ดีลประวัติศาสตร์! ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ'กริพเพน'เฟสแรก 4 ลำ เสริม'เขี้ยวเล็บ'ป้องกันตัว

ดีลประวัติศาสตร์! ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ'กริพเพน'เฟสแรก 4 ลำ เสริม'เขี้ยวเล็บ'ป้องกันตัว

วันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 19.24 น.

ไทยปิดดีลซื้อ 'กริพเพน' พ่วง Offset Policy 'มาริษ' ประกาศย้ำเป็น 'เขี้ยวเล็บ' ป้องกันตัว-ต่อยอดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อเวลา 12.20น. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงจัดซื้อเครื่องบินรบ Grippen E/F พร้อมความตกลงว่าด้วยนโยบายชดเชยทางเศรษฐกิจ (Offset Policy)  3 ฉบับ ประกอบด้วย


1. ความตกลงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพนระหว่างไทยกับสวีเดน   Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง  วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมีพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนาม 

ฝ่ายสวีเดน  มีนาย Mikael Granholm: ผู้อำนวยการใหญ่ของ The Swedish Materiel Administration (FMV) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสวีเดนที่รับผิดชอบการจัดซื้อจัดจ้างและจัดหายุทโธปกรณ์ด้านการป้องกันประเทศให้กับกองทัพสวีเดน โดยมี Dr. Pal Jonson รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสวีเดนเป็นสักขีพยาน

2. ความตกลงการมอบอำนาจการดำเนินการของรัฐบาลสวีเดนแก่หน่วยงานของฝ่ายสวีเดน  ระหว่าง นาย Mikael Granholm ผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักงานยุทโธปกรณ์สวีเดน / นายLars Helmrich ผู้อำนวยการฝ่ายระบบอากาศและอวกาศของสำนักงานยุทโธปกรณ์สวีเดน / นาย Micael Johansson ประธานกรรมการบริหาร (CEO) ของบริษัท Saab AB  และ นาย Lars Tossman เจ้าหน้าที่จากบริษัท Saab AB

3. ความตกลงนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Offset policy) ระหว่างกองทัพอากาศกับบริษัท SAAB AB ระหว่างนาย Lars Tossman เจ้าหน้าที่จากบริษัท Saab AB กับ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศของไทย 

การลงนามครั้งนี้เป็นการลงนามในสัญญาจัดซื้อระยะที่1 จำนวน 4 ลำแรก จากแผนจัดซื้อทั้งหมด  12 ลำ หรือ 1 ฝูงบิน ซึ่งเป็นการจัดซื้อทดแทน เครื่องบินขับไล่ F-16 เนื่องจากบรรจุประจำการมานานกว่า 37 ปี 

สำหรับแผนการจัดส่งเครื่องบิน ทางสวีเดนจะเริ่มจัดส่งให้ไทยในปี 2572 ปีละ 2 ลำ จนครบ 1 ฝูงบิน

นายมาริษ ระบุว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง "เขี้ยวเล็บ" ให้กองทัพ แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยตามนโยบายรัฐบาล

พร้อมขอแสดงความยินดีที่การลงนามบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งถือเป็นกรอบความร่วมมือที่จะต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จนถึงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศไทยในระยะยาว

"เราตั้งเป้าหมายให้ภาครัฐเป็นผู้อำนวยความสะดวก ขณะที่ผู้ประกอบการและนักธุรกิจในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจะเป็นผู้เล่นหลักในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศในอนาคต ผมได้คุยกับผู้บัญชาการทหารอากาศ ทราบว่ากองทัพอากาศมีบุคลากรที่มีคุณภาพและมีนโยบายชัดเจนที่จะผลักดันไทยสู่การเป็นประเทศลำดับต้นๆ ในด้านนี้" นายมาริษกล่าว

รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า การลงนามครั้งนี้ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่สวีเดนและประชาคมโลก ภายหลังจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกองทัพไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการปฏิบัติตามหลักสากลอย่างชัดเจน

"พวกเราใช้เครื่องบิน Grippen ปฏิบัติการทางทหาร และแสดงให้เห็นชัดว่า เราไม่มีแนวคิดที่จะใช้อาวุธเพื่อรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน เป้าหมายทางทหารที่เรายึดถือได้แสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าเราปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด"

นายมาริษ ได้เน้นย้ำถึงความแม่นยำในการปฏิบัติการของกองทัพอากาศ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก ผบ.ทอ. ว่าปฏิบัติการทั้งหมดไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา แต่เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สามารถทำลายเป้าหมายทางทหารของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแตกต่างจากการใช้อาวุธของอีกฝ่าย

"หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่กัมพูชาใช้อาวุธกับเรา จะเห็นได้ชัดว่าการใช้อาวุธของกัมพูชามุ่งเน้นไปที่การรุกรานและโจมตีเป้าหมายของพลเรือน ซึ่งตรงกันข้ามกับปฏิบัติการของเรา"

สุดท้าย นายมาริษ ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสันติเช่นเดียวกับสวีเดนและสหภาพยุโรป แต่การมีศักยภาพในการป้องกันตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การซื้อขายเครื่องบิน Grippen ในครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ไทยร่วมมือกับนานาประเทศที่รักสันติ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการใช้อาวุธเพื่อปกป้องตนเองอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับในประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top