแหน่ง” ข้อ 17 และปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มีควรได้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือ ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ประโยชน์ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข้อ 8 ศาลจะใช้มาตรฐานจริยธรรม ตีความข้อกฎหมายและปรับกับข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นความหมายกว้าง ไม่ต่างจาก คำว่า “ลูกจ้าง”ในคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี โดยหยิบพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานมาตีความ โดยเฉพาะในคดีนายเศรษฐา ทวีสิน ศาลตีความ การแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ทนายถุงขนม ให้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยรู้อยู่แล้ว ยังแต่งตั้งและเลือกคุณสมบัติรัฐมนตรีเฉพาะบางข้อ โดยใช้เทคนิคศรีธนญชัย แต่ศาลหยิบหลักวิญญูชนทั่วไปต่อข้อเท็จจริงดังกล่าวมาพิจารณาทำให้พ้นจากตำแหน่ง
ส่วน ฝ่ายผู้ถูกร้อง อ้างว่า ขาดเจตนา เจตนาดี ไม่มีเจตนาร้ายต่อบ้านเมือง ทั้งอ้างหลักกลยุทธ์การเจรจา โดยอ้างว่า การถูกบันทึกเสียง “บกพร่องโดยขาดประสบการณ์” โดยใช้โมเดลนายทักษิณ ชินวัตร ในคดีซุกหุ้น ที่รอดคดีโดยอ้าง “บกพร่องโดยสุจริต”โดยฝ่ายนางสาวแพทองธารฯ จะยกประเด็นข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงตามคำชี้แจงมาหักกล้าง และที่ไปตอบคำถามในศาลวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา ยกเป็นประเด็นเขียนคำแถลงการณ์ปิดคดี เป็นการประมวลเรื่องว่า ปฏิบัติหน้าที่สุจริตอย่างไร ไม่เข้าพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างไร ไม่เข้าเงื่อนไขจริยธรรมอย่างร้ายแรงอย่างไร โดยมีพยานหลักฐานใดหักล้าง เพื่อยืนยันชัดแจ้งว่า “ไม่ขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีความเป็นนายกรัฐมนตรี”ของฝ่ายผู้ถูกร้อง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของพยาน เพื่อให้ศาลมีมติเสียงส่วนใหญ่ยกคำร้อง
หากดูจากคำชี้แจงพยานฝ่ายผู้ถูกร้องที่ปล่อยผ่านสื่อ จุดที่ผู้ถูกร้องมีจุดอ่อนตรง วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ยกเลิกประชุม สมช.ชุดใหญ่และมาเรียกประชุมเฉพาะบางคนชุดเล็ก ในบ้านพิษณุโลก ทำให้ข้อเท็จจริงย้อนแย้ง เพราะหากมอบหมายให้นายภูมิธรรมฯ ทำหน้าที่ประธาน สมช.แทน แต่นางสาวแพทองธาร จะใช้อำนาจแทรกแซงเรียกประชุมโต๊ะเล็กเพื่ออะไร ทำให้ย้อนแย้งกัน
ส่วนข้อเท็จจริงที่ขาดประสบการณ์และถูกอัดเสียง โดยอ้างว่า “บกพร่องโดยขาดประสบการณ์” เท่ากับไปเพิ่มน้ำหนักที่ยอมรับว่า คลิปเสียง ส่วนหลักการเจรจาที่เป็นกลยุทธ์ชั้นยอด โดยหลักการเจรจาของผู้นำทางการเมืองจะต้องมีหลักผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องและรักษาประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งไม่มีข้อมูลอะไรไปเจรจา แม้นายฮุน เซน ไม่มีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มีสถานะประธานวุฒิสภาและบิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีบทบาททางการเมืองของกัมพูชา ทำให้ภาพรวมคำชี้แจงฝ่ายผู้ถูกร้อง มีน้ำหนักน้อย
ส่วนที่ถามว่า การเลื่อนแถลงการณ์ปิดคดี มีผลต่อรูปคดี หรือมีนัยยะต่อผลคดีหรือไม่ ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า การเลื่อนให้คู่ความแถลงการณ์ปิดคดีให้เร็วขึ้น ไม่มีผลต่อพยานหลักฐานในคดี อาจเป็นไปเพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการเขียนคำแถลงการณ์ส่วนตัวก่อนลงมติ แต่ในแง่เกมคดีและผลคดี มีผลสะเทือน ไม่ต่างจากพรรคก้าวไกล ที่ไปแถลงการณ์นอกศาล หากดูเกมคดีนี้ ศาลอนุญาตให้คู่กรณี เพียง ระยะเวลา 4 วันนับแต่วันไต่สวน ถือเป็นระยะเวลาสั้นมาก อาจบ่งบอกนัยยะทิศทางคดีนี้ได้ว่า ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ เห็นได้จากไต่สวน 2 ปาก และงดการไต่สวนพยานปากอื่นๆ ทำให้ศาลไม่จำต้องฟังคำแถลงการณ์ของคู่ความ ศาลอาจมีธงในใจว่า คดีจะออกบวกหรือลบ แต่ในแง่คดีรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสอง ใช้ “มติเสียงข้างมาก” ตรงนี้ ถือเป็นดุลพินิจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละท่าน ตนไม่ขอก้าวล่วง หากเปรียบเทียบคดีอาญาหรือคดีแพ่ง ในศาลยุติธรรม การแถลงการณ์ปิดคดี ส่วนใหญ่ศาลจะอนุญาต ประมาณ 15 วันนับแต่สืบพยานเสร็จสิ้น ดังนั้น การให้ระยะเวลาน้อย มีผลต่อรูปคดีโดยตรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี