พลทหารเหยียบกับระเบิดที่ตาควาย ขาขาดอีก1นาย มทภ.2ซัดเขมรละเมิดข้อตกลงซ้ำซาก

พลทหารเหยียบกับระเบิดที่ตาควาย ขาขาดอีก1นาย มทภ.2ซัดเขมรละเมิดข้อตกลงซ้ำซาก

วันพฤหัสบดี ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

พลทหารเหยียบกับระเบิดที่ตาควาย
ขาขาดอีก1นาย
มทภ.2ซัดเขมรละเมิดข้อตกลงซ้ำซาก
ซุกบึ้มแบบใหม่ฐานพลาสติก
เครื่องตรวจวัตถุสแกนไม่เจอ
ผบ.ทสส.หนุนสร้างรั้วชายแดน

“โฆษก ทบ.”ลั่นรู้ทันกัมพูชาปลุกระดมชาวบ้าน ป่วนรื้อลวดหนามไทยยั่วยุให้ใช้ความรุนแรง หวังเก็บภาพฟ้องชาวโลก ด้าน“มทภ.2”แถลง 11 ข้อผลถก RBC‘ห้ามโจมตีที่ตั้งทหาร-ยั่วยุ-อย่าปั่นเฟกนิวส์-เร่งตอบสนองการประท้วง’ ตามคาด ‘เขมร’โยน GBC เก็บกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์ ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันกลางที่ประชุมให้งดใช้ทุ่นระเบิดตามอนุฯออตตาวา และดำเนินการปราบแก๊งคอลฯทันที ยังไม่ทันข้ามวัน ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ที่ปราสาทตาควายขณะลาดตระเวน มทภ.2 ออกโรงประณามเขมรระเบิดข้อตกลงหยุดยิง-อนุสัญญาออตตาวาซ้ำซาก ชี้ทุ่นระเบิดโครงสร้างเป็นพลาสติก เครื่องตรวจไม่เจอ ส่วน “ผบ.ทสส.” แจงยิบกลางวงถกผบ.ทสส.อินโด-แปซิฟิก ไทยทำเพื่อป้องอธิปไตยและคนไทย หนุนสร้างกำแพงถาวรกั้นชายแดน สกัดเขมรรุกราน 

จากกรณีสำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา-ไทย โดยระบุว่าไทยละเมิดอธิปไตยของเขมรและละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ทบ.โต้กันลวดหนามเขตไทยป้องกันเขมรรุก


เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกออกมาตอบโต้ว่า ในการดำเนินการวางลวดหนามเพื่อป้องกันตนเองของฝ่ายไทยนั้น เกิดจากการถูกคุกคามด้วยอาวุธทุ่นระเบิดจากฝ่ายเขมร ถือเป็นความตั้งใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของเขมร ขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยไทยทั้งสิ้น และจากการปฏิบัติดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้รุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจยของเขมร แต่กลับเป็นฝ่ายเขมรที่สนับสนุนคนเขมรมารุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของคนไทย

ตอกเขมรฉีกMOU43สร้างชุมชนเพิ่มขัดแย้ง

โฆษกกองทัพบกกล่าวต่อว่า เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองจานนั้น คือการที่กัมพูชาได้สนับสนุนให้ตั้งชุมชนรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งถือว่าผิดข้อตกลงตาม MOU43 จนทำให้ประชาชนไทยเดือดร้อน แม้ไทยได้ประท้วงไปตามขั้นตอน แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขจากกัมพูชา รวมถึงลักษณะดังกล่าว ไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน เพราะพื้นที่นี้มีความขัดแย้งอยู่เดิม เกิดมานานกว่า 20 ปี โดยไทยใช้แนวทางแก้ไขด้วยการประท้วงตามเงื่อนไขข้อตกลง MOU43 มาตลอด แต่เขมรกลับเพิกเฉย ส่วนตามบันทึกความเข้าใจ MOU43 ที่ห้ามดำเนินการที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดนนั้น ไม่ใช่ฝ่ายไทยละเมิด แต่เขมรก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งในส่วนบ้านเรือนประชาชน และอาคารพักพิงของทหารกัมพูชา ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างที่เขมรกล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และละเมิด MOU 43 นั้น ล้วนเป็นเรื่องบิดเบือนที่เขมรพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ต่อกรณีนี้ถือเป็นการบิดเบือนข่าวสารของเขมร ซึ่งนับเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงด้วยเช่นกัน

