ฟันคนเผยแพร่คลิปเสียง‘นั่งลงลูก’  ศาลรธน.เอาผิด  ยันชัดบิดเบือน-ทำเสียหาย

ฟันคนเผยแพร่คลิปเสียง‘นั่งลงลูก’ ศาลรธน.เอาผิด ยันชัดบิดเบือน-ทำเสียหาย

วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ฟันคนเผยแพร่คลิปเสียง‘นั่งลงลูก’

ศาลรธน.เอาผิด

ยันชัดบิดเบือน-ทำเสียหาย

‘หมอมิ้ง’ยันส่งตามกำหนด

คำแถลง‘อิ๊งค์’ปิดคดีคลิปเสียง

สว.ปัดตั้งวอร์รูมฟังคดี29ส.ค.

ศาลรธน.สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป“นั่งลงลูก”ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ด้าน“หมอมิ้ง”พร้อมส่งคำแถลงปิดคดีคลิปเสียง“อังเคิลฮุน”วันนี้ ชี้อยู่ระหว่างพิจารณา อิ๊งค์ไปฟังคำตัดสินด้วยตัวเองหรือไม่ ขณะที่‘อิ๊งค์’โต้ดราม่าคลิป‘นั่งลงลูก’ยันศาลบอกงนั่งลงครับ’อัดอย่ามั่ว-ปั่นข่าว‘อดีตสว.สมชาย’ดึงสติอย่าหลงเชื่อ ย้ำควรติดตาม‘แก่น’คดีคลิปเสียง‘หมอวรงค์’ ลั่นศาลที่พึ่งสุดท้าย คดีนักการเมืองต้องโปร่งใสมากที่สุด

เมื่อวันที่ 25ส.ค.2568 นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยื่นคำแถลงปิดคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยื่นภายในวันที่ 25สิงหาคม ว่า กำลังดำเนินการ ซึ่งจะต้องยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันเดียวกันนี้ตามกำหนด เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม จะเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองในวันที่ 29ส.ค.นี้หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณา


ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรม หลังมีกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า”นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน ในคดีคลิปสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ฟังชัดๆๆ..ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่”นั่งลงลูก”อย่างที่มีคนปั่น อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตามคาดว่า วันนี้( 25 ส.ค.) น.ส.แพทองธาร จะดำเนินการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยวันที่ 29สิงหาคม เวลา 15.00น.

‘สมชาย’ดึงสติอย่าหลงเชื่อคลิปปลอม

นายสมชาย แสวงการอดีตสมาชิกวุฒิสภา (อดีต สว.) โพสต์คลิปขึ้นไต่สวนคดีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมข้อความระบุว่า...คำว่า“นั่งลงลูก”เป็นข่าวปลอม คำว่า“นั่งลงครับ” เป็นคำที่ถูกต้อง สังคมไทยควรติดตามแก่นของการพิจารณาคดี พึงอย่าหลงเชื่อกระพี้ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในคดีที่ยึดหลักนิติธรรม จะผดุงความยุติธรรม รักษาเอกราชอธิปไตย รักษาประเทศชาติให้ดำรงอยู่ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้คงมั่นสถาวรสืบไปครับ #เชื่อมั่นในหลักนิติธรรม #เชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ ดร.สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภาในฐานะผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการไต่สวนในศาลรัฐธรรมนูญ

ศาลรธน.สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป’นั่งลงลูก’

วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารฯ นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้น การไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือน ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 วรรคหนึ่งนั้น

ปรากฏว่าหลังวันดังกล่าว มีการเผยแพร่คลิปและข่าวในสื่อสารมวลชนหลายช่องทาง อันเป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการไต่สวนของศาลลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวอ้างว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งพูดกับผู้ถูกร้องว่า “นั่งลงลูก” ซึ่งความจริงท่านพูดว่า “นั่งลงครับ” การเผยแพร่และบิดเบือนดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 38 และมาตรา 39 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 และข้อ 10 และข้อ 11 ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการทางกฎหมายแก่บุคคล ที่กระทำการบิดเบือนและเผยแพร่คลิปดังกล่าวต่อไป

ประธานวุฒิชิ่งตอบสว.สรุปลิปเสียง

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ปฏิเสธที่จะตอบถึงกรณีที่วันนี้สว.จะสรุปสำนวนปิดคดีคลิปเสียงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ส่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ไม่เป็นไรครับ”เมื่อถามว่าจะส่งใครเป็นตัวแทน นายมงคล ไม่ตอบและพยายามเดินหนีผู้สื่อข่าว

ด้าน พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหารและความมั่นคงแห่งรัฐ ในฐานะแกนนำในการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีคดีคลิปเสียงหลุด เปิดเผยว่า ตนเอง ไม่ได้ไปดำเนินการปิดคดีด้วยตัวเอง แต่ได้ส่งหนังสือชี้แจงแทน

สว.ปัดตั้งวอร์รูม29สค.คดีคลิปเสียง

พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เปิดเผยความคืบหน้าการยื่นคำแถลงปิดคดีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยได้มอบหมายให้ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ดำเนินการจัดทำและส่งคำแถลงดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเป็นการส่งในรูปแบบหนังสือ ไม่ได้เดินทางไปยื่นด้วยตนเอง สำหรับกระแสข่าวว่า สว.กลุ่ม 36คน ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องจะตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 ส.ค.นี้ พล.อ.เกรียงไกรยืนยันว่า จะไม่มีการจัดตั้งวอร์รูม ดังกล่าวแต่อย่างใด

ด้าน นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (อดีต สว.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ‘เคารพศาลและเคารพกันและกัน แต่ฟังคลิปเสียงฉบับเต็มและเสียงวุ้นเส้นฉบับแปลแล้วเป็นเรื่องประเทศชาติที่ไม่ควรไปแอบคุยกันและผมเห็นว่า มีเรื่องลับทางทหารรวมทั้งมีข้อความหารือกันแก้ปัญหาที่กองทัพไทยต้องดำเนินการตามกฎอัยการศึกด้วย’

หมอวรงค์ลั่นศาลต้องเป็นที่พึ่งสุดท้าย

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ศาลต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้ประชาชน ในระบบการเมืองที่ต้องการความโปร่งใส แม้การพิจารณาคดีต่างๆ ประชาชนก็ต้องการความโปร่งใส ถ้าการพิจารณาคดีสำคัญ โดยเฉพาะนักการเมือง ที่ถือว่ามีบทบาทต่อประชาชน ถ้าเปิดโอกาสให้ประชาชนรับฟังและถกแถลง สังคมก็ไม่คลางแคลงใจ การไต่สวนของศาลฎีกานักการเมือง ในคดีชั้น 14 เป็นตัวอย่างที่ศาลท่านเปิดโอกาสให้ประชาชน สื่อเข้าไปรับฟัง เพียงแต่ไม่ให้บันทึกคำต่อคำเผยแพร่ เกรงว่าจะเสียหาย ต่อการแสวงหาความจริง หลังการไต่สวนทุกนัด จะมีการนำข้อเท็จจริงที่รับทราบ มาถกแถลงให้ประชาชนได้เรียนรู้ แม้ฝ่ายจำเลย จะพยายามร้องต่อศาลให้ออกข้อกำหนด เมื่อสื่อ รายการทีวี มีการจัดถกเถียงเรื่องดังกล่าว ศาลท่านก็ไม่ได้ออกข้อกำหนด ขั้นตอนการไต่สวนจึงโปร่งใสมาก

โดยสรุปคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ควรทำให้โปร่งใสให้มากที่สุด เพราะคนเหล่านี้เป็นบุคคลที่ถูกเชื่อมโยงกับประชาชนโดยตรง ถ้าทุกอย่างโปร่งใส เปิดเผยให้มากเท่าที่ควรจะเปิดได้ ศาลก็จะได้รับคำชื่นชม แต่ถ้าไม่เปิดเผย ปัญหาก็จะตามมาอย่างที่เห็น ยิ่งตัดสินไม่ตรงกับใจประชาชน บ้านเมืองจะไม่มีที่พึ่ง ทั้งๆ ที่ศาลควรเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้ประชาชน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top