ไทยรู้ทันเขมรใช้ปชช.ก่อกวนหวังฟ้องโลก

“จนกระทั่งล่าสุดจากการที่ฝ่ายไทยพยายามวางลวดหนามเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับคณะสำรวจที่ดินฝ่ายไทย ทางฝ่ายกัมพูชาได้สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามาก่อกวน แสดงออกในท่าทีที่ก้าวร้าว อาจมุ่งหวังให้ไทยเพลี่ยงพล้ำไปใช้ความรุนแรงตอบโต้ แล้วแอบเก็บบันทึกภาพไปฟ้องชาวโลก แต่เนื่องจากไทยได้รู้เท่าทัน อาศัยความอดทนอดกลั้น จึงอาจทำให้สิ่งที่กัมพูชาตั้งใจไว้นั้นไม่บรรลุผลตามต้องการ”พลตรีวินธัย กล่าว

มทภ.2แถลงผลRBC11ข้อ-ย้ำอย่าปั่นเฟกนิวส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (Regional Border Committee: RBC) ที่ จุดผ่านแดนถาวร ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ตรงข้ามช่องจวม จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เป็นประธานฝ่ายไทย ร่วมกับ

พลโท โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 เป็นประธานร่วม หลังประชุมพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) แถลงว่า ที่ประชุมลงนามข้อตกลงร่วมกัน 11 ข้อคือ 1. ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย -กัมพูชา (GBC)ที่ผ่านมามีผลบังคับใช้ และทั้งสองฝ่ายยอมรับทุกข้อ

2.ขอให้ทั้งสองฝ่ายตกลง เรื่องการสื่อสารตามปกติ หมายถึง การติดต่อสื่อสารระหว่างกำลังทหารในพื้นที่ให้มากขึ้น 3.ขอให้ทั้งสองฝ่ายเข้มงวด การออกข้อความที่เป็นเท็จในสังคม การสื่อสารทางออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ขอความร่วมมือโดยให้ทั้งสองฝ่ายดูข้อเท็จจริง ดูมวลชนฝ่ายตัวเอง โดยฝ่ายไทยขอให้กัมพูชาไปกำกับดูแลในส่วนนี้ เพื่อระมัดระวังการออกข้อมูลที่เป็นเท็จ ซึ่งจะนำมาซึ่งความไม่เรียบร้อยในประเทศ

ห้ามโจมตีที่ตั้งทหาร-ห้ามยั่วยุ

4. ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ขยายความขัดแย้งโดยการกระทำใดๆ ไม่มีการยั่วยุทางด้านการทหาร รวมถึงการใช้พลเรือน ยั่วยุ เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน 5.การดำเนินการใดๆ ต่อที่ตั้งทางทหารของแต่ละฝ่าย ต้องได้รับความคุ้มครองให้มีความปลอดภัย โดยไม่กระทำต่อที่ตั้งของแต่ละฝ่าย โดยใดๆก็ตาม หมายถึง การปรับปรุงฐานที่มั่น ต้องได้รับความคุ้มครอง เช่น การทำบังเกอร์ ห้ามยั่วยุและทำร้ายกันและกันในที่ตั้ง พร้อมขอให้ทั้งสองฝ่ายมีการลาดตระเวนเช่นเดิม ส่วนพื้นที่ในที่ตั้งหน่วยทหารต่างฝ่ายให้ปรับปรุงตามสมควร ไม่ให้ใช้อาวุธต่อที่ตั้งทหารซึ่งกันและกัน 6. ให้ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงการพัฒนาเชิงบวก ปฏิสัมพันธ์ในแง่ที่ดี หมายความว่า พบปะกัน พัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี โดยขอความร่วมมือทหารระดับล่าง จนถึงระดับสูง ขอให้เพิ่ม การพบปะพัฒนาสัมพันธ์ ให้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน

ตามเดิมปัดร่วมกู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ

7. ให้ทั้งสองฝ่าย ร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามมนุษยธรรมซึ่งทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกอนุสัญญาออตตาวา จึงขอความร่วมมือไม่ให้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยกัมพูชาเสนอว่า ประเด็นนี้ ขอนำไปสู่การประชุมGBCครั้งหน้า เนื่องจากเป็นระดับนโยบาย แต่ในส่วนฝ่ายไทยยืนยันการประชุมในครั้งนี้ว่า ให้งดการใช้ทุ่นระเบิด ตามหลักอนุสัญญาออตตาวา 8.ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบจัดตั้งชุดประสานงานซึ่งปัจจุบันมีอยู่แล้ว แต่จะเพิ่มขึ้นไปอีก แต่จะไปตกลงกันในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นจะจัดให้ฝ่ายละ 4 นาย ซึ่งปกติก็ประสานงานกันอยู่แล้วระดับผู้การกรม ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีอะไรเสียหาย 9. ทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันให้ความร่วมมือปราบปราม ป้องกัน อาชญากรรม ข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงออนไลน์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบ ค้าอาวุธ รวมถึงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายข้ามแดนทั้งหมด โดยฝ่ายไทยยืนยันดำเนินการเรื่องนี้ทันที แต่ฝ่ายกัมพูชาขอให้นำประเด็นนี้เข้าสู่ในการประชุมGBC

จี้เร่งตอบสนองต่อการประท้วงแต่ละครั้ง

10. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญ ตอบสนองต่อการประท้วง เกี่ยวกับข้อพิพาทต่างๆ ขอให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งต่อเรื่องนี้ ฝ่ายไทยขอกำหนดเวลาในห้วงแรก แต่ฝ่ายกัมพูชา เสนอว่า การกำหนดห้วงเวลาให้ไปหารือในการประชุมGBC หมายความคือ หากมีการกระทำผิดเอ็มโอยู หรือข้อตกลงต่างๆ มีการรุกล้ำอธิปไตย เมื่อมีการประท้วงทางเอกสารแล้ว ให้อีกฝ่ายได้ตอบสนอง ต่อปัญหานั้นให้รวดเร็ว โดยขอให้กำหนดเป็นห้วงเวลา ตอบรับการแก้ปัญหาที่มีความขัดแย้งกัน เช่น การทำผิดเอ็มโอยู43 มีการก่อสร้าง ในพื้นที่ ฝ่ายไทยได้ทำหนังสือประท้วงไป ฝ่ายกัมพูชาก็ขอให้ไปหารือในการประชุมGBC 11. ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบให้มีการจัดประชุมRBCขึ้น ตามห้วงเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

พลโทบุญสินกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ฝ่ายไทยเสนอว่า การจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) ชุดปัจจุบันทำงานได้ดี เช่น ผู้ช่วยทูตทหาร จึงเห็นชอบว่าให้คงคณะIOT ชุดนี้ต่อไป เพียงแต่ข้อนี้ ไม่ได้อยู่ในบันทึกการประชุม มีเพียง 11 ข้อ ที่อยู่ในบันทึก การประชุม เพื่อเจตนาที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

ฮึ่มเขมรลอบซุกระเบิดอีกพร้อมตอบโต้

พลโทบุญสินให้สัมภาษณ์หลังแถลงผลการประชุมคณะกรรมการ อาร์บีซีกองทัพภาคที่ 2 ว่า ในส่วนการวางระเบิดใหม่ของเขมรหลังมีข้อตกลงหยุดยิง ก็ยังมีเกิดขึ้นสองครั้ง ซึ่งมาตรการตอบโต้ก็ยังเหมือนเดิม ในการประชุมวันนี้เขมรก็ไม่ยอมรับ แล้วยังยืนว่าได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยทุ่นระเบิดอย่างเคร่งครัด

“แต่ถึงอย่างไร หากยังมีการวางทุ่นระเบิดอีก ทางพื้นที่พร้อมตอบโต้ เพราะเป็นการรุกล้ำอธิปไตย ซึ่งการละเมิดเอ็มโอยู 43 ต่างๆนั้น ต้องดูผลการปฏิบัติจากนี้ว่ามีความจริงใจหรือไม่ และขึ้นอยู่กับผู้นำเขมรด้วยว่ามีทิศทางอย่างไรต่อไป แต่เราก็พร้อมปฏิบัติทุกรูปแบบ ส่วนเหตุผลที่ต้องนำเรื่องการปราบคอลเซ็นเตอร์ไปหารือระดับจีบีซี เพราะเป็นเรื่องนโยบายของประเทศ เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน แม่ทัพภาคดูโดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน” พล.ท.บุญสิน กล่าว และว่า ส่วนข้อตกลงเรื่องทุ่นระเบิด และคอลเซนเตอร์ฝ่ายไทยเป็นคนเสนออย่างชัดเจน และมีอีกหลายข้อที่เขมรเสนอ แต่ไทยไม่ได้นำเข้าที่ประชุม เพราะเป็นเรื่องทั่วไป ภาพรวมทั้งหมดเราคงต้องดูผลปฏิบัติและท่าทีของเขมร โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาของเขมรว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังหรือไม่

ลั่นไม่รื้อลวดหนาม-2ปท.ต้องยึด11ข้อตกลง

แม่ทัพภาคที่2กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนก่อนประชุมอาร์บีซียังปกติ ต่างฝ่ายต่างหยุดยิงตามข้อตกลงของจีบีซี ในภาพรวมการวางกำลัง ของสองฝ่ายยังเท่าเดิมและอยู่ในจุดเดิม จะเพิ่มกำลังบางจุดของเขมรบางส่วนซึ่งเราก็เก็บหลักฐานไว้ เพื่อประท้วงตามขั้นตอน สำหรับเรื่องรั้วลวดหนามที่กัมพูชาประท้วง เขาก็พูดขึ้นมา ตนก็ยืนยันเป็นการป้องกันฐานที่ตั้งตามแนวเขตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และตามหลักยุทธวิธี เรายืนยันว่าไม่รื้อ

ส่วนที่กังวลกันว่าแม้จะทำข้อตกลงกันแล้ว แต่ยังมีการบิดเบือนและฝ่าฝืน แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศอยู่ในที่ประชุมด้วยและตรวจสอบคำพูดในแถลงการณ์ทั้งหมด ตนได้ลงนามทั้ง 11 ข้อก็ต้องเป็นไปตามนั้นไม่มีเพี้ยน ซึ่งการหารือก็ว่ากันไป แต่การลงนามจะมีจำนวนข้อที่ระบุไว้ชัดเจนทั้งหมด และจะนำไปแจกให้สื่อมวลชน เพื่อนำไปเปิดเผยต่อสาธารณชน ให้ประชาชนทั่วประเทศทราบ รวมถึงคนเขมรได้รับทราบด้วยว่าเราจะลงนามตามนี้ จะไปชี้แจงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

ทภ.2สั่งผบ.หน่วยเด็ดขาดไม่ว่าใครล้ำแดน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการประชุมวันนี้มั่นใจได้อย่างไรว่าเขมรจะไม่ยิงใส่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ฝั่งไทยอีก พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เป็นสถานการณ์ในอนาคตที่เราหวังว่าจะไม่เกิด แต่การยิงกันผ่านมาไม่กี่วัน คุยกันแล้วก็พัฒนาไปต่างฝ่ายต่างไม่อยากให้สูญเสีย ก็ต้องรอดูว่านโยบายผู้บังคับบัญชาเขมรเป็นอย่างไร การปฏิบัติและท่าทีทหารเขมรตลอดแนว เป็นอย่างไร ก้าวร้าวหรือมีการปฏิบัติที่นำไปสู่ความขัดแย้งที่จะใช้อาวุธหรือไม่ ซึ่งบรรยากาศก็เริ่มดีขึ้น กัมพูชาเสนอว่าให้พบปะกันบ่อยๆ แต่ก็ต้องดูความจริงใจในการปฏิบัติด้วย

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่กัมพูชานำมวลชนมากดดันในพื้นที่กองทัพภาคที่1 มีส่วนในการกำหนดข้อตกลงอาร์บีซีวันนี้หรือไม่ พล.ท.บุญสินยอมรับว่า ใช่ ในข้อที่ 4 ที่ระบุว่ามายุยงทั้งทหารและพลเรือน รวมทั้งไม่ใช้กำลังทหารและพลเรือนสร้างความขัดแย้งตลอดแนวชายแดน ซึ่งเขาก็ยอมรับ โดยในส่วนกองภาคที่ 2 ได้ให้นโยบายกับผู้บังคับหน่วยไปว่าให้เด็ดขาดในการแก้ปัญหาไม่ว่าเป็นจุดไหน ถ้ามีท่าทีจะรุกล้ำอธิปไตยไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น เรามีแผนปฏิบัติตามขั้นตอนตั้งแต่การแจ้งเตือน เป็นมาตรการจากเบาไปหาหนัก หลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนสองฝ่ายปะทะกัน

เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่สระแก้ว จะทำให้เกิดการปะทะรอบใหม่หรือไม่ แม่ทัพภาคที่2 กล่าวว่า ให้ทางเจ้าภาพเป็นคนตอบดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 1

ย้ำถ้ามีการใช้กำลังเราพร้อมตลอดแนว

ถามย้ำว่า ถ้ามีเหตุรุนแรงจะมีผลกระทบชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 หรือไม่ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ก็มีส่วนบ้างในกรณีมีการใช้กำลังทหาร เราก็พร้อมปฏิบัติตลอดแนวอยู่แล้ว ตนเชื่อมั่นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่จะรับมือได้ ส่วนมวลชนจัดตั้งที่มายั่วยุเป็นหน้าที่ของหน่วยในพื้นที่ไปแก้ หาวิธีทำให้สถานการณ์คลี่คลาย

“ผมเชื่อมั่นว่า ท่านแม่ทัพภาคที่ 1จะแก้ไขได้ ให้กำลังใจกัน ในส่วนกองทัพภาคที่ 2ก็เตรียมเหมือนกัน” สำหรับประชาชนตามแนวชายแดนให้ฟังข่าวสารจาก ฝ่ายความมั่นคง และกองกำลังสุรนารีเป็นหลัก กรณีปราสาทตาควายนั้น เป้าหมายยังเหมือนเดิมอยู่ในขั้นตอนของเรา พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยก็พร้อมปฏิบัติทันที เมื่อมีสถานการณ์หรืออย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งด้านประท้วงการทูตก็ยังทำเหมือนเดิม

ผบ.ทสส.แจงยิบไทยต้องปกป้องดินแดนไทย

ที่ จ.เพชรบุรี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ให้สัมภาษณ์หลังร่วมประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ประจำปี 2568 ว่า การประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกครั้งนี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งระหว่างประชุมหลายประเทศสอบถามถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ไทยใช้โอกาสนี้ส่งข้อมูลที่เป็นความจริงไปยังนานาประเทศที่เข้าร่วมประชุม พร้อมย้ำว่า ทุกการกระทำเป็นการทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ดินแดนของไทย รวมทั้งคุ้มครองชีวิตของคนไทยไว้เต็มความสามารถ ภายใต้กรอบกติการะเบียบโลก นอกจากนี้ ยังมีความพยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร จึงใช้โอกาสนี้ชี้แจงข้อเท็จจริง เช่น ทหาร ประชาชนถูกทำร้าย การลอบวางทุนระเบิด โดยขอความร่วมมือจากหลายประเทศ ให้สนับสนุนการเข้ามาเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่เขมรวางไว้ในดินแดนไทย ยืนยันว่า ไทยต้องสื่อสารอย่างมืออาชีพบนข้อเท็จจริงที่มี และบนจุดปกป้องอธิปไตย ไม่ยอมให้ใครมารุกราน

ทบ.ลุยสร้างกำแพงถาวรตลอดแนวชายแดน

ส่วนการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ให้เข้มแข็งเพื่อป้องกันการรุกรานนั้น พล.อ.ทรงวิทย์ ระบุว่า กองทัพบกกำลังพิจารณาและนำไปปฏิบัติทั้งในส่วนกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 โดยเมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) ได้ให้เสนาธิการ ลงไปในพื้นที่ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ตรงนั้นคือดินแดนของไทย และจะต้องสร้างกำแพงที่แข็งแรง เพื่อปกป้องประชาชน และการรุกรานจากฝ่ายตรงข้าม โดยยืนยันว่าตนจะสนับสนุนทุกการกระทำของกองทัพบกอย่างแน่นอน

พลทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก1ที่ตาควาย

ช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เวลา 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว รายละเอียดอื่นจะรายงานให้ทราบต่อไป

มทภ.2ประณามละเมิดหยุดยิงไม่หยุด

ด้านพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวประณามกัมพูชาละเมิด ข้อตกลงหยุดยิงและอนุสัญญาออตตาวา ต่อเนื่อง หลังวันนี้เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุพลทหารอดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้ช่วยเหลือ และนำส่งรพ.แล้ว

สำหรับเนิน350 ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาวางกำลังหนาแน่น และมีทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ โดยวันนี้ทหารไทยออกไปลาดตระเวน ซึ่งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดตรวจหาไม่เจอ เพราะทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นโครงสร้างเป็นพลาสติก ถ้าเป็นการวางใหม่ เบื้องต้นทำหนังสือประท้วงไปทางเขมรและเตรียมกำหนดแผนทางการทหารต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top